posttoday

รู้ก็ช่าง ไม่รู้ก็ช่าง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเรื่อง‘กาแฟ’ (2)

21 กันยายน 2561

เรื่อง : คาเอรุ ภาพ : เอเอฟพี

เรื่อง : คาเอรุ ภาพ : เอเอฟพี

มา “รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้” เรื่องกาแฟกันต่อ...

เรื่องนี้มีคนพูดกันมาก ว่าเราจะดื่มกาแฟ “มากเกิ๊น” หรือ Overdose กาแฟได้หรือไม่ คำตอบก็คือ เป็นไปได้นะ แต่ต้องดื่มกันเป็นร้อยๆ แก้วทีเดียวหละ ถึงจะแตะระดับที่เรียกว่า “เป็นพิษ” (Lethal Dose) ได้น่ะ

แล้วก็ รู้หรือไม่? ชาวนิวยอร์กนี่ดื่มกาแฟเป็นน้ำ รวมปริมาณแล้วดื่มมากกว่าที่อื่นๆ ที่เหลือในสหรัฐถึง 7 เท่าตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามถ้าจะพูดถึงชนชาติที่ดื่มกาแฟเฉลี่ยต่อคนมากที่สุดในโลก ต้องยกให้ชาวฟินแลนด์ ที่วันๆ หนึ่งดื่มกาแฟกันคนละอย่างน้อย 5 แก้ว/วัน

งานวิจัยเรื่องนี้ไม่ควรมองข้าม เป็นการทำวิจัยในผู้สูงอายุที่มีกาเฟอีนในเลือดสูง พบว่าพวกเขาห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ เบาหวาน 2 ประเภท และโรคพาร์กินสัน นอกจากนี้งานวิจัยชิ้นหนึ่งยังพบว่า กาเฟอีนช่วยให้สตรีไม่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

เชื่อมั้ยว่า กาแฟจะเย็นชืดช้าลง เมื่อมีการเติมครีมลงไป แม้ว่าจะเป็นการเติมครีมเย็นๆ ลงไปก็ยังจะเย็นช้ากว่ากาแฟดำตั้ง 20% แน่ะ แต่ก็นั่นแหละนะ เมื่อเราเติมนมหรือครีมลงไปจะทำให้เราได้รับกาเฟอีนน้อยลง เพราะว่าถูกไขมันของนมหรือครีมบล็อกการดูดซึมเอาไว้นั่นเอง

เคยมีการทำลายสถิติในการชงกาแฟลงกินเนสบุ๊ก โดยกาแฟถ้วยที่เคยชงกันใหญ่ที่สุดในโลกมีปริมาณ 3,700 แกลลอน ชงในปี 2014 ที่เกาหลีใต้ ขณะที่กาแฟเย็นก็เคยสร้างสถิติกันไว้ในปี 2010 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา วัดปริมาณได้ 1,500 แกลลอน แบบไม่รวมน้ำแข็ง

รู้ก็ช่าง ไม่รู้ก็ช่าง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเรื่อง‘กาแฟ’ (2)

กาแฟนั้นได้รับการแนะนำสู่นิวอัมสเตอร์ดัม หรือปัจจุบันคือ นิวยอร์ก ในกลางทศวรรษที่ 1,600 โดยกาแฟไม่ได้รับความนิยมเอาเลยในช่วงนั้น จนกระทั่งอีก 2 ทศวรรษต่อมา ที่มีการจัดงานบอสตัน ที ปาร์ตี้ ในปี 1773 เพื่อเยียวยาพิษภัยจากสงครามกลางเมือง และความขัดแย้งต่างๆ ภายในสหรัฐ ซึ่งช่วยเพิ่มความนิยมในการจิบกาแฟของอเมริกันชน โดยเฉพาะชาวนิวยอร์กเกอร์ได้อักโข

แล้วรู้มั้ยว่า จอร์จ วอชิงตัน เป็นคนคิดค้น “กาแฟสำเร็จรูป (Instant Coffee) ได้เป็นผลสำเร็จคนแรก -- ไม่... ไม่ใช่ จอร์จ วอชิงตัน คนที่เป็นประธานาธิบดีหรอกน่า แหม่...แต่เขาคือ นักเคมี จอร์จ คอนสแตนต์ วอชิงตัน ที่พยายามทำการทดลองทำกาแฟตากแห้งอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาเป็น เร้ด อี คอฟฟี่ กาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อแรกของโลก

ไม่ว่าจะเป็นกาแฟอะไร กลิ่นของมันก็ช่างหอมยวนใจ (สำหรับคอกาแฟ) เชื่อมั้ยว่า เพียงแค่ได้กลิ่นกาแฟ ก็สามารถกระตุ้นให้เราตื่นได้แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้โม้แน่นอน เพราะมีการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ที่ได้ผลออกมาว่า เพียงให้สูดดมกลิ่นของกาแฟ แล้วลองวัดค่ากิจกรรมการตื่นของยีนบางตัวในสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เราตื่นตัว ไม่หลับ ซึ่งเป็นกิจกรรมของสมองที่เกิดขึ้นเหมือนกับยามที่ได้ดื่มกาแฟเข้าไป เพียงแต่การดื่มจะทำให้เกิดกิจกรรมนี้ในสมองเร็วกว่าแค่ดมๆ ถึง 10 นาที

กาแฟคั่วเข้ม เห็นเข้มๆ ขมๆ นั้น จริงๆ แล้วมีกาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟที่คั่วอ่อนๆ ลงมาเสียอีกนะจะบอกให้ แม้ว่ารสชาติมันจะจี๊ดจ๊าดเข้มข้นปานนั้นก็ตาม ก็ด้วยเพราะการคั่วยิ่งนานก็ยิ่งเผาผลาญกาเฟอีนออกไปจากเมล็ดกาแฟนั่นเอง

ยังไม่จบเรื่องกาเฟอีน คอกาแฟรู้หรือเปล่า กาแฟดี-แคฟ (Decaf) ที่คนชอบสั่งเพราะกลัวนอนไม่หลับนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีกาเฟอีนนะ ในกาแฟดี-แคฟ ถ้วยขนาด 8 ออนซ์ ส่วนใหญ่จะมีกาเฟอีนอยู่ระหว่าง 2-12 มก. แต่ถ้าเทียบกับกาแฟทั่วๆ ไปในขนาดเดียวกันที่มีกาเฟอีน 95-200 มก. มันก็น้อยอยู่ล่ะนะ (ขณะที่โคล่าทั้งหลาย ขนาด 12 ออนซ์ มีกาเฟอีนราว 23-35 มก.)

ในสหรัฐ 80% ของอเมริกันชนเสพกาเฟอีนทุกๆ วัน จากข้อมูลขององค์การอาหารและยา (อย.) สหรัฐ ระบุว่า คนละราวๆ 200 มก./วัน หรือราวกาแฟ 2 แก้ว ขนาด 5 ออนซ์/คน โดยคนทำงานทั่วไปใช้จ่ายในการซื้อกาแฟ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/คน หรือราว 1,100 ดอลลาร์/ปี

ปิดท้ายด้วย ชื่อเรียกของกาแฟโดยดั้งเดิมนั้น คือ Qahwah มาจากภาษาเยเมน แปลว่า ไวน์!! ในตุรกีเรียก Kahveh ซึ่งความหมายไม่ต่างกัน จนกระทั่งชาวดัตช์เป็นชาติแรกที่เรียกว่า Koffie ทำให้เกิดภาษาอังกฤษ คำว่า Coffee ขึ้นมา