posttoday

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

17 ธันวาคม 2560

หลังเก็บองุ่นที่ Miharashi farm แล้ว คณะของเรามุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆ อีกเมือง คือ Komagane

หลังเก็บองุ่นที่ Miharashi farm แล้ว คณะของเรามุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆ อีกเมือง คือ Komagane ซึ่งถือว่าเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของบริษัท Chuo Alps Kanko เจ้าภาพสำหรับทริปนี้ รถมาจอดยังที่พักในค่ำคืนนี้ คือ โรงแรม Komagane Kogen Resort Linx หนึ่งในโรงแรมหรูของเมือง แต่ยังไม่มีเวลาได้ชื่นชมเท่าไหร่ เพราะมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวของเมืองมาคอยต้อนรับ พร้อมรอแนะนำที่พักและกิจกรรมต่างๆ ของเมืองให้เราทราบ ที่น่าสนใจ คือ ที่เมืองนี้ยังไม่มีคณะทัวร์ไทยมาพักเลย สำหรับผมถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากเพราะมีนักท่องเที่ยวหลายท่านหลายคณะชอบของสดใหม่แบบนี้ เลยบอกเขาไปว่าในความยากมักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ญี่ปุ่นปรบมือกันเกรียว มีกิจกรรมตัวหนึ่งที่ผมสนใจมากและคิดว่าคนไทยกลุ่มหนึ่งคงสนใจเช่นกัน คือ การแข่งวิ่งมาราธอน ปัจจุบันมีการจัดวิ่งมากมายในบ้านเรา และเดี๋ยวนี้นักวิ่งหรือคนชอบวิ่งก็เริ่มออกไปวิ่งที่ต่างประเทศมากขึ้น

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

โดยเฉพาะการแข่งวิ่งมาราธอนระดับโลก 6 สนามที่นิวยอร์ก บอสตัน ชิคาโก ลอนดอน เบอร์ลิน และโตเกียว แต่ก็จองกันยากมากๆ ถึงขั้นต้องจับสลากกันก็มี พอทราบว่าเมือง Komagane มีจัดมาราธอนด้วยก็เลยเกิดไอเดียคิดจะพาคนไทยที่รักการวิ่งมาลองวิ่งที่นี่กันดู แต่เป็นฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.0975 กิโลเมตร (กม.) กำหนดเวลาวิ่งไว้ที่ 3 ชั่วโมง 10 นาที ค่าสมัครคนละ 5,000 เยน ถ้าจะวิ่งแค่พอสนุกก็มีระยะทาง 5 กม.และ 3 กม.ให้สมัครด้วย ที่น่าสนุกก็คือ คนในเมืองจะออกมาเชียร์และเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี ของดีๆ ในเมืองนี้ก็จะถูกนำมาแจกให้นักวิ่ง ดูเป็นการวิ่งเพื่อสานสัมพันธ์กันเสียมากกว่า ที่สำคัญคือยังไม่เคยมีคนต่างชาติมาวิ่ง และถ้าเราจะจัดนักวิ่งไทยมาจริง ทางเมืองก็จะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ตั้งแต่โควตาใบสมัครที่ได้วิ่งแน่นอน ที่พักในเขตเมืองเพื่อความสะดวกในการเตรียมตัว และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง รวมทั้งของที่ระลึกที่จะทำเป็นพิเศษสำหรับคนไทย

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

หลังจากชื่นมื่นกับโปรเจกต์มาราธอนกันแล้ว ก็รีบไปเช็กอินเอาของเก็บขึ้นห้องเรียบร้อย ทีแรกเข้าใจว่าคงกินข้าวเย็นในโรงแรม เลยแอบเข้าไปสำรวจเห็นไลน์บุฟเฟ่ต์แล้วน่ากินมาก โดดเด่นที่สุด คือ เตาเทปปังที่พ่อครัวย่างเนื้อออกมายั่วน้ำลาย เมนูอื่นก็น่าสนใจ แต่อดกินเพราะเจ้าภาพจัดให้ไปกินข้างนอก คิดในแง่ดีร้านท้องถิ่นคงมีอะไรน่าสนใจไม่งั้นคงไม่พาไป ร้าน Iroribisuisha (อิโรริ บิสุยฉะ) ถูกใจผมสมกับที่เจ้าภาพพามา เป็นร้านอิซากายะขนาดย่อมดูอบอุ่น มีขวดเหล้าเรียงรายหลังเคาน์เตอร์พร้อมที่นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งเป็นที่นั่งญี่ปุ่นแบบห้อยขาได้ (Hori-kotatsu) เมนูมีทั้งสลัด ซาชิมิ เทมปุระ ยากิโทริ สุกิยากิปรุงสำเร็จ กินกันไปคุยกันไปอย่างออกรสออกชาติ พ่อครัว (หรือแม่ครัวก็ไม่ทราบ) ปรุงอาหารรสชาติเหมือนกินข้าวฝีมือแม่ เข้ากับบรรยากาศและความเป็นกันเองของร้านเป็นอย่างดี

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

หลายร้านในญี่ปุ่นที่ได้ดาวฝรั่ง ระยะหลังเริ่มอยากคืนดาวเพราะบรรยากาศในร้านมันเปลี่ยนไป จากลูกค้าที่มากินเพราะรสชาติและจิตวิญญาณ กลายมากินเพราะชื่อเสียงและการโพสต์รูปโชว์เพื่อน เมื่อลูกค้าดั้งเดิมเริ่มหายหน้า ร้านจึงโหยหาบรรยากาศเก่าๆ ดาวที่สูงส่งบนฟ้า หรือจะสู้ลูกค้าที่รู้ใจ ในระหว่างกินผมถามเจ้าภาพว่า ที่เมือง Komagane มีอะไรขึ้นชื่อเป็นหน้าเป็นตาบ้าง เจ้าภาพเลยสั่งเมนูนึงมาให้ เป็นทงคัทสึราดซอส ผมสงสัยว่า นี่มันเมนูของเมืองไอสึวาคะมัทสึมิใช่หรือ เจ้าภาพบอกว่า ต้นตำรับต้องของโคมะงาเนะนะจ๊ะ ฝั่งโน้นเขาเพิ่งมีแต่ของเรามีมานานแล้ว ผมเลยถามอีกว่า ถ้างั้นมีเมนูอื่นอีกมั้ยที่ไม่ต้องมานั่งกังขาว่าเป็นของใครกันแน่ เจ้าภาพนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วลุกไปที่เคาน์เตอร์กระซิบกระซาบอะไรไม่รู้กับเจ้าของร้าน สักพักเจ้าของก็เอาถ้วยเล็กๆ ที่มี 3 หลุมเหมือนถ้วยน้ำจิ้มมาวาง มองไปในถ้วยดูคุ้นๆ เฮ้ย! นี่มันหนอนกับแมลงนี่ คำถามผุดขึ้นมาในหัวทันที

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

คนญี่ปุ่นกินแมลงกันด้วยเหรอ ทบทวนความจำตลอด 30 กว่าปีที่เข้าออกญี่ปุ่นมา ไม่เคยรู้เลยว่าคนญี่ปุ่นกินแมลง เมนูแบบนี้แหละที่ตามหามานาน ว่าแล้วผมก็ยิงคำถามอุตลุดจนเจ้าภาพตอบแทบไม่ทัน สรุปสั้นๆ ว่า ชาวบ้านแถวนี้ทำเกษตรกันมานานที่สำคัญ คือ ไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงเลยมีแมลงเยอะ ด้วยความที่ยากจนและห่างไกลจากทะเลจึงไม่มีสัตว์น้ำให้จับกิน แหล่งโปรตีนที่หาได้ง่ายที่สุดก็ คือ แมลง นี่มันเหมือนกับบ้านเราเลยนี่หว่า แสดงว่าภูมิปัญญาชาวบ้านนี่มันเป็นสากล ห่างกันตั้งหลายพันกิโลคิดออกมาได้เหมือนกันเลย เจ้าภาพยังบอกอีกว่า ตอนเด็กๆ พ่อแม่ออกอุบายว่าถ้าอยากกระโดดสูงต้องกินตั๊กแตน พอโตมาหน่อยก็ตระเวนจับแมลงไปขาย ดูคล้ายๆ บ้านเราเหมือนกัน คุยกันเรื่องนี้สนุกมากได้รำลึกถึงความหลังชื่นมื่นกันถ้วนหน้า

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

กินข้าวเย็นเสร็จกลับโรงแรม คืนนี้เรามีโปรแกรมพิเศษสุด คือ การขึ้นไปนอนดูดาวบนดาดฟ้า ทางโรงแรมพาเราขึ้นไปบนชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด แล้วออกไปที่ด้านนอกมีบันไดปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกที มีผ้าปูรองและถุงนอนเตรียมไว้ให้ครบถ้วน พร้อมตะเกียงเล็กๆ อีก 2 ดวง แหงนมองท้องฟ้าเริ่มเห็นดาวระยิบระยับบางส่วน หลังจากซุกตัวเข้าไปในถุงนอนกันเรียบร้อย เจ้าหน้าที่บอกให้เราหลับตาจนกว่าจะบอกให้ลืม เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง ใบหน้าสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกของอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา ทันใดที่เจ้าหน้าที่บอกให้เราลืมตา ท้องฟ้าเบื้องหน้ามันระยิบระยับพร่างพราวเต็มฟ้ากว่าตอนแรกมากนัก เป็นเพราะตะเกียงดวงเล็กถูกดับไป และก็เพราะการหลับตาเพื่อปรับสายตาที่คุ้นชินกับแสงเสียใหม่

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 7

ความลับอยู่ตรงการหลับตานี่เอง สรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าจึงมีนัยน์ตาราตรีดีกว่าคนหรือสัตว์ที่อาศัยในเมือง ท่านผู้อ่านไม่ได้เห็นดวงดาวเต็มๆ ตามานานแค่ไหนแล้วครับ สำหรับผม นี่คือความมหัศจรรย์อย่างที่สุด สามารถเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนกว่าเดิมมาก เห็นดวงดาว เห็นกลุ่มดาว และเห็นกระทั่งกาแล็กซี่ทางช้างเผือก แค่นี้ก็คุ้มค่ากับการมาทริปนี้แล้วครับ ความสุขของการนอนดูดาวมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มีดวงดาวนับอนันต์ โลกเป็นเพียงหนึ่งจุดเล็กๆ อย่าว่าแต่มนุษย์ที่เล็กจ้อยด้อยค่ายิ่งนัก มันทำให้เรารู้จักประมาณตน ลด อีโก้ แต่เติมเต็มความอิ่มเอมในใจได้อย่างเต็มกำลัง คืนนั้นผมนอนหลับอย่างเป็นสุข เพราะเข้าใจในธรรมชาติและจักรวาลมากยิ่งขึ้น คนเราอายุสั้นนักเมื่อเทียบกับอายุของจักรวาลหรือดวงดาว จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับเวลาช่วงสั้นๆ นี้ให้เต็มที่และสุดๆ กันเถอะครับ