posttoday

หนุ่มปริญญา ขายข้าวจี่-หมูปิ้ง

06 กุมภาพันธ์ 2558

ในเมื่อการเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่กรุงเทพฯ มีรายได้ไม่พอรายจ่ายยุคเศรษฐกิจตกต่ำและไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร

โดย...สุรชัย พิรักษา ภาพ สุรชัย พิรักษา

ในเมื่อการเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่กรุงเทพฯ มีรายได้ไม่พอรายจ่ายยุคเศรษฐกิจตกต่ำและไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร จึงเป็นแรงผลักทำให้ อัครเดช เพิ่มศรี อายุ 28 ปี และไข่มุกข์ อินธิเดช อายุ 29 ปี ภรรยา หันเหชีวิตมายึดริมฟุตปาทถนนจิระ เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เป็นทำเลค้าขายข้าวจี่ ปลาร้าบอง หมูปิ้ง และเครื่องในไก่ปิ้ง มีลูกค้าทั้งขาประจำขาจรอุดหนุนต่อเนื่อง สร้างรายได้มั่นคง แต่ละเดือนหลักหลายหมื่นบาท

อัครเดช บอกว่า ได้หันมายึดอาชีพขายข้าวจี่ ปลาร้าบอง หมูปิ้ง และเครื่องในไก่ปิ้ง ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านและอาหารยอดฮิตของชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นเองไม่เหมือนใคร รสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค วางขายอยู่บริเวณริมฟุตปาทถนนจิระ ในเขตเทศบาลเมือง ตั้งแต่เวลา 05.00–10.00 น.

หนุ่มปริญญา ขายข้าวจี่-หมูปิ้ง

ช่วงเย็นก็จะขายตามตลาดคลองถมตั้งแต่เวลา 17.00–20.00 น. มีลูกค้า ทั้งข้าราชการ พนักงานห้าง และนักเรียน นักศึกษา มาซื้อกันอย่างคึกคักจนย่างไม่ทัน โดยเฉพาะข้าวจี่บางวันไม่ถึงชั่วโมก็ขายหมดเกลี้ยง เพราะราคาก็ไม่แพง ข้าวจี่ขายอยู่ที่ไม้ละ 5 บาท หมูปิ้ง เครื่องในไก่ปิ้งไม้ละ 5 บาท ปลาร้าบองกล่องละ 10 บาท ทำให้แต่ละวันจะมีรายได้เฉลี่ย 5,000-6,000 บาท

ขณะที่ช่วงเช้าจะขายดีเป็นพิเศษ มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ยวันละกว่า 8,000-10,000 บาท หากหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายในครอบครัวแล้วก็จะเหลือเงินเก็บอยู่วันละ 4,000-5,000 บาท หลังจากยึดอาชีพนี้มานานกว่า 3 ปี ถือว่าประสบผลสำเร็จ สามารถเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่เดือดร้อน

หนุ่มปริญญา ขายข้าวจี่-หมูปิ้ง

 

อัครเดช บอกอีกว่า หลังเรียนจบปริญญาตรีก็ไปสมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานห้างแห่งหนึ่ง ได้ค่าแรงเดือนละประมาณ 7,000 บาท ทำอยู่ได้สักพักก็ลาออก เพราะเงินเดือนไม่พอกับค่าใช้จ่าย

ทั้งอยากมีอาชีพเป็นของตัวเอง ไม่ต้องการเป็นลูกน้องใครจึงได้ลาออก จากนั้นก็หันมาขายข้าวจี่ หมูปิ้ง เริ่มแรกก็ยังขายไม่ประสบผลเท่าไร เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเท่าที่ควร แต่พอขายได้สักระยะก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักและติดตลาดจนทุกวันนี้

หนุ่มปริญญา ขายข้าวจี่-หมูปิ้ง