posttoday

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

18 สิงหาคม 2555

ก่อนเขียนบทความนี้ได้ยกสายหาคนภูเก็ตว่าอากาศที่นั่นเป็นอย่างไร ปลายสายบอกว่า “แดดดีมาก (ลากเสียงยาว)”

โดย...ภาพ กาญจน์ อายุ

ก่อนเขียนบทความนี้ได้ยกสายหาคนภูเก็ตว่าอากาศที่นั่นเป็นอย่างไร ปลายสายบอกว่า “แดดดีมาก (ลากเสียงยาว)” ที่ถามเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขียนไปคนอ่านสามารถไปเที่ยวได้ เพราะสภาพอากาศในภาวะโลกร้อนเปลี่ยนแปลงบ่อย มีลมมรสุมที่มักมาแบบไม่ให้ตั้งตัว และเป็นห่วงปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมภาคใต้ แต่เมื่อคนท้องถิ่นคอนเฟิร์มแล้วก็โล่งใจ กล้าออกปากชวนไปเที่ยวภูเก็ตได้เต็มปาก

ภูเก็ตในวันที่ไปไร้ฝนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นฟ้ารั่วทั้งวันทั้งคืน บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้จึงอดใจอยู่เฉยๆ ไม่ได้ต้องโดดขึ้นเรือของจอห์น เกรย์ ซี แคนู ไปวันเดย์ทริปเกาะห้อง เกาะพนัก กับนักพายเรือแคนูซึ่งเป็นคนเดียวกับไกด์ประจำเรือ

เรือลำใหญ่บรรทุกคนและเรือแคนูจากท่าเทียบเรืออ่าวปอสู่ใจกลางทะเลอันดามัน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายแรกเกาะพนัก เมื่อเรือใหญ่จอดก็ถึงคราวเรือแคนูออกโรง แต่ละลำจะมีคนพายเรือหนึ่งคน รองรับนักท่องเที่ยวได้อีกสองคน โดยนักท่องเที่ยวเป็นคนท่องและเที่ยวจริงๆ แค่นั่งทรงตัวบนเรือแคนูให้ดีก็พอ

ที่เกาะพนักมีความพิเศษตรงที่มัน “โพรง” นั่นคือด้านในเกาะมีห้องที่สามารถเข้าได้ โดยทางเข้าห้องคือถ้ำใต้เกาะที่สามารถเขาได้ยามน้ำลด

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

 

จากการสำรวจพบว่าเกาะพนักมีถ้ำที่สามารถเข้าได้อย่างน้อย 6 ถ้ำ ด้านตะวันออกของเกาะ ได้แก่ ถ้ำไดมอนด์ ถ้ำโกงกาง ถ้ำไอติม และถ้ำปริ้นเซส ส่วนด้านตะวันตกมีถ้ำค้างคาวและถ้ำหอยติบ และเชื่อว่ายังมีถ้ำที่ยังไม่ค้นพบอีก

ช่วงเวลาเข้าถ้ำแต่ละวันไม่ตรงกันขึ้นอยู่ว่าวันนั้นเป็นวันข้างขึ้นหรือข้างแรม ถ้าไปถึงเกาะพนักแล้วน้ำยังไม่ลด ก็ต้องนั่งเรือแคนูชมทัศนียภาพโดยรอบเกาะไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินย้อย นกกินปลา นกกระยางสีเทา กองทัพปูหินที่แฝงตัวได้แนบเนียนตามซอกหิน หอยแปดเกล็ดตัวสีดำที่เนื้อในกินได้ หรือถ้ำรังนกอดีตสัมปทานรังนกที่ทิ้งร่องรอยไว้แค่ไม้ไผ่เก็บรังและรอยรังที่ถูกเก็บบนเพดาน

ในขณะที่นั่งท่องทะเลรอบเกาะพนัก คนพายเรือก็สอดสายตามองระดับน้ำตลอดว่าปากถ้ำเปิดหรือยัง ซึ่งถ้ำที่คนนิยมเข้าไปคือ ถ้ำค้างคาวและถ้ำหอยติบ ทั้งสองถ้ำมีห้องด้านใน บางคนเรียกว่าทะเลใน เพราะในห้องจะมีน้ำทะเล (ลากูน) ถูกขังไว้ด้วยภูเขาหิน

ทางเข้าของทั้งสองถ้ำ “เสียว” มิใช่น้อยเพราะขนาดนอนแทนนั่งแล้ว จมูกกับเพดานถ้ำก็ห่างกันไม่ถึงไม้บรรทัด ซึ่งถ้ำหอยติบจะเสียวมากกว่าตรงที่เพดานจะเต็มไปด้วยเปลือกหอยติบคมๆ ให้เราตาต่อตากับหอยสักระยะ

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

 

ลากูนในถ้ำหอยติบมีเพียงหนึ่ง แต่ในถ้ำค้างคาวมีถึงสอง ซึ่งสภาพธรรมชาติในแต่ละลากูนสมบูรณ์มากเพราะหนึ่งไม่ถูกมนุษย์รบกวนและสองไม่โดนลมพายุ อย่างที่ถ้ำหอยติบเคยมีคนพบนากทะเล สัตว์ที่เลือกแหล่งอาศัยเฉพาะในที่ที่บริสุทธิ์เท่านั้น และที่ถ้ำค้างคาวก็ยังมีค้างคาวกินแมลงอาศัยอยู่เป็นฝูง และภายในลากูนก็มีนกแก๊กสายพันธุ์เดียวกับนกเงือกที่สร้างครอบครัวอยู่บนต้นไม้สูง ในน้ำเต็มไปด้วยต้นโกงกางขนาดใหญ่ที่โตวันโตคืนเป็นแหล่งพักพิงให้ปลาตีนแฟมิลีที่อ้วนเอาๆ

ถัดจากเกาะพนักคือเกาะห้อง อยู่ห่างกันในระยะสายตาโดยเราต้องขึ้นเรือใหญ่ของจอห์น เกรย์ ซี แคนู อีกครั้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที แต่ 15 นาทีนี้คือเวลาโชว์ออฟของ “เหยี่ยวแดง”

นั่งมองเกาะห้องเบื้องหน้าอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจเมื่อหันหลังไปเห็น “ฝูงเหยี่ยวแดง” ที่บินว่อนอยู่หลังเรือ ทุกตัวกำลังแสดงลีลาเต้นแนวดิ่ง หุบปีกพุ่งสู่ผิวน้ำเพื่อจิกกินอะไรบางอย่าง ตอนแรกก็นึกว่ามีฝูงปลาตัวเล็กตามเรือมา ที่ไหนได้มีคนบนเรือโรย “หนังไก่ทอด”

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

 

เหยี่ยวแดงทั้งฝูงกำลังรุมกินหนังไก่ทอดที่ทางเรือจอห์น เกรย์ ซี แคนู เดลิเวอรีให้ ในใจก็คิดว่าไม่น่าให้เพราะมันทำให้สัตว์เสียสัญชาตญาณธรรมชาติ แต่ขณะที่คิดนิ้วก็รัวกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง ก็เกิดมาเคยเห็นซะที่ไหน ฝูงเหยี่ยวแดงที่มารวมตัวกันมากมายขนาดนี้

เมื่อโต๊ะจีนหมดก็รีบเดินไปถามคนพายเรือว่าทำไมถึงให้ เขาตอบว่ามันเป็นหนึ่งในไฮไลต์และให้ในปริมาณจำกัดพอให้ถ่ายรูปได้

พอเหยี่ยวแดงสลายตัว เรือก็ถึงเกาะห้องพอดี เรือแคนูลงน้ำอีกครั้งเพื่อล่องเข้าสู่เกาะห้อง ซึ่งถ้าเกาะแห่งนี้เป็นห้องจริงๆ มันก็คงเป็นห้องแกรนด์บอลลูนที่ทั้งใหญ่และหรูหรา เพราะมันสวยจริงๆ

ภูเขาที่ล้อมเกาะห้องเกิดจากแผ่นดินไหวที่ดันหินใต้ทะเลขึ้นมา พิสูจน์ได้จากเปลือกหอยบนภูเขาที่มีอายุกว่า 130 ล้านปี แต่ถ้าแผ่นดินไม่ไหวก็คงไม่มีสิ่งสวยงามในสายตามนุษย์เช่นนี้

น้ำด้านในนิ่งสะท้อนผนังห้องเยี่ยงกระจก พื้นน้ำไหลเวียนช้าๆ ไปทางผนังห้องที่ปิดไม่สนิท โดยรอบห้องอุดมไปด้วยต้นไม้สีเขียว ส่วนบนพื้นน้ำเต็มไปด้วยเรือแคนูที่ทุกคนล้วนเงยหน้ามองความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

 

นักท่องเที่ยวสามารถอ้อยอิ่งอยู่ในเกาะห้องได้นานตราบเท่าที่ระดับน้ำสูงพอ ซึ่งจุดนี้คนพายเรือจะให้นักท่องเที่ยวพายเรือเองได้ ว่ายน้ำเล่นแถวเรือใหญ่ได้ แต่เมื่อน้ำเริ่มลดลงจนต้องนำเรือขึ้นเมื่อไหร่ คนพายเรือจะต้อนให้ขึ้นเรือใหญ่ทุกคน

วันเดย์ทริปเกือบจบแล้ว แต่มันจะไม่สมบูรณ์ถ้าทุกคนยังไม่ลอยกระทง จอห์น เกรย์ ซี แคนู เพิ่มกิจกรรมส่งท้ายด้วยการให้นักท่องเที่ยวและคนพายเรือร่วมทำกระทงร่วมกัน เพื่อนำไปลอยแถวเกาะพนักตอนขากลับ ซึ่งเวลาจะประจวบเหมาะกับช่วงพระอาทิตย์ตกพอดี แสงบนฟ้ากำลังริบหรี่แต่แสงเทียนบนพื้นผิวน้ำกำลังสว่างไสว แต่ใช่ว่าลอยแล้วลอยเลยเพราะเป็นกิจกรรม “ลอยเป็นพิธี” เท่านั้น นั่นคือลอยไปสักพักแล้วเก็บกระทงกลับไปทิ้งที่ฝั่ง

แต่นอกจากมนุษย์บนเรือแล้ว ใต้น้ำยังมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่รอปล่อยแสงใส่คุณทันทีเมื่อคุณแตะต้องน้ำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรแตะ แต่ต้อง “ตี!” ให้น้ำกระเพื่อมเพื่อให้เห็นแสงระยิบระยับจากล้านชีวิตที่อยู่ในน้ำ มันคือแพลงก์ตอนตัวเล็กจิ๋วที่เมื่อเราสัมผัส มันจะเปล่งแสงสีเขียวสะท้อนแสง ยิ่งมืดมากก็ยิ่งเห็นแสงมาก และเมื่อน้ำกระเพื่อมเป็นวงใหญ่แสงเหล่านั้นมันไม่ผิดอะไรกับภาพกาแล็กซีเรืองแสง น่าเสียดายที่กล้องเก็บภาพแสงแพลงก์ตอนไม่ได้เพราะมีแสงน้อยเกินไป เหมือนธรรมชาติสร้างกุศโลบายให้คนไปเห็นด้วยตาตัวเอง

ข้างในมีห้อง ข้างใต้มีถ้ำ

 

ใบพัดเรือหมุนอีกครั้งพร้อมความมืดที่เวียนกลับมา วันอันสดใสย้ายไปเริ่มต้นในอีกซีกโลก ส่วนซีกของดวงจันทร์ก็ถึงเวลาพักผ่อนและได้เวลาขอบคุณตัวเองที่ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้วอีกวัน

บริษัททัวร์ที่จัดวันเดย์ทริป อ่าวปอ (ภูเก็ต)–เกาะพนัก–เกาะห้อง มีหลายเจ้าให้เลือก แต่ถ้าไม่อยากแย่งกันชมกับเพื่อนร่วมทริปควรเลือกบริการของ จอห์น เกรย์ ซี แคนู ที่จำกัดจำนวนลูกค้า 3842 คนต่อเรือลำใหญ่ ราคาคนละ 3,950 บาท (รวมอาหารกลางวัน เครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ อุปกรณ์ทำกระทง เรือแคนู และคนพายเรือ) ติดต่อ โทร. 076-254-5057 อีเมล [email protected]