posttoday

แนวอยู่แนวกิน

08 มีนาคม 2556

ตั้งแต่จำความได้ อาหารอีสานจำพวกส้มตำ ลาบ น้ำตก ข้าวเหนียวไก่ย่าง ก็กลายเป็นเมนูโปรดในดวงใจแล้ว

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

ตั้งแต่จำความได้ อาหารอีสานจำพวกส้มตำ ลาบ น้ำตก ข้าวเหนียวไก่ย่าง ก็กลายเป็นเมนูโปรดในดวงใจแล้ว

ปลาร้าที่ใครๆ ร้องยี้ เพราะกลิ่นเหม็นคลื่นไส้ มันช่างหอมรัญจวนใจสำหรับผมยิ่งนัก

ร้านไหนเด็ด ดัง ว่ากันว่าแซบอีหลีดีลีเชียส ผมไม่รีรอที่จะดั้นด้นไปตะลอนชิม ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง ช่างมัน ยิ่งโตขึ้นได้เดินทางไกลไปเปิดหูเปิดตาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะชนบทดินแดนที่ราบสูงก็ยิ่งได้สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารการกินของพี่น้องชาวอีสานได้ลึก กว้าง หลากหลายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

รู้ซึ้งถึงคำว่า “แนวอยู่แนวกิน” และ “เป็นตาแซบ” อย่างแจ่มแจ้งชัดแจ๋ว

ภาษาอีสาน คำว่า แนวอยู่แนวกิน หมายถึงวิธีหาอยู่หากินของชาวบ้าน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแห้งแล้งทุรกันดาร ฝนขาดฟ้า ตู้กับข้าวใบใหญ่ที่รอให้พวกเขาเดินไปหา ตั้งตระหง่านอยู่ในท้องทุ่ง ป่าเขา ห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำโขง ชี มูล สามสายน้ำใหญ่ที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิต ผู้คน สัตว์ พันธุ์พืช

ใครเคยอ่านนิยายเรื่อง “ลูกอีสาน” ของนักเขียนซีไรต์ผู้ล่วงลับ คำพูน บุญทวี เรื่องราววิถีชีวิตชนบทชาวอีสานเมื่อราว 70 ปีก่อน เล่าผ่านสำนวนภาษาซื่อๆ ง่ายๆ ฉายภาพความอดอิ่ม สุข ทุกข์ การต่อสู้บากบั่นทรหดกับความแปรปรวนของธรรมชาติ บีบคั้นให้คนรุ่นปู่ย่าตายายต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง หาข้าวปลาอาหารมาใส่ท้องได้อย่างน่าทึ่ง

สมบุกสมบัน สนุกสนาน ตื่นเต้น เต็มไปด้วยสีสัน ชีวิตชีวา

ภาพชายหัวหน้าครอบครัวเอาผ้าขาวม้าเคียนเอว กระชับหน้าไม้ สะพายข้อง บ้างแบกแห ถือสุ่ม เดินดุ่มๆ เข้าป่าละเมาะ ลุยหนองน้ำ ไปยิงนก หาปลา แมลง ผักหญ้าต่างๆ สูบฉีดเลือดอีสานให้เข้มข้น สารพัดวิธี สารพัดกับดักพื้นบ้าน ผสมผสานความเชี่ยวชาญในการหาอยู่หากินที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ลูกหลานรุ่นถัดมาจึงยังทันได้เห็นภาพน่าตื่นเต้นในการขุดรูหาจิ้งหรีด จักจั่น แมงจี่นูน นำมาเด็ดหัว รีดขี้ คล้องคอกิ้งก่า จับงูสิงมาถลกหนังจนเห็นเนื้อขาวๆ นำไปใส่ไม้ตับย่างไฟเกรียม หรือเคล็ดลับการดักนกคุ่ม ซึ่งคนจับต้องเลียนเสียงโอ๊กๆ ของนกคุ่ม แล้ววิ่งไล่เจ้านกตัวน้อยให้เตลิดหลงไปติดตาข่ายที่ดักไว้

สายฝนจากฟากฟ้าไม่ต่างอะไรกับเสียงแห่งสวรรค์ นั่นหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของรวงข้าวรอวันเติบโต และน้ำฝนเต็มโอ่งไว้ใช้ดื่มกินให้ชื่นใจ

ตอนนั้นเองที่อึ่งอ่าง กบ เขียด พากันร้องระงม ยั่วเย้าให้ไปจับใส่ให้เต็มข้อง เสียงปลาฮุบน้ำดังตูมใหญ่ และแล้วทุกคนก็ชักชวนกันลงจับปลา หมู่เด็กน้อยทยอยวางเบ็ด หญิงสาวก้มหน้าช้อนกุ้งฝอยปลาซิวมาทำปลาร้า ชายฉกรรจ์เหวี่ยงแหแล้วลาก ติดเอาปลาช่อน ปลาดุก ปลากด ปลาหมอ ดิ้นพราดๆ อยู่ในตาข่าย แต่ละตัวอ้วนพีเนื้อแน่น บ้างไข่เต็มพุง

เหนื่อยนักพักเสียก่อน เหล่าผู้ชายนั่งดูดยาควันโขมงพลางว่าลำกลอนเสียงใสอารมณ์ดี เด็กๆ ป้อนหญ้าป้อนน้ำให้วัวควาย บางวงนั่งผ่าท้องปลา ควักขี้ควักไส้ทิ้ง บ้างสับเนื้อปลาเสียงดังโปกๆ ฝ่ายเตรียมเครื่องลาบเครื่องป่นก็พร้อมรอท่า แผนกปิ้งย่างก็ก่อฟืนสุมไฟ ยัดปลา กบ เขียด อึ่งตัวน้อยใส่ไม้ตับปิ้งไฟอ่อนๆ มันไหลเยิ้ม ช่วยกันหาช่วยกันกิน คนละไม้ละมือ เพียงไม่นานกลิ่นหอมฉุยก็ขจรขจายไปทั่ว

ข้าวเหนียวกำลังสุกร้อนได้ที่ ใครบางคนเดินหายไปเด็ดผักก็หอบกลับมาเป็นกำ พอดีกับที่วงข้าววงใหญ่เริ่มลงมือเปิบกันกลางแจ้ง ทั้งเอร็ดอร่อยและอบอุ่น โอ๊ย เป็นตาแซบ หลาย หรือที่ภาษากลางแปลว่า อร่อยอย่าบอกใครเชียว

ถึงบรรทัดนี้ลูกอีสานหลายคนคงน้ำตาคลอหน่วยด้วยความโหยหาบ้านเกิด คิดถึงวันเก่าๆ ในวัยเด็ก คิดถึงปู่ย่าตายาย พ่อแม่ญาติพี่น้องในวงข้าวบนลานดิน

ส่วนผมและอีกหลายคนที่ไม่ใช่ลูกอีสาน ทว่าเคยเห็น เคยอยู่ร่วมวง เคยลิ้มชิมรสสารพัดเมนูที่ปรุงกันสดๆ กลางท้องทุ่ง ก็อดไม่ไหวที่จะกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความหิวและด้วยใจถวิลหา !!!

นี่แหละครับ “แนวอยู่แนวกิน” และ “เป็นตาแซบ” ในความทรงจำของผม