posttoday

In My Bag

20 ธันวาคม 2556

สิ่งที่ยากที่สุดในการอยู่ที่นี่คือ เรื่องอาหาร ครอบครัวมีสมาชิก 4 คน พ่อ แม่ ลูกอายุ 10 ขวบครึ่ง กับ 8 ขวบ เด็กๆ ต้องกินอาหารครบ 5 หมู่

โดย...เรือนแก้ว บำรุง – สัมภาษณ์/เรียบเรียง

สุพาณี เศวตสุวรรณ อายุ 43 ปี

อาชีพ : แม่บ้าน (อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิต บ.โตชิบา สตอเรจดิไวส์ประเทศไทย จำกัด)

ที่อยู่ : เดลี ประเทศอินเดีย / ตั้งแต่ปี 2554เมื่อปี 2554 บริษัทถูกน้ำท่วมหนัก บริษัทขายซากโรงงาน ผลิตภัณท์ เราโชคดีบริษัทจ้างออกช่วงเดียวกับที่สามีได้มาประจำตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวเดลี ลูกทั้งสองคนเลยย้ายมาเรียนที่นี่ Class 2 และ Class 5

lแหล่งซื้ออาหาร

“สิ่งที่ยากที่สุดในการอยู่ที่นี่คือ เรื่องอาหาร ครอบครัวมีสมาชิก 4 คน พ่อ แม่ ลูกอายุ 10 ขวบครึ่ง กับ 8 ขวบ เด็กๆ ต้องกินอาหารครบ 5 หมู่ ตัวเองเพิ่งมาเริ่มทำอาหารตอนย้ายมาอยู่ที่นี่ โชคดีที่ทำแล้วกินได้ อาหารนอกบ้านทั่วไปกินกับเขาไม่ได้ ส่วนในห้างหรือตามร้านอาหารดีๆ ราคาแพง แถมต้องบวก Vat บวก Tax อีกราว 2540% จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำอาหารกินเองค่ะ

ชีวิตปีกว่าๆ ในนิวเดลี ประเทศอินเดีย รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ เราไม่กล้ากินหมูที่อินเดีย เพราะชาวบ้านเขาเลี้ยงหมูไว้กำจัดสิ่งปฏิกูล ทุกวันเห็นคนเดินไปตามที่คล้ายป่าหิ้วขวดน้ำไปคนละใบ เป็นที่รู้กัน ใครว่าอินเดียไม่ค่อยมีสุขา สุขามีอยู่ทั่วไปต่างหาก

เนื้อสัตว์ที่มีขายจะมีเนื้อไก่เป็นหลัก ไก่ที่นี่เขาลอกหนังออกหมดเลี่ยมดี มีเนื้อแพะ เราสารภาพตามตรงว่า ทุกครั้งที่กลับเมืองไทยต้องแอบแพ็กเนื้อวัว เนื้อหมูแช่แข็ง และเครื่องแกงต่างๆ กลับมาด้วย น้ำปลาถ้าหอบมาได้ก็เอามาด้วย โหลดขึ้นเครื่องไปเลย แล้วลุ้นเอาว่าจะผ่านด่านท่าอากาศยานอินทิรา คานที ได้หรือไม่

แหล่งจ่ายอาหารของตัวเองมีอยู่ 3 ตลาด 1.ตลาดใกล้บ้าน 2.ตลาด INA 3.ตลาด Sarojini

ตลาดใกล้บ้านไปซื้อสัปดาห์ละครั้ง ไก่มีแบบทั้งตัวและแยกชิ้นส่วน ลอกหนังแล้ว ย่านที่อยู่เรียกวสันวิหาร (Vasant Vihar) ลักษณะบ้านแบ่งเป็นบล็อก แต่ละบล็อกจะมีตลาดเล็กๆ มีเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ร้านขายของชำ ร้านผักผลไม้ ร้านยาที่นี่เรียก Chemist Shop ยาและครีมต่างๆ ที่คุณภาพดี แบรนด์หิมาลายา Himalaya เป็นที่นิยมของคนต่างชาติส่วนผสมจากธรรมชาติล้วนๆ ที่เมืองไทยนำเข้าไปขายหลายชนิดและแพง แต่ซื้อที่นี่ถูกมาก

สำหรับอาหารทะเล กุ้ง ปลาหมึก ควรซื้อหน้าหนาว ช่วงร้อนๆ จะไม่สดและแพง และต้องไปซื้อที่ตลาด INA ถ้าเป็นเครื่องปรุงจากไทยก็แพงกว่าซื้อเมืองไทยประมาณ 4 เท่า ของที่มาซื้อที่นี่ คือ ข้าวสาร อาหารทะเล พวกถั่ว เครื่องเทศถูก ผลไม้อบแห้ง แอปริคอตมาจากตุรกีราคาถูกมาก ทุกอย่างที่นี่ต่อราคาได้ ข้าวของอินเดียเรียกว่าบาสมาติ (Basmati) จะมีลักษณะเมล็ดยาวมากๆ ไม่มียาง ใช้ทำข้าวหมกอร่อยค่ะ ส่วนข้าวที่กินเหมือนข้าวหอมมะลิมากสุด เรียก Korean Basmati no.921 ใช้แทนข้าวหอมมะลิได้เลย เป็นข้าวมียางแต่ไม่หอมเหมือนข้าวหอมมะลิ”

lการเลือกซื้ออาหาร หีบห่อ บรรจุภัณฑ์

“ซื้อผักที่นี่จะล้างผักหลายน้ำหน่อย จากแช่น้ำยาล้างผัก เปลี่ยนน้ำสัก 2 ครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำกรองอีกครั้ง โดนขู่ไว้เยอะเรื่องความไม่สะอาด มาอยู่ใหม่ๆ ไข่กับกล้วยก็ล้างด้วย เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว วันไหนซื้อผักมาล้างจนมือเปื่อยเลยล่ะ นมสด มีทั้งนมวัวและนมควาย ส่วนใหญ่คนอินเดียดื่มนมควาย มีร้านขายนมอยู่ทั่วไปชื่อร้าน Mother Daily มีเครื่องให้หยอดเงินและเลือกซื้อได้เป็นลิตร มีแบบเป็นถุงด้วย เราซื้อนม Mother Daily ไว้ต้มชากิน เมื่อก่อนติดกาแฟ เดี๋ยวนี้ดื่มชาทุกวัน ต้มชาแบบอินเดีย จะต้มนมผสมน้ำ พอเดือดก็เติมชา น้ำตาล มีแบบใส่ขิงด้วย คนอินเดียดื่มชากันตลอดทั้งวัน เรียกว่า ไม่กินข้าวไม่เป็นไร แต่ต้องดื่มชา นมที่ลูกดื่มเป็นแบบกล่อง 1 ลิตรนมวัว เนสท์เล่ สลับ อามุล (Amul) ไม่มีกล่องเล็กเหมือนบ้านเรา

ย่านที่อยู่มีสถานทูตของประเทศต่างๆ ตลาดใกล้บ้านก็มีห้างสรรพสินค้าให้ชาวต่างชาติซื้อหา มีห้างสรรพสินค้าให้เดิน ขับรถไปไม่ถึง 10 นาที ทั้งสามห้างเป็นอาคารเชื่อมกันเดินถึงกัน เริ่มจากห้างหรูสุดๆ Emporio คนอินเดียรวยๆ เยอะ ช็อปปิ้งกันเก่ง ห้างนี้มีทุกแบรนด์หรูๆ จากทั่วโลก ในห้างนี้มีร้านอาหารชื่อ SETz มี เชฟนานาชาติ มีเชฟไทยด้วยแน่นอน เวลาไปกินเราจะเรียกเชฟมาแนะนำเมนู เขาจะทำให้เราคนไทยด้วยกันเป็นพิเศษรสชาติแบบไทยๆ ให้ปริมาณเยอะด้วย เราชอบยำเนื้อ เชฟใช้เนื้อแกะทำแทนเนื้อวัว ห้าง Promanade ขายสินค้าแบรนด์ดังๆ ราคาถูกลดหลั่นลงมา แต่ก็ถือว่ายังไม่ใช่ห้างของราคาถูก ช่วงลดราคาเราถึงไป ที่นี่มีร้านอาหารนานาชาติ TGI Friday Nando Red mango อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน

ห้าง Ambeince คนทั่วไปเดิน มีทั้งถูกและแพงผสมผสาน มี Starbucks ด้วยนะ เพิ่งเปิดปีนี้ล่ะ ขายดีมาก Starbucks ที่นี่ราคาถูก เมื่อเทียบกับเมืองไทย เช่น 150 บาท ที่นี่ก็ 150 รูปี แต่ต้องบวก Vat ต่างๆ เข้าไปอีก 20% กว่าๆ ขึ้นกับประเภทของร้าน เคยกินพิซซ่า ฮัทถาดละ 700 รูปี บวก Vat อีก 37% ก็พันกว่าๆ เหมือนเมืองไทยชั้นบนมีฟู้ดคอร์ต ถ้ามาห้างจะซื้อหนังสือให้ลูก หนังสือที่นี่ถูกกว่าที่ไทย ยิ่งถ้าซื้อแบบออนไลน์ถูกกว่าในร้านหลายเท่า เสร็จแล้วก็ซื้อพิซซ่ากับ KFC กิน ทั้งๆ ที่อยู่ไทย เราไม่กินเลยสองอย่างนี้ แต่ที่นี่อาหารไม่หลากหลายเหมือนบ้านเรา

มีร้านอาหารอินเดียที่ดังและขายดีมาก ชื่อ Hadiram เป็นอาหารมังสวิรัติราคาประหยัด ร้านนี้มีขนมอินเดียเยอะแยะเลย มีพวกถั่วแพ็คเกจเหมือนสแน็กบ้านเราขายส่งทั่วไป สามีเราบอกลูกของเจ้าของบินไปจัดงานแต่งงานที่เมืองไทย เพราะเมืองไทย ดี สวย ราคาสุดคุ้ม เมื่อเทียบกับที่นี่ ททท. เน้นตลาดคนมีเงิน ไฮโซพวกนี้ไปจัดงานใช้เงินหลายล้าน

ชาวบ้านทั่วไปกินร้านตามข้างทาง คนส่วนใหญ่กินมังสวิรัติ อาหารอินเดียจะปรุงแยกกันไปเลย แบ่งเป็น เวจ กะ นอนเวจ (Vegetarian or NonVegetarian)

ข้าวแพงกว่าแป้ง ส่วนใหญ่กินแผ่นแป้งที่เรียกว่า นาน ชปาตี กินกับแกงถั่วหรือดาล เครื่องเคียงมีหัวหอม พริกสด มะนาว ราคาประมาณ 4070 รูปี ลักษณะร้าน มีโต๊ะสูงๆ ไม่มีเก้าอี้ คนยืนล้อมกินกัน เรายังไม่เคยลองกิน เพราะกลัวท้องเสีย

สิ่งที่ขาดไม่ได้ของคนอินเดีย คือ ดื่มชา ดื่มกันวันละหลายรอบ มีร้านชาเล็กๆ ตามข้างทางเยอะเลย มีแบบบริการยกกากับถ้วยพลาสติกใบเล็กๆ ไปขายด้วย

ร้านอาหารอินเดียที่หรู แพง และดังที่สุดน่าจะเป็นร้านบุคาล่า (Bukhala) บารัก โอบาม่า จอร์จ บุช ก็เคยมากิน ประมาณว่าใครมาอินเดียจะต้องไปกินร้านนี้กัน เราเคยไปกินครั้งเดียว เพราะมีคนเลี้ยง 8 คน 3 หมื่นรูปี ร้านเขามีนานยักษ์แผ่นแป้งทั่วไปราคาไม่เกิน 100 รูปี ร้านนี้แผ่นละ 1,500 รูปี ส่วนตัวไม่ชอบอาหารเค็มจัด ปกติอาหารอินเดียก็เค็มมากอยู่แล้ว แต่ร้านนี้ยิ่งเค็มจัดๆ”

lในถุงกับข้าววันนี้

“วันนี้ซื้อของที่ E Block Market เราพักอยู่ D Block ตลาดนี้มีเกือบทุกอย่าง เช่น ร้านโชห่วย ร้านขายยา ร้านผักผลไม้ ร้านซักผ้า ร้านตัดผม ร้านซ่อมรองเท้า ร้านร้านกุญแจ ร้านดอกไม้ ร้านตัดเย็บซ่อมเสื้อผ้า ส่วนใหญ่คนขายเป็นผู้ชาย เราได้ไก่สด 2 กิโลกรัม เป็นเนื้อน่องกับสะโพกราคา 532 รูปี ผักผลไม้ 38 รูปี ร้านของชำได้ไข่ไก่เปลือกบางสีขาว ได้นมดื่มของลูก ชาแบบถุง ยาคูลท์ น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ทั้งหมด 694 รูปี รวมแล้ววันนี้จ่ายไป 1613 รูปี

เนื้อไก่ที่นี่จะลอกหนังออกหมด สินค้าจะมีราคากำกับอยู่ ดูที่ Rs หรือ MRP (Max retail price) ไม่ต้องกลัวโดนโกง ผักที่แนะนำให้กิน ดี และถูกกว่าเมืองไทย เห็ด (แชมปิญอง) สปินาช (ปวยเล้ง) ผลไม้ตามฤดูกาล ช่วงนี้มีทับทิม ที่อินเดียนี่อร่อยมาก สีแดงจัด เม็ดกรอบเคี้ยวกลืนได้เลย เมล่อน สตรอเบอร์รีเพิ่งออกไม่ค่อยหวาน ลูกพลับเพิ่งหมดฤดูไป ถ้าหน้าร้อนจะมีมะม่วง เชอร์รี เลือกกินไปตามฤดูจะอร่อยและถูก ต่างจากที่ไทยมีขายเกือบทุกอย่างทั้งปี

กับข้าวที่ทำแบ่งเป็นแบบของลูกไม่เผ็ด ส่วนสามีชอบกินเผ็ดๆ ลูกเราชอบแกงจืด โชคดีที่นี่มีผักชี ส่วนพริกไทยเม็ดขาว เราเอามาจากเมืองไทย ที่นี่มีแต่พริกไทยดำ

เราทำน้ำซุปใช้รากผักชี พริกไทยขาวเม็ด กระเทียม กระดูกไก่ที่เลาะเนื้อไปทำอย่างอื่น กระดูกติดเนื้อบ้าง เก็บแช่ฟรีซไว้ต้มน้ำซุป สาหร่ายแห้งจากไทยเบาๆ เอามาง่าย หมูสับก็เอามาจากไทยอีก

ที่ทำงานสามีอยู่ใกล้บ้าน เขาจะกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน เราจะทำสลับไป แกงป่า แกงส้ม แกงเขียวหวาน กินกับโรตีก็อร่อย แกงส้มส่วนใหญ่จะเป็นมื้อเย็น ช่วงนี้อากาศหนาว แกงส้มใส่ปลาทูน่ากระป๋อง หอยเสียบแห้ง ส่วนผักที่นี่มีให้เลือกซื้อใช้ได้เลย ถั่วฝักยาว แครอต ดอกกะหล่ำ กินกับหมึกกระตอย หอยเสียบทอด เราจะทอดแล้วใส่กล่องแช่ตู้เย็นไว้ กรอบ เก็บได้นาน ไม่ต้องทอดบ่อย

ซุปอีกอย่างที่กินบ่อย คือ มิโซะ เพื่อนสอนมา ทำง่าย ทำน้ำสต๊อกผักใช้หัวไช้เท้ากับ หอมใหญ่แบบขาว ซึ่งมีขายแค่บางร้าน ที่ Natural Basket หรือที่ตลาด INA

ต้มน้ำซุปผักแบ่งใส่ถุงแช่ฟรีซ พอจะกินก็เอามาต้มเติมสาหร่ายกับมิโซะ ได้กินเร็วทันใจ ทุกคนชอบ

สิ่งที่อยากให้มีที่นี่ คือ อยากให้มีร้านขายอาหารสดแบบ Fresh Mart หมู เนื้อ จะได้ไม่ต้องขนมา ที่เมืองมุมไบเป็นข้อยกเว้นหรืออย่างไรไม่รู้นะ มีเนื้อวัวขาย แต่ที่เดลลีใครฆ่าวัวติดคุก

เมนูเด็ดที่คนไทยชอบกิน คือ ผัดกะเพรา โดยเฉพาะกะเพราเนื้อเราชอบมาก แต่เป็นเมนูต้องห้ามของที่นี่นะ เพราะวัวเป็นพาหนะของเทพเจ้า กะเพราอินเดีย หรือตุลซี่ เขาปลูกไว้บูชา จะเด็ดต้องไหว้ขอขมา เอาไปใส่ชาได้ ห้ามปรุงกับเนื้อสัตว์ เราเอามาปลูกต้นหนึ่ง แอบทำกะเพราเนื้อกินประจำ” m

หมายเหตุ 1 รูปี ประมาณ 0.52 บาท

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2