เกาะหมาก สร้างท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน
เรื่อง : นกขุนทอง
เรื่อง : นกขุนทอง
ทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกก็สวยงามไม่หยอก และกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ นาทีนี้ต้องยกความร้อนแรงให้กับ “เกาะหมาก” เสน่ห์แห่งความงามและความเงียบสงบของเกาะหมาก จ.ตราด จับใจผู้คนจากทั่วโลก
เกาะหมากที่มีพื้นที่กว่า 9,000 ไร่ เคยได้รับการยกย่องจากนิตยสาร เดอะ ซันเดย์ ไทม์ (The Sunday Times Magazine) ให้เป็นชายหาดลึกลับที่แสนงามของโลกใบนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่สถานที่นี้จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวซึ่งชื่นชอบธรรมชาติอันสวยงามและความสงบจะหลั่งไหลเข้ามาบนเกาะไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ
“ธรรมนูญเกาะหมาก” จึงเกิดขึ้น เพื่อสร้างเกาะหมากให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ดำรงอยู่และเติบโตอย่างไม่ทำร้ายตัวเอง ด้วยแนวคิดสำคัญ คือ “เกาะหมากโลว์คาร์บอน”
เกาะหมากโลว์คาร์บอน คือ การท่องเที่ยวบนเกาะหมากแบบคาร์บอนต่ำ เช่น การส่งเสริมการปั่นจักรยาน และสัญจรด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมกิจกรรมเล่นเรือใบ กิจกรรมพายเรือคายัก
และเน้นทำอาหารแบบคาร์บอนต่ำ หวังสร้างเครือข่ายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้คือความร่วมมือกันระหว่างองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และประชาชนบนเกาะหมาก ซึ่งได้จัดกิจกรรม “เกาะหมากสดใส ร่วมใจลดคาร์บอน”
ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ รองผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า คาร์บอนต่ำคือความตั้งใจของเราที่จะลดก๊าซคาร์บอนออกไปสู่ชั้นบรรยากาศโลก ถึงไม่ให้เรือเฟอร์รี่เทียบฝั่งที่นี่ เพราะเรือเฟอร์รี่มีการขนรถหรือจักรยานยนต์มา
“ถ้าเราโอเวอร์โหลดมากเกินไปก็จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกาะหมากแฮปปี้ที่มีนักท่องเที่ยวเท่านี้ โรงแรมจะไม่มากแต่เข้มแข็งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการรวมตัวกันกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นักท่องเที่ยวมาก็จะมาเที่ยวซ้ำ และพาญาติๆ มาด้วย เพราะมากี่ครั้งก็งดงามเหมือนเดิม
เกาะหมากมีขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำกัด และทางผู้ประกอบการและชุมชนได้รับรู้ร่วมกัน จึงมั่นใจว่าการท่องเที่ยวในเกาะนี้จะไม่กระทบต่อแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเรายังปลูกฝังแนวความคิดจากรุ่นสู่รุ่นว่าเกาะหมากไม่จำเป็นต้องเจริญมากแต่สามารถอยู่ได้”
ในปีนี้วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก กับ อพท.จึงช่วยสนับสนุนจักรยานจำนวน 100 คัน มอบให้แก่วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการรถจักรยานได้ 2 แบบ คือ ฟรีและเสียค่าเช่าในอัตราสูงสุดไม่เกินคันละ 50 บาท/วัน
นอกจากลดการใช้เครื่องยนต์แล้ว ชุมชนและผู้ประกอบการบนเกาะหมากยังมีกิจกรรมเก็บขยะบนชายหาด ร่วมกับ อบต. และนักท่องเที่ยวทุกวันเสาร์ ภายใต้ชื่อ “Trash Hero” รวมถึงช่วยกันดูแลเรื่องความปลอดภัยของคนบนเกาะและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ทั้งหมดอยู่ในความร่วมมือของการจัดทำธรรมนูญเกาะหมากทั้งหมด 8 ข้อ เพื่อเน้นย้ำความเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ “เกาะหมาก โลว์คาร์บอน เดสติเนชั่น” ประกอบด้วย
1.ไม่สนับสนุนให้เรือเฟอร์รี่นำยานพาหนะของนักท่องเที่ยวข้ามมายังเกาะหมาก
2.รถจักรยานยนต์ให้เช่าต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนห้องพักบนเกาะหมาก
3.ไม่สนับสนุนการใช้วัสดุจากโฟม หรือวัสดุที่ก่อให้เกิดมลพิษเพื่อใส่อาหาร
4.ห้ามทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล ของเหลือรับประทานลงในที่สาธารณะ และแหล่งน้ำโดยเด็ดขาด
5.ไม่สนับสนุนให้ใช้สารเคมีที่มีสารตกค้างสูง
6.ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวน หรือเป็นการเดือดร้อนในเวลา 22.00-07.00 น.
7.ไม่สนับสนุนกีฬาทางบกและทางทะเลที่ใช้เครื่องยนต์ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชน
8.ห้ามนำ ห้ามเสพ ห้ามจำหน่ายสารเสพติดผิดกฎหมายทุกชนิดบนเกาะ
ความร่วมใจของคนในท้องถิ่นที่ต้องการเห็นเกาะหมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างมีคุณภาพนั่นเอง
นิพนธ์ สุทธิธนกูล ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก กล่าวว่า การท่องเที่ยวบนเกาะหมากมีการเติบโตและอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด
“เป็นจุดที่ชาวบ้านและชุมชนบนเกาะหมาก ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เจ้าของทรัพยากร ต้องมาทบทวนและทำความเข้าใจร่วมกัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดทำธรรมนูญเกาะหมาก ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันทั้งฝ่ายชาวบ้าน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ที่จะร่วมกันปฏิบัติ
การจัดทำธรรมนูญเกาะหมาก วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวได้รับการสนับสนุนจาก อพท. สาระสำคัญคือการพัฒนาแหล่งและกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาเกาะหมาก
รวมทั้งการพัฒนาระบบโมบายแอพพลิเคชั่นเพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนแก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนของเกาะหมากให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง”
ทั้งหมดก็เพื่อรักษาเกาะหมากไว้ ให้ยังคงมีเสน่ห์งดงามเช่นเดิม และเติบโตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืนต่อไป