posttoday

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (6)

16 ธันวาคม 2561

กว่าล้อจะหมุนจากแหลมมาเอดะ เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว เมือง Chatan

กว่าล้อจะหมุนจากแหลมมาเอดะ เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว เมือง Chatan อยู่ไม่ไกลจากแหลมมาเอดะมากนัก ใช้เวลาไม่เกิน 35 นาที ก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา โดยหวังว่าเราน่าจะไปถึงทันก่อนฟ้าเริ่มมืด เพราะอยากเดินเล่นได้บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ระหว่างทางเรายังคงพูดถึงเรื่องการดำน้ำที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เป็นความคุ้มค่าคุ้มราคาแลกกับประสบการณ์ที่สนุกและน่าตื่นเต้น แถมบรรยากาศที่แหลมมาเอดะก็ยังน่าชวนมอง อาหารตาเต็มไปหมด ช่วยทำให้ทริปนี้กระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาได้บ้าง

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (6)

ทำไมความมืดถึงน่ากลัวนะ อาจเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ มองไม่เห็นรึเปล่าว่ากำลังเผชิญอยู่กับอะไร เราจึงจินตนาการคิดไปต่างๆ นานา ว่าอาจจะมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ จึงเกิดเป็นความรู้สึกกลัวและหวาดระแวงขึ้นมา แต่ถ้าเราคุ้นชินกับสถานที่อยู่บ้างก็อาจทำให้ความกลัวนั้นเบาบางหรือจางลงเพราะรู้ว่าถึงจะมืดก็ไม่มีอะไรน่ากลัว คงเหมือนกับคืนวันนั้นที่เราขับรถผ่านทางที่มีเพียงไฟสลัวโดยไม่มีรถผ่านมาสักคัน ทางลัดที่น่ากลัวในคืนนั้น เวลาฟ้าสว่างไม่ได้น่ากลัวอย่างตอนกลางคืนเลย และแท้ที่จริงถนนเส้นนี้ ไม่ได้เป็นทางเปลี่ยวอะไร เป็นเพียงทางที่ตัดผ่านส่วนหนึ่งของฐานทัพอเมริกัน ที่ตอนนี้กำลังนำเราไปสู่หมู่บ้าน American Village

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 โอกินาวาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสหรัฐ วัฒนธรรมต่างๆ ของอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การแต่งกาย ดนตรี ได้ถูกเผยแพร่สู่เกาะโอกินาวานับตั้งแต่นั้น จนเมื่อ ค.ศ. 1972 โอกินาวากลับคืนสู่การปกครองของญี่ปุ่น แต่ฐานทัพอเมริกันก็ยังคงอยู่ และวัฒนธรรมอเมริกันก็ยังทรงอิทธิพลแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน Mihama Chatan-cho Okinawa American Village หรือชื่อเรียกติดปาก American Village ตั้งอยู่บนพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลใกล้กับฐานทัพอเมริกัน เป็นสถานที่ที่รวบรวมแหล่งบันเทิงครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า ชิงช้าสวรรค์ เกมเซ็นเตอร์ ลานโบว์ลิ่ง โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารตะวันตก ร้านค้าจำหน่ายสินค้าจากอเมริกัน ทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีโรงแรม และชายหาดที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกได้

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (6)

ขับรถผ่านฐานทัพอเมริกันมาไม่นาน จะสังเกตเห็นชิงช้าสวรรค์ตั้งเด่นเป็นสง่าตรงทางเข้าหมู่บ้านอเมริกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถ มีลานจอดให้บริการอยู่หลายจุด บรรยากาศตอนนี้กำลังดี ท้องฟ้าอาจครึ้มๆ บ้างเป็นบางช่วง แต่แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ทอแสงไปทั่วทำให้ทุกอย่างดูนวลๆ มีมนตร์เสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เราเดินสำรวจผ่านร้านค้า ร้านอาหารบริเวณ American Depot เดินไปตามทางเลียบขนานคลองที่ผ่านระหว่างกลางหมู่บ้านจนมาถึงชายหาด Chatan Park Sunset Beach ชายหาดที่เป็นแหล่งพักผ่อนของชาวท้องถิ่น รวมถึงต่างชาติ ทั้งครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อน กลุ่มนักเรียน ต่างใช้เวลาพักผ่อนและดื่มด่ำบรรยากาศในตอนเย็นกันอย่างเต็มที่ นอกจากบริเวณชายหาดที่เราสามารถเอนกายผ่อนคลายและเล่นน้ำทะเลได้แล้ว ยังมีกำแพงหินทอดยาว ตกแต่งด้วยงานศิลปะกราฟฟิตี้ อีกด้านหนึ่งของกำแพงจะเป็นแท่งคอนกรีต 4 ขาหน้าตาคล้ายยานรบต่างดาว ที่ตั้งเรียงไว้เพื่อลดความรุนแรงของคลื่น มีวัยรุ่นและคู่รักไปนั่งเล่นกินลมชมวิวบรรยากาศบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างชิลๆ แต่ก็ต้องระวังหน่อย เพราะหินแต่ละตัวจะมีช่องว่าง ถ้าก้าวพลาดก็อาจตกลงไปติดแหง็กอยู่ในซอกแน่ เราใช้เวลาผ่อนคลายกับลมเย็นๆ และวิวพระอาทิตย์ตกอย่างไม่รีบร้อน ปล่อยให้เวลาค่อยๆ เดินนำหน้าไปก่อนจนฟ้าเริ่มมืด ณ ตอนนี้แสงสีถูกเปิดครบทุกจุด บรรยากาศยิ่งครึกครื้น คนเริ่มเยอะ มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนญี่ปุ่น และทหารอเมริกัน จึงทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้สึกนานาชาติมาก

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (6)

เราเดินเล่นไปพลางหาร้านอาหารไปพลาง ส่วนใหญ่ร้านอาหารที่นี่จะเป็นร้านอาหารตะวันตก พวกพิซซ่า เบอร์เกอร์สเต๊ก อาหารอิตาเลียน ร้านอาหารญี่ปุ่นท้องถิ่นพอมีบ้างประปราย ตัดสินใจกันไม่ถูก จึงลองถามคำแนะนำจากเพื่อนชาวโอกินาวา เค้าบอกว่ามีร้านซูชิร้านเด็ดร้านดังอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านอเมริกัน เราจึงไปตามคำที่เพื่อนบอก โอ้โห! คิวล้นออกมาจากร้าน คุณพระ! อะไรจะคิวยาวขนาดนั้น เราต่างก็ชั่งใจว่าจะรอหรือขับรถเข้าเมืองไปเช็กอินที่พักเลยดีไหม แต่มาถึงแล้วก็ต้องลองสิ! จึงไปต่อคิว ต้องรอประมาณ 10 กว่าคิว รอได้สักพักทำไมแต่ละคิวมันผ่านไปนานเหลือเกิน ใกล้จะเลยกำหนดเวลาเช็กอินแล้ว เรายังต้องขับไปนาฮะอีก จึงต้องขอยอมแพ้ ขับรถไปเช็กอินที่พัก แล้วหาอะไรกินแถวที่พักแทนละกัน

ขับไปเที่ยวไป ในโอกินาวา (6)

2 คืนสุดท้าย เราย้ายมาพักแถวเมืองนาฮะ เพราะจะได้สะดวกในการเก็บที่เที่ยวในตัวเมืองและเดินทางไปสนามบิน ขับรถจากหมู่บ้านอเมริกันมาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ถึง My Place Guesthouse ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ส่วนหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องพัก มีทั้งห้องแบบนอนรวม และแบบห้องเดี่ยว มีโซนส่วนกลางสามารถดูทีวี เล่นอินเทอร์เน็ต ทำอาหารนิดๆ หน่อยๆ ได้ ห้องที่เราจองเป็นห้องเตียงใหญ่ ขนาดไม่เล็กมาก มีทีวี โต๊ะ เก้าอี้ ตกแต่งห้องสไตล์มินิมอลสบายตา ดูดีเลยแหละ ส่วนห้องน้ำ จะแบ่งแยกชายหญิง จะมีคีย์การ์ดเข้าห้อง และมีรหัสเข้าชั้นของตัวเอง ฉะนั้น น่าจะหายห่วงเรื่องความปลอดภัยได้ รวมๆ แล้วที่นี่ก็โอเคเลยนะ แต่ก็แอบเซ็งตรงที่ไม่มีลิฟต์ จึงต้องแบกกระเป๋าขึ้นลง ขาขึ้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่ขาลงตอนจัดกระเป๋าเสร็จนี่สิ ไม่อยากจะคิดเลย พอเช็กอินเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาตามล่าหาอาหาร เราขับรถไปเรื่อยๆ โดยตกลงกันว่าถ้าเจอร้านไหนยังเปิดอยู่ก็กินร้านนั้นเลย ไม่เลือกแล้วหิวมาก และมื้อนี้เราจบที่ร้านโอโคโนมิยากิ สั่งมา 2 แบบ โอโคโนมิยากิ กับ มอนจะยากิ ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูคนไทยสักเท่าไหร่ พวกเราก็เพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรกเช่นกัน เขาจะใส่เบคอน ผักกะหล่ำปลีแล้วสับๆ ให้ละเอียด พอเริ่มสุกก็ทำเป็นวงกลมเว้นที่ไว้ตรงกลางเพื่อเทแป้งใส่ลงไป รอแป้งสุกสักหน่อย แล้วค่อยคลุกเคล้าจนส่วนผสมเข้ากันดี ปาดให้บางเต็มแผ่นกระทะ แล้วใช้ตะหลิวเล็กๆ ตักกินแทนช้อนหรือตะเกียบ หน้าตาอาจจะไม่สวยงามเท่าไหร่แต่รสชาติใช้ได้อยู่ คืนนี้อิ่มแน่นพุงกางอีกตามเคย ได้เวลาพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องผจญภัยนั่งเรือไปเที่ยวเกาะอื่นกันบ้าง