posttoday

มหัศจรรย์ อโวคาโด

17 สิงหาคม 2561

ร้านที่หยิบเอา “อโวคาโด” มาเป็นพระเอกในทุกเมนูของร้าน ทั้งคาว ทั้งหวาน รวมทั้งเครื่องดื่มไม่เว้นแม้กระทั่งชื่อร้านก็หยิบเอาอโวคาโดมาตั้งชื่อนาม เดอะ แฮสส์ บิสโทร (The Hass Bistro)

เรื่อง: สาโรจน์ มีวงษ์สม ภาพ: ทวีชัย ธวัชปกรณ์

คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายร้านอาหารจะหยิบเอา “อโวคาโด” มาเป็นเมนูหลักในร้าน แต่ที่น่าสนใจ คือ มีบางร้านที่หยิบเอา “อโวคาโด” มาเป็นพระเอกในทุกเมนูของร้าน ทั้งคาว ทั้งหวาน รวมทั้งเครื่องดื่มไม่เว้นแม้กระทั่งชื่อร้านก็หยิบเอาอโวคาโดมาตั้งชื่อนาม

เดอะ แฮสส์ บิสโทร (The Hass Bistro) คือ คาเฟ่คอนเซ็ปต์สุดเก๋ที่นำอโวคาโดมาเป็นธีมหลักของร้าน เปิดต้อนรับให้ทั้งสายเฮลตี้และสายฟู้ดดี้ทั้งหลายได้มาลองรับประทานเมนูใหม่ๆ ที่ครีเอทจากอโวคาโดกัน แม้กระทั่งชื่อร้านก็ได้มาจากสายพันธุ์หนึ่งของอโวคาโด ที่เป็นการผสมข้ามสายพันธุ์กันระหว่างอโวคาโดพันธุ์ Mexican กับ Guatemalan จนได้อโวคาโดพันธุ์ The Hass ที่มีเนื้อที่แน่นและนุ่มกว่า ที่สำคัญน้ำยังน้อย จนเป็นที่ยอมรับของสาวกคนรักอโวคาโดจากทั่วโลก

“ที่บ้านผมเป็นบริษัทนำเข้าผลไม้รายใหญ่จากต่างประเทศมานานแล้วครับ และมา 2-3 ปี หลังเทรนด์รักสุขภาพมาแรง และอโวคาโดก็เป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ผู้คนกลุ่มนี้ได้อย่างดี คนจะรู้จักกินอโวคาโด ก็คือ กินตอนเป็นผลห่ามๆ ไม่ก็นำมาทำน้ำผลไม้ เราเลยอยากนำเสนออโวคาโดในมุมใหม่ๆ คือ การหยิบมาทำอาหาร ทั้งคาว ทั้งหวาน และเครื่องดื่ม ที่ผสมผสานไอเดียในการรังสรรค์เมนูมาให้รับประทานกัน”

คำบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการเปิดร้าน หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอย่างหนุ่ม เทอม-วสกร สันต์สัมพันธ์กุล โดยส่วนตัวก็เป็นหนุ่มที่รักสุขภาพ และชอบรับประทานอโวคาโดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“อย่างพันธุ์ The Hass เนื้อจะแน่นและนุ่ม และน้ำน้อย ทางร้านใช้ไซส์แบบพรีเมียม นำเข้าจากทั่วโลกเลย แต่ฤดูกาลจะนำเข้าจากต่างที่กันส่วนใหญ่พันธุ์นี้จะมาจากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยส่วนตัวผมชอบก็ชอบอโวคาโดอยู่แล้วครับ เพราะเป็นผลไม้ที่ให้ไขมันดี ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ เรากินไขมันดีก็เพื่อเผาผลาญไขมันไม่ดีออกไปจากร่างกาย และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยนะครับ”

เทอม ยังแนะนำอีกว่า การหยิบอโวคาโดมาทำแต่ละเมนูนั้นต้องเลือกให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด เทคนิคง่ายๆ ก็คือ ใช้อโวคาโดที่ห่ามทำเมนูคาว ส่วนของหวานและเครื่องดื่มให้ใช้อโวคาโดที่สุก โดยให้สังเกตจากผิวของอโวคาโด ถ้าสีออกคล้ำแสดงว่าใช้ได้แล้ว หรือไม่ก็ใช้มือบีบ ถ้านุ่มเป็นอันว่าใช้ได้

พูดถึงผลไม้มหัศจรรย์ชนิดนี้แล้ว ทำให้นึกย้อนไปถึงถิ่นกำเนิดอันแสนยาวไกล โดยคนอเมริกันรู้จักอโวคาโดมากว่า 2,500 ปีมาแล้ว โดยต้นอโวคาโดเป็นพืชพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ แถบร้อน และเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในราวศตวรรษที่ 16 เมื่อพวกสเปนพบอโวคาโดปลูกกันแพร่หลายตั้งแต่เม็กซิโกลงไปจนถึงเปรูและเวเนซุเอลาแต่การแพร่กระจายของอโวคาโดจากแหล่งกำเนิดไปยังแหล่งอื่นๆ นั้นช้ามาก มีการนำเข้าไปลูกในจาเมกา เมื่อปี 1650 ต่อมาในต้นศตวรรษที่ 18 ถึงเริ่มเข้าสู่ฮาวาย

การปลูกอโวคาโดในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นที่รัฐฟลอริดา โดยเริ่มต้นด้วยการปลูกด้วยเมล็ด ซึ่งเป็นการนำเมล็ดอโวคาโดมาจากเม็กซิโกราวปี 1800-1900 และการทำสวนอโวคาโดเพื่อการค้าก็เริ่มทำในอาร์เจนตินาเมื่อปี 1920 แอฟริกาใต้เมื่อปี 1920-1930 จาเมกาเมื่อปี 1935 และในอิสราเอลเมื่อปี 1934

สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้นำอโวคาโดมาปลูกเมื่อ 200 ปีมาแล้ว โดยปลูกครั้งแรกในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และนำเข้ามาปลูกในอินโดนีเซีย โดยชาวดัตช์ในสมัยที่ปกครองอินโดนีเซีย

ชาวอังกฤษนำอโวคาโดไปปลูกในสิงคโปร์และปีนัง และรายงานว่าสามารถออกดอกติดผลได้ในปี 1886 และปี 1891

อโวคาโดจำแนกได้ 3 สายพันธุ์ คือ West Indian Guatemalan และ Mexican ส่วนพันธุ์ The Hass ที่โด่งดัง คือ พันธุ์ที่ได้จากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Mexican กับ Guatemalan

มหัศจรรย์ อโวคาโด

ด้วยรูปร่างลักษณะของอโวคาโด ผสานกับความเชื่อเรื่องคุณสมบัติด้านการกระตุ้นความต้องการทางเพศ ทำให้ชาวแอซเทคเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Ahuacatl ซึ่งแปลว่า อัณฑะ ส่วนชาวเม็กซิกันก็ใช้ใบอโวคาโดมาเป็นเครื่องปรุงรสในอาหารเม็กซิกันเช่นเดียวกับใบกระวานมาตั้งแต่ยุคโบราณ

อย่างที่รู้กันดี อโวคาโดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย ทั้งยังช่วยลดน้ำหนัก และลดระดับไขมันชนิดเลวและเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดีซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ที่สำคัญยังช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย ทั้งยังช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

รู้ถึงคุณประโยชน์อันน่าอัศจรรย์ของผลไม้ชนิดนี้แล้ว จะช้าอยู่ไยไปประเดิมสุขภาพดีเมนูแรกกันเลย

อโวคาโด เบอร์เกอร์ เมนูนี้ใช้อโวคาโดแทนขนมปัง เสิร์ฟด้วยไก่แฮมเบิร์กปรุงรสและผักสลัด เสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ ซอสมะเขือเทศและซอสศรีราชา สัมผัสได้ถึงความนุ่มของอโวคาโดอย่างแท้จริง

มหัศจรรย์ อโวคาโด อโวคาโด เบอร์เกอร์

ต่อด้วยสปาเกตตีซอสพอนสึ สปาเกตตีผัดพริกแห้ง ใส่เห็ดชิเมจิดำ-ขาว มะเขือเทศสีดา โรสแมรี่ และอโวคาโดกริลล์ อร่อยแบบเนียนๆ

มหัศจรรย์ อโวคาโด สปาเกตตีซอสพอนสึ

หรือจะเป็น Spicy Salmon Salad สลัดยำแซลมอน ด้านล่างสุดเป็นผักสดคลุกน้ำยำรสแซ่บ ท็อปด้วยแซลมอนหั่นเต๋าเบิร์นไฟนิดๆ ล้อมด้วยอโวคาโดหั่นสไลด์เป็นวงกลมสวย ก่อนกินแนะนำให้บีบเลมอนลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ

มหัศจรรย์ อโวคาโด Spicy Salmon Salad สลัดยำแซลมอน

เพิ่มความคล่องคอด้วย อโวคาโด มิลค์เชก อโวคาโดปั่น ผสมกับนมที่ทางร้านมิกซ์ขึ้นมาใหม่ยิ่งดื่มยิ่งสดชื่น

มหัศจรรย์ อโวคาโด อโวคาโด มิลค์เชก

ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง อโวคาโดชีสเค้กที่ให้รสชาติออกเปรี้ยวนิดนึง มีเคร็กเกอร์ด้านล่างที่ให้ความกรอบเสิร์ฟคู่กับผลไม้นำเข้าตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของอโวคาโด

มหัศจรรย์ อโวคาโด อโวคาโดชีสเค้ก

เดอะ แฮสส์ บิสโทร สุขุมวิท 49 เปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. โทร.09-9192-9629