posttoday

ลอยกระทงคืนสุดท้าย ณ สุโขทัย

25 พฤศจิกายน 2561

โค้งสุดท้ายก่อนควันหลงวันลอยกระทงจะจางไป ราชธานีเก่าสุโขทัยได้ร่ำลาคืนสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่

โดย/ภาพ : กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย 

โค้งสุดท้ายก่อนควันหลงวันลอยกระทงจะจางไป ราชธานีเก่าสุโขทัยได้ร่ำลาคืนสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

ปีนี้งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ เน้นการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมในรูปแบบงานขรึม ขลัง อลังการ แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองสุโขทัย และรวมกิจกรรมที่น่าสนใจไว้มากมาย อย่างไฮไลต์ที่ผ่านมากับกิจกรรมการแสดงแสงเสียง ตอน เล่าเรื่องเมืองสุโขทัย บริเวณวัดมหาธาตุ จัดขึ้นวันที่ 16-25 พ.ย. 2561 เป็นงานแสดงที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 42 มีนักแสดงกว่า 400 คน และนับเป็นงานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของสุโขทัย เพราะทุกปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวงานและชมการแสดงแสงเสียงได้มากกว่าแสนคน

ลอยกระทงคืนสุดท้าย ณ สุโขทัย

สำหรับปีนี้มีความพิเศษมากขึ้นจากการนำเทคนิคโปรเจกชั่นแมปปิ้ง (Projection Mapping) หรือการฉายภาพลงบนวัตถุมาใช้ประกอบการแสดงเป็นครั้งแรก โดยบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) ได้ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์โปรเจกเตอร์ที่มีความสว่างสูงอย่างน้อย 4 เครื่องมาสร้างภาพขนาดใหญ่ ซึ่งไม่มีรอยต่อ เนียนตา และทำให้ภาพมีมิติมากขึ้น เช่น ฉากความรุ่งเรืองของเมืองสุโขทัยด้วยการฉายภาพเส้นแสงสีส้มอร่ามทอง ฉากธรรมชาติของเมืองสุโขทัยด้วยภาพต้นไม้ที่เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ และฉากประกายดาวระยิบระยับซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงการฉายแสงไฟ โดยสิ่งนี้ได้ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่และเพิ่มอรรถรสในการรับชมงานแสดงแสงเสียง

บริเวณลานหน้าวัดมหาธาตุอีกเช่นกัน ยังมีกิจกรรมข้าวขวัญ วันเล่นไฟ สำรับ สำราญ อาหารสุโขทัย ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลแก่ผู้มาเยือน โดยมีการขายบัตรรับประทานอาหารบนเสื่อ ราคาคนละ 500 บาท พร้อมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมสุโขทัยตลอดการรับประทานอาหาร

ลอยกระทงคืนสุดท้าย ณ สุโขทัย

วัตถุประสงค์ที่สำคัญของประเพณีข้าวขวัญวันเล่นไฟ คือ การรักษาธรรมเนียมไทยในการเลี้ยงข้าวปลาอาหาร เพื่อสร้างความรักความเข้าใจและกระชับสัมพันธไมตรี รวมทั้งรำลึกถึงบรรยากาศแบบไทยๆ ทั้งการแต่งกาย การนั่งล้อมวงบนเสื่อ การใช้โตกแทนโต๊ะอาหาร การรับประทานอาหารพื้นบ้าน โดยในปีนี้สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัยได้คัดสรรอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดมาเสิร์ฟบนสำรับ อาทิ ข้าวเปิ๊บ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แกงหยวก คั่วขนุน ปลารากกล้วยทอด ปลาเห็ด ลอดช่องคีรีมาศ กล้วยเชื่อมบ้านครูอิ๋ว และขนมวง จัดถึงวันนี้เป็นวันสุดท้าย เริ่มรับประทานอาหารเวลา 17.30-19.15 น. ซื้อบัตรรับประทานอาหารได้หน้างานหรือทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้เดินชิมช็อปในตลาดย้อนยุคหลายจุดภายในงาน แต่ที่ต้องห้ามพลาดคือ ตลาดแลกเบี้ย ตลาดที่ไม่ใช้ธนบัตรหรือเหรียญ แต่ต้องไปแลกเป็นเบี้ยหรือเปลือกหอยอย่างที่คนโบราณเคยใช้เพื่อนำไปซื้ออาหาร ส่วนพ่อค้าแม่ขายแต่งกายชุดไทย จำหน่ายอาหารท้องถิ่นและอาหารไทย ท่ามกลางเสียงเพลงของวงดนตรีสดที่ขับร้องเพลงไทยเดิม ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรับประทานบนโต๊ะที่ถูกตระเตรียมไว้ในบรรยากาศงานวัด

ลอยกระทงคืนสุดท้าย ณ สุโขทัย

ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุโขทัย ได้ร่วมตกแต่งสถานที่ด้วยตะคันไฟกว่า 3,000 ดวง พร้อมทั้งทำจุดเช่าชุดไทยและสามารถบันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ณ วัดชนะสงคราม ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีการประกวดกระทงเล็ก กระทงใหญ่ การประกวดโคมชักโคมแขวน การประกวดนางนพมาศ การแสดงพลุตะไลไฟพะเนียง และการแสดงแสงสี ตำนานเรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ บริเวณสระตระพังตระกวน วัดสระศรี นับเป็นอีกไฮไลต์ที่เปิดให้ชมฟรีจนถึงวันนี้เป็นวันสุดท้าย โดยหลังจากจบการแสดงแสงสีจะปิดท้ายด้วยการแสดงดอกไม้ไฟชุดใหญ่ ซึ่งสระตระพังตระกวนเป็นจุดชมดอกไม้ไฟที่สวยงามที่สุดเพราะเป็นพื้นที่เปิดกว้าง ไม่มีต้นไม้ปิดบัง และมีพื้นน้ำเป็นเงาสะท้อน

ลอยกระทงคืนสุดท้าย ณ สุโขทัย

ส่วนนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาลอยกระทงไม่ต้องกังวลว่าจะไปหาซื้อกระทงได้จากที่ไหน เพราะอุทยานฯ เปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านเข้ามาขายกระทงหลายรูปแบบ หลายราคา เริ่มตั้งแต่หลักสิบถึงร้อยบาท โดยสามารถนำไปลอยได้ที่สระตระพังตระกวน สระตระพังตาล และบึงน้ำหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ยังคงความยิ่งใหญ่และสืบสานมนตร์ขลังแห่งประเพณีไทยไว้ แม้ว่าวันนี้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ความงดงามของประวัติศาสตร์และธรรมเนียมไทยจะยืนยงต่อได้ด้วยคนไทยทุกคน