posttoday

กัมพูชาก่อนเออีซี

04 สิงหาคม 2555

ชายแดนกัมพูชา-ไทยในสมัยสงครามเขมรสามฝ่าย ก็คือพื้นที่การสู้รบระหว่างเวียดนามกับเขมรแดงและเขมรเสรี

โดย...จำลอง บุญสอง ชมรมผู้สื่อข่าวท่องเที่ยวอาเซียน

ชายแดนกัมพูชา-ไทยในสมัยสงครามเขมรสามฝ่าย ก็คือพื้นที่การสู้รบระหว่างเวียดนามกับเขมรแดงและเขมรเสรี ซีกที่ผมจะกล่าวถึงนี้คือซีกของเขมรแดง ซึ่งอยู่แถบด้านใต้ของอรัญประเทศไปจรด จ.ตราด ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ป่าดิบชื้นมาก่อน

สมัยที่ตระเวนอยู่ตามชายแดน แม้ว่าจะมีโอกาสเข้าไปทำข่าวการสู้รบของเขมรแดง แต่ก็เข้าไปได้อย่างยากเย็น เพราะการลำเลียงอาวุธจากจีนก็ดี การซัพพลายอาหารก็ดี ต้องส่งผ่านเส้นทางเลียบชายแดนเท่านั้น จากเหตุดังกล่าวทหารจึงเข้มงวดนักข่าวทุกคน ยกเว้นว่าวันใดวันหนึ่งเขมรแดงต้องการแถลงข่าว พวกเราจึงได้รับความสะดวก

ผมเคยโดนทหารไทยไม่ออกใบอนุญาตให้เข้าพื้นที่หนึ่งครั้ง เพราะเข้าไปทำข่าวการสู้รบของเขมรแดงลึกไปหน่อย แต่ท้ายที่สุดทหารก็ห้ามผมไม่ได้ เพราะผมไปทำข่าวให้คนไทยรับรู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ ไม่ได้เข้าไปทำจารกรรม ค้าอาวุธ ค้ายาบ้า หรือขนไม้เถื่อน

กัมพูชาก่อนเออีซี

พูดถึงไม้เถื่อน เมื่อสงครามเขมรสามฝ่ายยุติลง ความที่ทุกฝ่ายไม่ต้องใช้ป่าเป็นเกราะกำบังในการทำสงคราม บวกกับความต้องการเงินเพื่อบำรุงกองกำลัง การ“ตัดไม้”ขายจึงเป็นเรื่องจำเป็น ด้วยดีมานด์ดังกล่าวจึงทำให้ทุกกองกำลังที่อยู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ชายแดนตราดไปยันอุบลราชธานี ทั้งเขมรแดงและเขมรเสรี ต่างพากันตัดไม้ที่ไม่ได้ถูกรบกวนมาตั้งแต่สงครามคอมมิวนิสต์กับโลกเสรี ต่อยุคของเขมรแดงที่กวาดต้อนคนไปทำนาอยู่ตามคอมมูน ปล่อยให้ป่าอยู่ด้วยตัวของมันเองตามธรรมชาติ ครั้นสงครามเขมรสามฝ่ายเกิดขึ้น ผู้คนก็มัวแต่กลัวกับระเบิดที่ทหารแต่ละฝ่ายฝังไว้อยู่ในป่า ทำให้ไม้ป่ากัมพูชารอดพ้นจากการตัดทอน

จำได้ว่าเส้นผ่าศูนย์กลางต้นไม้บางต้นที่ถูกตัดมาขายฝั่งไทยสูงขนาด2เมตร มีมากมาย เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดนั้นไม่ต้องไปคำนวณให้ยากเลยว่าลำต้นของไม้เหล่านั้นจะใหญ่และสูงขนาดไหน

ไม้ตัดสดถูกตัดลำเลียงออกมาทั้งทางเรือและทางบก โดยพาหนะของพ่อค้าไม้ไทย ไม้หมอนรถไฟที่เอามาทดแทนของเก่าก็ถูกเลื่อยส่งออกมาแถวช่องจอม ชายแดนสุรินทร์ บางคนที่ห้ามผมเข้าพื้นที่ก็กินไม้กันอ้วกแตกอ้วกแตน ทำให้ถึงบางอ้อว่า การห้ามเข้าพื้นที่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องของความปลอดภัยทางการทหาร แต่เป็นเรื่องการทำมาหากินที่ไม่สะดวกต่างหาก

ไม้ที่ถูกลำเลียงออกมาขายในไทยมากจนถูกสหประชาชาติห้ามส่งออกไม้ซุง ไทยก็ใช้วิธีซื้ออ้อมผ่านลาว แต่ก็ต้องยุติในเวลาอีกไม่นาน กองกำลังเขมรทุกฝ่ายต้องใช้เงิน พวกเขาส่งออกไม้ซุงไม่ได้ก็จริง แต่ก็สามารถส่งออกไม้แปรรูปในทางลับได้ ไม่ว่าจะเป็น“สวนส้ม”“ช่องจอม”หรืออีกหลายๆ พื้นที่

ช่วงสงครามเขมรสามฝ่าย เขาสัตว์ตระกูลกวางถูกส่งเข้ามาขายตามแนวชายแดนกันหมื่นเป็นแสนเขา สัตว์ตระกูลนี้เกิดมากหลังจากเขมรแดงต้อนคนเข้าไปทำนาอยู่ตามคอมมูน และตายลงจากการถูกฆ่าตายอันเนื่องจากการล้างชนชั้น เช่นเดียวกับการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนตามแนวทางเหมาและแก๊งสี่คนที่เอามาจากเฮเกล

กัมพูชาก่อนเออีซี

ทิ้งความเป็นชายแดนไปนาน เพราะเปลี่ยนลักษณะการทำงาน ได้โอกาสไปเยือนชายแดนฝั่งเขมร-ไทยอีกครั้งก็เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สมัยก่อนเขมรแดงใช้ช้างในการขนส่งสัมภาระ แต่วันนี้พวกเขาใช้รถเหมือนเมืองไทย รถที่ได้มาจากการขายสินค้าการเกษตรให้พ่อค้าไทย ไม่ว่าข้าว ข้าวโพด และอื่นๆ

เราเดินทางด้วยรถตั้งแต่ปอยเปตไปถึงสวนส้ม จากสวนส้มไปยังไพลิน ซึ่งทั้งหมดเคยเป็นที่ตั้งของฝ่ายคอมมิวนิสต์เขมรแดง อีเชียร อดีตผู้นำเขมรแดงเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด การได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดของเขาเป็นไปอย่างสอดคล้องกับนโยบายแบ่งปันอันชาญฉลาดของฮุนเซน เช่นเดียวกับสิ่งที่เขาทำกับเง๊ะ บุญชัย ผู้ที่เคยจะทำรัฐประหารเขา แต่เมื่อบุญชัยทำพลาดแทนที่ฮุนเซนจะจับกุม เขากลับใช้วิธีการให้บุญชัยเข้าไปมีอำนาจในรัฐบาลแทน

เลียบชายแดนคราวนี้ไม่พบกับความเป็นป่าเหมือนก่อน แต่พบกับความเป็นบ้านเป็นเมืองแทน เมืองที่มีตลาดการค้ากับฝั่งไทย เมืองที่ภูเขา“ไม่มีต้นไม้ยืนต้น”แต่มี“ไร่ข้าวโพด”ขึ้นแทน ข้าวโพดนับพันนับหมื่นไร่ที่แปรรูปออกมาเป็นเมล็ดข้าวโพดสีเหลืองทองที่ส่งขายมายังเมืองไทย!

ยายหยาด เป็นไทยใหญ่ที่อพยพมาจากพม่า ด้วยความสามารถในการดูพลอยที่ติดตัวมา จึงทำให้ยายหยาดเป็นคนแรกที่พบพลอยและทำให้พลอยไพลินกลายเป็นที่รู้จักในโลก ก่อนที่เขมรแดงจะเข้ามาครอบครองและให้สัมปทานคนไทยในการเข้าไปทำพลอย พลอยที่ทำให้พ่อค้าพลอยจันทบุรีรวย ในขณะที่คนขุดพลอยจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากกับระเบิด เสียขาจากการเหยียบกับระเบิด และการฆ่ากันตายเพราะการกลืนพลอยลงท้องด้วยความขี้โกง

กัมพูชาก่อนเออีซี

เราเดินทางไปนอนที่พระตะบองหลังจากไปเยือนรูปปั้นยายหยาด ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองไพลินแล้ว ไปถึงพระตะบองก็ค่ำ ก็เลยชวนกันไปซื้อของปิ้งย่างในตลาดก่อนไปถ่ายภาพตลาดยามค่ำคืน ตลาดที่พระตะบองแปลกตรงที่ขายกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ สินค้าที่ขายไม่แตกต่างจากฝั่งไทย ที่แตกต่างจากฝั่งไทยก็คือปลา ปลาสดและปลาแห้งจากตนเลสาบนั่นเอง

พระตะบอง ก็คือต้นแบบของเมืองปราจีนบุรีบ้านเรา เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างเมืองพระตะบองแล้ว ครั้นถูกฝรั่งเศสไล่ก็เลยมาสร้างศาลากลางปราจีนฯ รูปลักษณ์เดียวกัน (ดูรูปภาพประกอบ) ใครอยากดูต้นแบบเมืองปราจีนฯ ดูอาคารสมัยฝรั่งเศสแบบเดียวกับนครพนมหรือเวียงจันทน์ก็ให้ไปดูได้ที่พระตะบอง

วันนี้ที่นั่นมีโรงแรมสวยๆ เพิ่มขึ้นมาก รถราก็ขวักไขว่ผิดกับสมัยที่ผมเข้าไปในช่วงหลังสงครามเลิกใหม่ๆ ที่มีแต่ม้าเทียมรถและวัวเทียมเกวียน แต่ถึงจะเจริญขึ้นอย่างไร ผมก็ยังชอบบรรยากาศของพระตะบอง เพราะเป็นเมืองค่อนข้างสงบ

ถ้าจะว่ากันตามสนธิสัญญาโตเกียวแล้ว พระตะบองเสียมราฐและศรีโสภณ รวมทั้งฝั่งขวาแม่น้ำโขงทั้งหมดยังคงเป็นของไทย แต่ถ้าใครจะรื้อฟื้นสนธิสัญญาตัวนี้ขึ้นมาก็คง“เป็นเรื่อง”

แม้ว่าจะไม่ได้เข้าพนมเปญหลังจากออกจากพระตะบองไปแล้ว แต่ก็กลับคืนมานอนพนมเปญในภายหลัง พนมเปญในวันนี้เต็มไปด้วยสีสัน เพราะสงครามกลางเมือง หรือCivil Warได้จบลงไปแล้ว การจบลงของสงครามประชาชนหมายถึงการเมืองลงตัว เมื่อการเมืองลงตัวก็หมายถึงสังคมค่อยๆ นิพพานเพื่อก้าวสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองอีกต่อไป แม้ว่าบางครั้งอาจจะมีวูบๆ วาบๆ ขึ้นมาด้วยความพยายามทำรัฐประหารของนายทหารสายอื่นที่ไม่ใช่สายพรรคประชาชน (ฟุนซินเปก) แต่ด้วยความชาญฉลาดของฮุนเซน เขาใช้วิธีการแบ่งปันอำนาจและผลประโยชน์ให้ ท้ายสุดสงครามภายในก็สงบลง ด้วยเหตุที่ว่าการเมืองสงบลง เราจึงเห็นโรงงานต่างๆ กำลังก่อสร้างขึ้นรอบๆ กรุงพนมเปญมากมายทุกทิศทาง ที่ดินของเมืองที่เคยเป็นที่อาศัยของผู้คนในช่วงสงครามถูกจับจองกลายเป็นร้านเป็นรวง ราคาที่ดินกลางเมืองพนมเปญแพงขึ้นหลายเท่าตัว แต่ถึงจะแพงขึ้นอย่างไรก็ไม่มีความหมาย ตราบใดที่เศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโต ผมเชื่อว่าอีกไม่นานบางประเทศที่ก้าวเข้าสู่สงครามกลางเมือง จะต้องสะอื้นกับความเปลี่ยนแปลงในทางบวกของกัมพูชา

กัมพูชาก่อนเออีซี

เราไปเที่ยวพระราชวังหลวง เขาไม่ให้ถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ผมไม่รู้เกือบโดนเล่นงาน แต่ก็ได้ไปถ่ายส่วนอื่นๆ ที่จัดแสดง โดยเฉพาะภาพถ่ายเรื่องราวของสมเด็จสีหนุในยุคต่างๆ ตั้งแต่ทรงเป็นวัยรุ่น ได้ไปถ่ายพระพุทธรูปหินแกะที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่คนไทยมักจะเรียกกันว่าต้นสาละ ทั้งๆ ที่อินเดียเรียกต้นไม้ที่สมเด็จแม่ของพระพุทธเจ้าไปคลอดพระพุทธเจ้ากลางป่า คือต้นรัง ไม่ใช่สาละในความหมายของไทยและเขมรอย่างปัจจุบัน ผมเอาภาพมาขึ้นปกให้ท่านผู้อ่านได้ชม เพราะเห็นแปลกดี

ตูลสะเลง หรือแหล่งคุมขังคนกัมพูชา ที่เป็นปฏิกิริยากับฝ่ายเขมรแดง เป็นที่หมายต่อไปของพวกเรา วันนี้อาคารต่างๆ ถูกทำให้ดีขึ้นกว่าสมัยที่เป็นข่าวใหม่ๆ เพราะผู้นำเขมรไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ดูโหดร้ายจนเกินไป แต่ใครไปเห็นความโหดร้ายของพวกคอมมิวนิสต์เขมรแดงแล้วก็ต้องสยองทีเดียว นี่แหละความไร้เดียงสาของพวกซ้ายจัด ดีแล้วที่คอมมิวนิสต์ไทย ซึ่งมีแนวทางเดียวกันกับคอมมิวนิสต์กัมพูชา (สายเดียวกันกับเหมาเจ๋อตง) ถูก66/23ทำลายลง เพราะมิฉะนั้นแล้วประเทศไทยก็ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับคนเขมร ผมจำได้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์อีสานใต้ (เขตงาน205เขตงาน207) เรานี่แหละที่บังคับกวาดต้อนคนแถวละหานทรายและคนในหมู่บ้านแถบนั้นเข้าไปอยู่ในเขมรเพื่อทำสงครามในไทย ผลของการกวาดต้อนแบบซ้ายจัดนั่นแหละที่เป็นส่วนหนึ่ง ทำให้คอมมิวนิสต์ไทยพ่ายแพ้ในเวลาต่อมา ตอนนี้คอมมิวนิสต์แถวนั้นใส่เสื้อสีอะไรก็รู้แก่ใจตน

ผมมีเพื่อนที่เป็นแหล่งข่าวที่เป็นผู้บังคับกองพันของเขมรแดงที่เคยเข้ามาอยู่ในเขตงานดังกล่าว เขาพูดไทยได้และเล่าให้ผมฟังที่หมู่บ้านหนองปรือตอนใต้ของอรัญประเทศ ว่า สมัยฆ่าพวกปฏิกิริยาลอนนอล (ที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและไทย เพราะสมเด็จสีหนุทรงให้กองทัพเวียดกงผ่านมาทางเขมรเพื่อตีไซ่ง่อน) และฆ่าประชาชนหลังจากได้อำนาจแล้ว ผู้ฆ่าก็ต้องกินตับสดๆ ของผู้ถูกฆ่าด้วยเพื่อสยบวิญญาณ นั่นแสดงให้เห็นว่าความเป็นจิตนิยมยังมีอยู่ในพวกเขมรแดงจริงๆ สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขายังคิดไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เมื่อคิดไม่เป็นวิทยาศาสตร์จึงคิดเอาเอง ทำเองอย่างไม่มีเหตุมีผลรองรับ

กัมพูชาก่อนเออีซี

ไปเที่ยวเขาเล็กกลางเมืองพนมเปญ ที่นั่นมีรูปปั้นการถวายเครื่องบรรณาการของเจ้าเมืองเสียมราฐ พระตะบองและศรีโสภณต่อเจ้ากรุงพนมเปญด้วย ภาพดังกล่าวแสดงถึงว่าเจ้าเมืองดังกล่าวยอมรับในอำนาจของพนมเปญ นั่นเป็นวิธีการทางการเมืองโดยไม่ต้องสงสัย

ตลาดกลางเมืองพนมเปญก็น่าไปกินอาหารเวียด-เขมร และไปซื้อของครับเพราะเสื้อผ้าที่ผลิตในเขมรราคาถูกกว่าบ้านเรา ร้านทองมีเป็นร้อยล้านและไม่ต้องกลัวคนปล้นจี้แบบบ้านเรา ทั้งๆ ที่ตำรวจมีไม่มาก สะท้อนว่าสงครามประชาชนจบลงแล้วนั่นเอง ส่วนบ้านเราก็มีสภาพแบบเดียวกับยุคเขมรเกิดสงครามกลางเมือง คือร้านขายทองติดลูกกรง และมีตำรวจมาเฝ้ากันมากมายแล้วแต่ก็ยังโดนปล้น ร้านสะดวกซื้อก็ดี แท็กซี่ก็ดี ถูกปล้นจี้กันเป็นว่าเล่น มันสะท้อนอะไรผมคงไม่ต้องบอก