posttoday

แจ่มหน้าฝน

01 กันยายน 2555

เมื่อก่อนถ้ามีคนรู้ว่าจะไปเชียงใหม่ เขาจะทักว่า “อย่าลืมไปดอยอินทนนท์” แต่เดี๋ยวนี้คนเขาเปลี่ยนคำทักใหม่เป็น “เคยไปม่อนแจ่มหรือยัง”

โดย...กาญจน์ อายุ

เมื่อก่อนถ้ามีคนรู้ว่าจะไปเชียงใหม่ เขาจะทักว่า “อย่าลืมไปดอยอินทนนท์” แต่เดี๋ยวนี้คนเขาเปลี่ยนคำทักใหม่เป็น “เคยไปม่อนแจ่มหรือยัง” ช่วงเดี๋ยวนี้ที่ว่าเขาเริ่มเปลี่ยนกันเมื่อประมาณปีกว่าที่ผ่านมากับกระแส “ม่อนแจ่มฟีเวอร์” คือถ้าได้ไปเชียงใหม่แล้วไม่ได้ถ่ายรูปแจ่มๆ บนม่อนแจ่มถือว่าไปไม่ถึง แต่การไปม่อนแจ่มให้ได้วิวที่แจ่มจริง ขอเตือนว่าอย่าไปช่วงหน้าเทศกาล เพราะพื้นที่บนม่อนแจ่ม “เล็ก” ถนนขึ้นม่อน “แคบ” ดีไม่ดีคุณต้องเดินขึ้นดอยเพราะรถขึ้นไม่ถึง

“ทำไมม่อนแจ่มถึงบูมหนักช่วงปีที่ผ่านมา” คือคำถามคาใจที่อยากรู้นัก เพราะกระแสนี้มาเร็วและแรงไม่ต่างจากกระแสปายฟีเวอร์ จึงได้เก็บคำถามไปถาม “คุณภูเบศร์ เมืองมูล” หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ผู้ที่เฝ้ามองม่อนแจ่มมาตั้งแต่โนเนมจนโด่งดังเป็นซุป’ตาร์

คุณภูเบศร์เริ่มต้นอธิบายว่า ม่อนแจ่มเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวงหนองหอย ซึ่งเพิ่งถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา แต่ตัวโครงการหลวงหนองหอยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 แล้ว และม่อนแจ่มก็มีมาตั้งแต่ตอนนั้นเช่นกัน

แจ่มหน้าฝน

แต่ที่ไม่มีคนรู้จักเพราะเมื่อก่อนม่อนแจ่มเป็นที่รกร้าง เป็นเพียงที่ทิ้งพืชผักทางการเกษตรที่ไม่มีใครสนใจวิวรอบข้างว่ามันสวยขนาดไหน คนจึงไปสนใจ “ดอยม่อนล่อง” จุดชมวิวบนหน้าผาสูงเกือบ 1,500 เมตร มากกว่า แต่แล้วความเป็นอนิจจังก็บังเกิด ความนิยมของดอยม่อนล่องหมดลงพร้อมการเปลี่ยนแปลงบนม่อนแจ่มที่ถูกดีไซน์แลนด์สเคปจนไม่เหลือร่องรอยของกลิ่นผักเน่าเหม็น

ลองคิดตามว่า เมื่อคุณกำลังเดินชมแปลงดอกไม้ป่า คุณไม่ได้เดินแค่บนดิน แต่คุณกำลังเดินบนเหล็กดัดหน้าต่างที่นำมารองกันลื่น หรือเมื่อคุณเมื่อยคุณไม่ได้นั่งแค่บนแคร่ไม้ไผ่ แต่คุณกำลังนั่งบนศาลาหลังคามุงจากทรงฟรีฟอร์มที่แลดูทันสมัยแต่เข้ากับธรรมชาติ หรือเมื่อคุณหิวคุณไม่ได้รับประทานแค่บนศาลาไม้ แต่คุณกำลังดื่มด่ำวิวพาโนรามาเบื้องล่างที่มองเห็นถึงเมืองลำพูน ทุกส่วนบนม่อนแจ่มถูกออกแบบมาให้คุณแปลกใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นบนดอย

ถามคุณภูเบศร์ต่อ “เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาคนขึ้นมาเที่ยวเยอะมั้ย” เขาชี้ไปทางถนนเลนเดียวที่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “แทนที่จะได้รับคำชมกลับโดนตำหนิ เพราะเราบริหารจัดการไม่ดี ทำให้รถติดจนบางคนขึ้นมาไม่ได้” และหันขวาชี้ไปอีกทางเล็งไปยังแปลงผักขั้นบันได แล้วพยายามระบุตำแหน่งให้เห็น “ถนน” ที่กำลังสร้างใหม่ “ตอนนี้เรากำลังสร้างถนนให้เป็นที่ลงดอย จะได้ขึ้นลงดอยคนละทางกัน”

แต่ปีใหม่ปีนี้ไม่รู้จะเกิดปัญหาเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า เพราะเมื่อใครได้ขึ้นมาถึงม่อนแจ่มแล้วจะใช้เวลานาน หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า “ใช้เวลาถ่ายรูปนาน” ยิ่งเวลาคนหนาแน่นก็ต้องต่อคิวกันถ่ายรูป ทำให้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ อีกทั้งบนม่อนยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้คนนั่งทอดเวลาจนไหม้เกรียมกันไปเลย

แจ่มหน้าฝน

ทั้งนี้ทั้งนั้น จะว่าใครก็ไม่ได้เพราะทุกคนมีสิทธิใช้เวลาอย่างเต็มที่ แต่ถ้าใครเคยมาช่วงเทศกาลแล้วคิดว่านั่นคือการใช้เวลาอย่างเต็มที่แล้ว “คุณคิดผิด” เพราะช่วงเวลาจริงที่คุณจะเอ้อระเหยลอยชายเป็นวันๆ คือฤดูนอกสายตาอย่าง “ฤดูฝน” ฤดูที่ผู้ดูแลม่อนแจ่ม “คุณสันติ” พูดเลยว่า “สวยที่สุด มีเสน่ห์ที่สุด”

คุณสันติ กล่าวว่า ฤดูฝน (ก.ค.–ต.ค.) เป็นช่วงที่น่ามานอนเต็นท์มาก เพราะเกือบทุกเช้าจะมีทะเลหมอก ซึ่งขนาดในหน้าหนาวยังไม่มี แต่คนกลับคิดว่าหน้าฝนนอนเต็นท์ไม่ได้ ซึ่งนั่นไม่จริง เพราะเมื่ออยู่ในเต็นท์ฝนก็ทำอะไรเราไม่ได้ อีกทั้งฝนบนดอยจะตกเป็นช่วงๆ และมักจะมาเวลาซ้ำกัน ทำให้เราคะเนได้ว่าเวลาไหนฝนตก เวลาไหนอากาศดี และเพราะฝนจึงทำให้ทั้งดอยเขียวชอุ่มเกิดเป็นบรรยากาศที่สวยมากๆ

ส่วนหน้าหนาว (พ.ย.ก.ย.) ที่คนนิยมขึ้นมา ข้อเสียแรกคือ “คนเยอะ” และวิวจะเปิดน้อย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือดอกไม้ในสวนจะโตเต็มที่ และเป็นช่วงที่สตรอเบอร์รีออกผลพอดี สำหรับหน้าร้อน (มี.ค.–มิ.ย.) ความเขียวขจีจะน้อยลงไป แต่อุณหภูมิจะไม่ร้อนจัดเหมือนข้างล่าง ยังมีลมพัดเอื่อยๆ ให้คลายร้อนได้

แจ่มหน้าฝน

พอได้ฟังจากน้ำเสียงคุณสันติดูจะเชียร์ให้คนมาม่อนแจ่มช่วงหน้าฝนกันบ้าง ไม่อยากให้ไปกระจุกกันในหน้าหนาว เพราะนอกจากวิวที่งามแต๊ๆ แล้ว ราคาเช่าเต็นท์ยังถูกกว่ากัน 300 บาท บนม่อนแจ่มมีบริการให้เช่าเต็นท์คืนละ 700 บาทในหน้าฝนและร้อน แต่จะอัพราคาขึ้นเป็น 1,000 บาทในหน้าหนาว ซึ่งถ้าใครต้องการเช่าเต็นท์หน้าหนาวต้องจองล่วงหน้ากันตั้งแต่ตอนนี้ (ก.ย.) เพราะมีเต็นท์ให้บริการประมาณ 20 เต็นท์เท่านั้น ส่วนจะพักกี่วันหรือกี่เดือนก็แล้วแต่ความต้องการ

การมาของม่อนแจ่มจึงเพิ่มหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวให้คุณภูเบศร์ หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของศูนย์ คือพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรให้แก่เกษตรกรโดยรอบ และให้ข้อมูลแก่ผู้เข้ามาดูงานในศูนย์เป็นสำคัญ ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่ไปม่อนแจ่มเมื่อเห็นแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆ อย่าพยายามลงไปถ่ายรูปกับมัน เพราะนั่นคือแปลงผักของชาวบ้านที่ต้องเก็บไปขาย

ก่อนจากอยากพูดถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ หนึ่งในมูลนิธิโครงการหลวงบนดอยอินทนน์เล็กน้อย ในสถานีเกษตรมีการจัดสวนดอกไม้เมืองหนาว สวนกุหลาบพันปีที่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับกุหลาบทั่วไป โรงเรือนแสดงเฟิร์น โรงเรือนแสดงพืชกินสัตว์ โรงเรือนแสดงไม้ดอกไม้ประดับในร่ม โรงเรือนผักไฮโดรโปนิกส์ และวิวน้ำตกสิริภูมิบนภูเขาที่เห็นได้จากสถานี ทุกส่วนจัดแสดงได้ดีและน่าเข้าชมมาก แต่พอได้สนทนาสั้นๆ กับ “คุณสมชาย เขียวแดง” ผู้อำนวยการสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์แล้วต้องเบรกไว้ก่อน เพราะคุณสมชายออกตัวหนักแน่นว่าอยากให้ที่นี่เป็น “ศูนย์การเรียนรู้” ไม่อยากให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวทั่วไปถ้าอยากเข้าไปชมทุกส่วนที่กล่าวมาต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้ก่อน หรือถ้าไม่ชอบความยุ่งยากก็อยากแนะนำให้เข้าไปจิบกาแฟหรือรับประทานอาหารกลางวันที่นั่นสักมื้อ เพราะวัตถุดิบปรุงอาหารได้มาจากสถานีเกษตรทั้งหมดจึงสดและอร่อยอย่างยิ่ง