posttoday

ขับรถเที่ยวฮอกไกโด 8

19 สิงหาคม 2561

โรงแรม Tokachikawa Onsen Daiichi มี 2 ตึก ประกอบด้วย Toyo-tei

โรงแรม Tokachikawa Onsen Daiichi มี 2 ตึก ประกอบด้วย Toyo-tei และHosyu-tei ตึกแรกมี 87 ห้อง เป็นห้องญี่ปุ่นแบบมาตรฐาน มี 9 ห้องที่มีบ่อน้ำแร่ส่วนตัว ตึกหลังมีเพียง 24 ห้อง แต่ทุกห้องมีบ่อแช่น้ำแร่ส่วนตัวพร้อมวิวแม่น้ำ และมีช่องทางเข้าพิเศษที่ลูกค้าตึกแรกเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ มีเลานจ์ส่วนตัวให้ไปนั่งจิบเครื่องดื่มต่างๆ รวมทั้งแอลกอฮอล์และของขบเคี้ยวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เจ้าภาพ FMJ ใจดีมากให้ผมมานอนห้องฝั่ง Hosyu-tei แถมเป็นห้องริมสุดที่เห็นวิวแม่น้ำโทคาจิและสะพานเสาขึงแบบพาโนรามาได้กว้างไกลกว่าห้องอื่น ซึ่งมีเพียง 5 ห้องเท่านั้น ระเบียงด้านนอกมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชมวิวฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งเป็นบ่อแช่น้ำแร่ส่วนตัวที่ทะลุออกจากทางห้องน้ำได้

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูกาตะแล้วรีบลงไปสำรวจบ่อน้ำแร่รวมที่ชั้นล่าง มีทั้งบ่อในร่มและกลางแจ้งแต่มีผนังกั้น มองไม่เห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอก เนื่องจากบ่อรวมอยู่ระนาบเดียวกับถนน คงไม่งามเป็นแน่ถ้าจะเปิดให้เห็นวิวด้านนอก น้ำแร่ Moor มีคุณสมบัติดีสมคำร่ำลือ น้ำออกสีน้ำตาลอำพันดูมีสรรพคุณกว่าน้ำแร่ปกติ อันนี้ไม่ได้คิดไปเอง เพราะระหว่างแช่สัมผัสได้ถึงความลื่นของน้ำ อีกทั้งมีเศษเล็กๆ ปะปนอยู่ในน้ำด้วยซึ่งก็คือซากพืชที่ถูกทับถมและปะปนอยู่ในสายน้ำแร่นั่นเอง เมื่อขึ้นจากบ่อพอลูบผิว ความลื่นยังติดตรึงไปอีกนาน แช่เสร็จลองแวะขึ้นไปจิบอะไรเย็นๆ ที่เลานจ์เสียหน่อย หน้าตาคล้ายกับเลานจ์สายการบินขนาดย่อม มีเคาน์เตอร์เครื่องดื่มให้บริการตัวเอง มีของว่างให้กินซึ่งอร่อยมาก อยากกินมากชิ้นแต่ก็กลัวจะอิ่มไป เพราะเดี๋ยวก็ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว

ขับรถเที่ยวฮอกไกโด 8

ที่โรงแรม Tokachikawa Daiichi มีห้องอาหารหลายแห่งให้เลือกทาน แต่ค่ำนี้มีกรุ๊ปนักเรียนหญิงกว่า 200 คนมาเหมาฝั่ง Toyo-tei ไปแล้ว และห้องอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ก็คงแน่นขนัดไปด้วยน้องๆ ผมเลยปลีกวิเวกมาทานกันที่ห้องส่วนตัวในห้องอาหารญี่ปุ่น Hoshu-an เป็นชุด Kaiseki อีกเช่นเคย ถ้าอายุมากอย่างผมจะรู้ว่าการกินบุฟเฟ่ต์เป็นเรื่องสิ้นเปลือง เพราะกินไม่ได้มากต้องเลือกเฉพาะที่อยากกิน ซึ่งในแง่ของปริมาณก็ไม่แตกต่างจากการกินอาหารชุด แต่ในแง่ของคุณภาพฟันธงว่าดีกว่ามากครับ

โดยปกติอาหารชุด Kaiseki จะไม่มีการวางอาหารไว้บนโต๊ะก่อนที่ลูกค้าจะมานั่งเพราะจะเย็นชืด แต่ก็พออนุโลมได้บ้างสำหรับอาหารว่างหรือออร์เดิร์ฟที่ปกติก็กินกันแบบเย็นๆ อยู่แล้ว สำหรับที่นี่มีแต่ถาดไม่มีอาหารวางไว้ก่อน มีเพียงกระปุกดำๆ 2 ชั้นคล้ายปิ่นโตวางไว้ให้สงสัย เจ้าหน้าที่มารับออร์เดอร์เครื่องดื่มเป็นลำดับแรก ผมสั่งชาเขียว Gyokuro Hochicha Kaho ชาเขียวชั้นดีบรรจุในขวดแก้วที่มองผ่านๆ จะต้องคิดว่าเป็นขวดไวน์ ราคาต่อขวดราวๆ 4,000 เยน จำได้ว่าเคยดื่มชาเขียวแบบนี้บน Seven Stars รถไฟสุดหรูลำดับแรกของญี่ปุ่นแล้วติดใจ พอมาเจอที่นี่เลยต้องสั่ง

ขับรถเที่ยวฮอกไกโด 8

ระหว่างรอเจ้าหน้าที่นำเครื่องดื่มมาให้ อดใจไม่อยู่แอบเปิดผอบสีดำเทาที่วางอยู่ตรงหน้า นี่ถ้าโรงแรมมีกล้องวงจรปิดติดไว้ คนที่เฝ้ามองคงต้องขำ เหมือนเด็กแอบอยากทำอะไรนอกลู่นอกทาง ต้องรอจนเจ้าหน้าที่ออกจากห้องไปแล้วถึงค่อยกล้าเปิด ภาชนะคล้ายปิ่นโตทำจากเซรามิกมี 2 ชั้น ชั้นบนมีเนื้อสองสามชิ้นวางอยู่บนผัก ชั้นล่างใส่ถุงเล็กๆ คล้ายถุงเจลลี่เย็นหรือถุงร้อนไว้ คิดในใจว่าคงเป็นถุงให้ความร้อนเพื่อให้เนื้อสุก สักพักเจ้าหน้าที่ก็นำชามาเสิร์ฟ ใครมาเห็นกระบวนการเปิดฝาและรินชาต้องนึกว่ากำลังจะดื่มไวน์ เพราะองค์ประกอบได้หมด แม้แต่แก้วยังเป็นแก้วไวน์

จะว่าไปชาระดับ Gyokuro ก็เป็นระดับที่สูงเกือบจะที่สุดแล้ว ด้วยกรรมวิธีการคลุมต้นชาไม่ให้โดนแสงราว 21 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้ได้ใบชาที่มีสีเขียวสด อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายกว่าใบชาทั่วไป การชงใบชา Gyokuro จะใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิราว 50-60 องศาต่ำกว่าชาทั่วไป ให้รสชาติที่กลมกล่อมกว่าและมีรสหวานธรรมชาติแฝงอยู่ เมื่อมีโอกาสได้เจอชา Gyokuro จึงไม่พลาดที่จะต้องสั่งมาดื่มทุกครั้งไป ชาขวดนี้หาซื้อทางออนไลน์ได้ด้วย ผมลองเปิดดูเห็นราคาแล้วตกใจ ขายที่ฮ่องกง 1,000 เหรียญ ก็ราวๆ 4,300 บาท ที่สิงคโปร์ขาย 214 เหรียญ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 5,000 บาท แพงกว่าวิสกี้และไวน์หลายแบรนด์ด้วยซ้ำ

ขับรถเที่ยวฮอกไกโด 8

ระหว่างจิบชารสละมุนลิ้น เจ้าหน้าที่ก็นำของว่างมาเสิร์ฟ เป็นแอสพารากัสขาวราดซอสมัสตาร์ดและเห็ดหอมในดาชิ บรรจุมาในกล่องสวยงาม รสชาติดีทั้ง 2 อย่าง จากนั้นจึงเป็นออร์เดิร์ฟ 5 อย่าง ที่ติดใจมากสุดคือเต้าหู้ครีมชีส เพราะชีสเป็นอาหารฝรั่ง แต่พ่อครัวสามารถดัดแปลงให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ตามด้วยซูชิวะกิวอีกหนึ่งคำ เนื้อวะกิวชิ้นบางที่เผาไฟกึ่งสุกกึ่งดิบนุ่มและอร่อยมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปสาหร่ายที่มีทั้งหอยลายและขาปูซูไวในชามซุป เสียดายซูชิมาแค่คำเดียว ยังไม่หายอยากเลย จานต่อมาเป็นซาชิมิสดๆ มีกุ้งโบตันและมากูโระชิ้นโตหวานสดทั้ง 2 อย่าง และแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเปิดผอบชั้นล่าง รินน้ำลงไปถุงผ้า แล้วปิดครอบด้วยถ้วยชั้นบนที่ใส่เนื้อและผักก่อนจะปิดฝาปิ่นโต สรุปว่ามันคือหม้อนึ่งนั่นเอง น้ำทำปฏิกิริยากับถุงผ้าจนร้อนและกลายเป็นไอน้ำลอยขึ้นไปทำให้เนื้อสุก ระหว่างรอก็มีจานถัดไปอีก 2 อย่าง คือ ปลาต้มกับรากไม้ และไข่ตุ๋นผสมกามองแบร์ชีส มีไข่หอยเม่นอยู่เลเยอร์บนสุด ถ้วยนี้เด็ดมากครับ เนื้อวัวสุกพอดีกับจังหวะที่ข้าว ผักดอง และซุปมาเสิร์ฟ เนื้อนุ่มๆ ที่แทรกไปด้วยไขมันทั่วทั้งชิ้น กินกับข้าวผสมธัญพืชร้อนๆ ช่างเข้ากันดีแท้ ปิดคอร์สด้วยของหวานหน้าตาดี มีทั้งวาราบิโมจิชาเขียว และผลไม้ อิ่มกำลังดี

ขับรถเที่ยวฮอกไกโด 8

กินเสร็จออกไปเดินเล่นที่เฉลียงด้านข้างของโรงแรม เขาทำเป็นที่นั่งให้แช่เท้าได้อย่างสบายอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวหนาว เพราะทางโรงแรมเตรียมทั้งผ้าคลุมและผ้าเช็ดเท้าเอาไว้ให้พร้อมสรรพ นั่งผ่อนคลายสักพักก็กลับขึ้นห้อง ไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นซีดี แล้วออกไปแช่น้ำแร่ Moor ในบ่อส่วนตัวอีกรอบ ปิดไฟให้มืดแล้วแหงนมองฟ้า ดาวระยิบระยับเต็มสองตา เป็นอีกค่ำคืนที่มีความสุขมากๆ ในทริปนี้เลยครับ