posttoday

ศิลปะจากธรรมชาติ

31 สิงหาคม 2556

ไปถ้ำพาราไดซ์จังหวัดกวางบิงห์ เวียดนามกลางต่อชายแดนลาวมาครับ เขาต่อแดนเทือกนี้เป็นเขาหินปูนที่กินบริเวณกว้างขวาง ยาวจนถึง “ขอบเมือง”

โดย...ภาพ จำลอง บุญสอง

ไปถ้ำพาราไดซ์จังหวัดกวางบิงห์ เวียดนามกลางต่อชายแดนลาวมาครับ เขาต่อแดนเทือกนี้เป็นเขาหินปูนที่กินบริเวณกว้างขวาง ยาวจนถึง “ขอบเมือง” ท่าแขกตรงข้ามกับ จ.นครพนม ของเราทีเดียว

ก็เทือกเขาเทือกนี้นี่แหละ ที่ช่วยบรรเทามรสุมใหญ่ที่พัดมาจากทะเลจีนใต้ ทำให้อีสานเหนือของเราไม่ต้องยับเยินจากพายุ

หลังจากเที่ยวเมืองดงเหย (ซึ่งห่างจากชายแดนไทยเพียง 300 กม.) ด้วยการอนุเคราะห์ของท่านนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ดร.สมชอบ นิติพจน์ แล้ว คณะของผู้สื่อข่าวและคณะ อบจ.ก็นั่งรถย้อนกลับเส้นทางเดิมเพื่อมาดูถ้ำที่ว่า

แต่เดิมเรามีหมายกำหนดการณ์ที่จะไปเที่ยวถ้ำ “ฟองยา” ถ้ำมรดกโลก ถ้ำนี้ทหารอเมริกันเคยใช้เป็นแหล่งบัญชาการในสงครามเวียดนามแต่ก็ไม่ได้ไป เพราะวันก่อนคณะเราต้องไปเสียเวลากับการจัดการปัญหาเรื่อง Land Slide บนเขาระหว่างเส้นทางลาวเวียดนามหลายชั่วโมง ทำให้ต้องร่นโปรแกรมกันเพื่อความเหมาะสม เลยอดล่องเรือดูความงามของถ้ำที่ว่า

ปากทางแคบๆ ของถ้ำพาราไดซ์ทำให้ไม่เชื่อว่าภายในถ้ำจะโอ่งโถงและวิจิตรพิสดารขนาดนั้น แต่พอผ่านเข้าไปเจอความอลังการภายในจึงทำให้พวกเราต้องทึ่ง

ภายในถ้ำได้แสงไฟที่จัดเอาไว้อย่างลงตัว สีไม่แสบสันน่าเกลียดแบบถ้ำในอ่าวฮาลองเบย์ เมืองฮานอย

แม้ถ้ำจะวิจิตรพิสดารแต่ก็แทบจะเป็นถ้ำที่หมดสภาพ หรือที่หลายคนเรียกว่าเป็นถ้ำตาย น้ำที่หยดไหลเพียงไม่กี่จุดทำให้ความสดของถ้ำน้อยลง นี่ถ้าเป็นช่วงที่ถ้ำยังมีชีวิตจะอลังการขนาดไหนกันหนอ

รัฐบาลทำทางไม้ให้คนเดินเข้าไปดูดีมากๆ อากาศภายในโปร่งสบาย เข้าใจว่ามีบางส่วนของถ้ำทะลุออกไปหรือไม่ก็มีน้ำไหลผ่าน เขาให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปได้ไม่ถึง 500 เมตร เข้าใจว่ารัฐบาลคงไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทำลายสภาพแวดล้อมภายใน

ถ้ำฟองยาที่ไม่ได้ไปก็คงสวยไม่ต่างกัน เพราะเป็นถ้ำหินปูนเทือกเดียวกัน จะต่างก็ตรงที่ถ้ำฟองยามีน้ำไหลต้องนั่งเรือเข้าไปแบบถ้ำพุงช้างเมืองพังงาในหน้าน้ำมาก

ถ้ำเมืองท่าแขกก็ใหญ่ไม่แพ้ถ้ำนี้ของเวียดนาม ถ้ามีโอกาสผมจะไปเก็บภาพมารายงานให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ

แรกๆ ว่าจะเอารูปถ้ำในเวียดนามมาให้ท่านชม แต่พอดีได้ไปเยือน “ถ้ำวิมานเมฆ” ของ จ.กระบี่ ที่ยังไม่มีใครได้เข้าไปเที่ยวมากนัก เพราะท้องถิ่นเขาไม่อยากโชว์นัก เพราะยังเตรียมการไม่พร้อมกลัวว่าจะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ความสวยงามในถ้ำนี้ก็พิสดารไม่น้อย เพราะหินงอกหินย้อยออกมาเป็นรูปร่างประหลาดๆ ที่ถ่ายออกมาไม่สวยก็เพราะเกิดจากการจัดแสงยังไม่สมบูรณ์ ถ้าจัดแสงสมบูรณ์รับรองเจ๋งครับ

ในถ้ำนอกจากจะมีหินงอกหินย้อยแล้ว ยังมีค้างคาว มีจิ้งหรีด และที่สำคัญคือมีกิ้งกือถ้ำตัวสีขาวด้วย

ผมเคยเห็นแต่กิ้งกือสีชมพูของเมืองอุทัยธานี กิ้งกือสีขาวเพราะไม่เคยต้องแสงแดดไม่เคยเห็น เจ้าสัตว์ชนิดนี้อาจจะเป็นสัตว์ชนิดใหม่ของโลกก็ได้ ฝากนักสัตวศาสตร์ไปพิสูจน์ด้วย ผมเอารูปมาให้ดูในวันนี้ด้วย มันเซนซิทีฟกับแรงสะเทือนมากกว่าแสงไฟที่สาดส่อง ตัวยาวไม่เกิน 2 ซม. อยู่กันเป็นกลุ่มๆ บนดินที่อ่อนนุ่มในถ้ำ ไม่แน่ใจว่ากินอะไรเป็นอาหารจะว่าขี้ค้างคาวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตรงนั้นไม่มีค้างคาวอยู่เลย แปลกใจว่าถ้ำที่มีค้างคาวแห่งนี้ไม่มีแมลงสาบเหมือนถ้ำค้างคาวราชบุรีที่มีนับล้านๆ ตัว ในถ้ำก็ไม่เหม็นสาบเพราะเป็นถ้ำทะลุ จะมีน้ำไหลผ่านหรือไม่คนนำพาก็ไม่ได้บอกเพราะเป็นถ้ำที่พบมาไม่นาน อดีตรองนายก อบต.ที่พาผมไป บอกว่า ปากถ้ำอีกแห่งสามารถทะลุเข้าไปเจอกับป่าโบราณได้ เจ้าจู้ดเจ้าของตะโกลาร้านอาหารอร่อยของเมืองกระบี่ บอกว่า บริเวณที่เป็นป่าโบราณดำรงสภาพอยู่ได้ เพราะช้างไม่สามารถขึ้นไปชักลากได้ ที่จู้ดรู้ก็เพราะว่าพ่อของเขาทำไม้ที่กระบี่มาก่อน

ไม่มีเวลามากนักพวกเราเลยไม่ได้ไปดู เข้าใจเอาเองว่าน่าจะสวยกว่าหุบป่าตาดของเมืองอุทัยธานี

ผมไม่มีข้อสรุปจากเรื่องศิลปะจากถ้ำ แต่อยากจะบอกว่าวิทยาศาสตร์ธรรมชาตินั้นรับใช้คนทั่วไป แต่วิทยาศาสตร์สังคมรับใช้เฉพาะชนชั้น

วันนี้ขอเอารูปศิลปะถ้ำมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชมแค่นี้

ขอขอบคุณท่านนายก อบจ.เมืองนครพนม ดร.สมชอบ ขอบคุณก้อยแห่ง ททท.กระบี่ครับ