posttoday

กว่าจะเป็นมิสเตอร์พันล้าน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ

30 มีนาคม 2559

หนุ่มโสดสายเลือดนักการเมือง จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ เป็นลูกไม้หล่นไกลต้น

โดย...ศศิธร จำปาเทศ/ภาดนุ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

หนุ่มโสดสายเลือดนักการเมือง จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ เป็นลูกไม้หล่นไกลต้น เพราะเลือกเดินสายธุรกิจตั้งแต่อายุเพียง 20 ต้นๆ ด้วยความชอบส่วนตัวที่มีมาตั้งแต่เด็ก จนประสบความสำเร็จในตำแหน่งซีอีโอ บริษัท เจพี เวิลด์ บริษัทมหาชนที่เขาทุ่มเทสร้างอย่างมุ่งมั่น และสามารถแตกไลน์ออกไปกว่า 10 ธุรกิจ ซึ่งมีมูลค่ากว่าพันล้านในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่กว่าจะได้ฉายามิสเตอร์พันล้านมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

นักธุรกิจหนุ่มวัย 32 จบปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ตอนนี้พ่วงดีกรีปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะผู้ทำประโยชน์ให้กับสังคมด้วย เล่าว่า เขาเริ่มมีหัวการค้ามาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม โดยการนำของเล่นในบ้านที่ตัวเองเลิกเล่นแล้วมาใส่ถุงใหม่ให้สวยงาม แล้วจึงนำไปวางขายริมถนนหน้าบ้าน รวมทั้งขายให้กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วย

ช่วงที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย จักรพันธ์มีจุดมุ่งหมายในใจว่า ถ้าเรียนจบแล้วเขาจะทำธุรกิจ ในระหว่างเรียนเขาจึงเปิดแผงขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดและขายนาฬิกาไปด้วย ทำให้เมื่อเรียนจบจึงมีเงินทุนหลักแสนในการเริ่มต้นสานฝันทำธุรกิจ

กว่าจะเป็นมิสเตอร์พันล้าน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ

 

 

“ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เหมือนเป็นช่วงที่ผมกำลังค้นหาตัวเอง รู้แล้วว่าตัวเองชอบทำธุรกิจ ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร ช่วงแรกผมจึงตัดสินใจกลับบ้านที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และใช้ที่ดินของครอบครัวเริ่มทำธุรกิจเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน ตอนแรกที่ไปอยู่ยังไม่รู้จะทำอะไร เห็นคนอื่นเขาเป็นเกษตรกรกันก็ทำบ้าง ทั้งเลี้ยงหมูและเลี้ยงวัว แต่พอถึงเวลาขายจริงแล้วผลตอบแทนมันน้อยมาก ทำแล้วไม่คุ้มเหนื่อย ก็เลยเลิก”

หลังจากชิมลางด้วยการเป็นเกษตรกรแล้ว จักรพันธ์ก็ครุ่นคิดถึงธุรกิจที่จะทำต่อไป ด้วยอากาศที่ร้อนจัดของ อ.กุยบุรี ในช่วงนั้นคนจึงสั่งน้ำดื่มเป็นจำนวนมากจนทำให้น้ำดื่มขาดตลาด ชายหนุ่มจึงปิ๊งไอเดียในการทำธุรกิจเปิดโรงงานผลิตน้ำดื่มเล็กๆ โดยใช้ทุนตั้งต้น 2 แสนบาท ซื้อเครื่องกรองน้ำมา แล้วแปลงโรงจอดรถในบ้านให้เป็นโรงงานผลิตน้ำบรรจุเอง ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีและเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจอื่นๆ ในเวลาต่อมา

“ตอนนั้นผมอายุแค่ 20 ต้นๆ เอง ไม่มีสเตทเมนต์เลยกู้เงินจากธนาคารไม่ได้ ผมจึงต้องใช้เงินทุนที่มีต่อยอดจากธุรกิจเดิมไปเรื่อยๆ พอทำโรงงานผลิตน้ำดื่มแล้ว ต่อมาก็ทำโรงงานผลิตขวดพลาสติกบรรจุน้ำดื่มขายให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ จากนั้นก็ต่อยอดด้วยการเปิดปั๊มน้ำมัน ซึ่งผมต้องตื่นมาเปิดปั๊มเองตั้งแต่ตี 5 และปิดปั๊มตอน 5 ทุ่ม ทุกวัน ทำอยู่คนเดียวแบบนี้ 2 เดือน กว่าจะมีเงินหมุนพอจะจ้างเด็กปั๊มได้

กว่าจะเป็นมิสเตอร์พันล้าน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ

 

ต่อมาผมจึงนำรายได้จากการทำโรงงานผลิตน้ำและปั๊มน้ำมันมาขยับขยายเปิดเป็นร้านขายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะขอดีลเลอร์ตั้งเป็นศูนย์รถมอเตอร์ไซค์ แต่เขาไม่อนุญาต ผมเลยเปิดร้านขายมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาเอง แล้วตกแต่งให้ดูดี ติดแอร์ด้วย ปรากฏว่ามีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาตลอด”

ไม่หยุดต่อยอด จนกลายเป็นธุรกิจพันล้าน

หลังจากเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ มาหลายอย่าง จักรพันธ์ก็มานั่งคิดว่าทำแค่นี้ก็ตันหมดแล้ว เขามีศักยภาพทำได้แค่นี้เองหรือ ถ้าเป็นอย่างนี้เขาคงจะไม่รวยได้เหมือนไอดอลมหาเศรษฐีที่เขาชื่นชอบ และเคยอ่านพ็อกเกตบุ๊กประวัติของคนเหล่านั้นมา ไม่ว่าจะเป็น เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ ริชาร์ด แบรนสัน เป็นแน่

“คืนหนึ่งผมก็นอนคิดได้ว่า งั้นเรามาเป็นเจ้าของแบรนด์ตัวเองดีกว่า นี่จึงเป็นที่มาของร้านมอเตอร์ไซค์มือสองคุณภาพดีแบรนด์คนไทยใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีชื่อแบรนด์ว่า ‘เจพี’ ซึ่งมาจากชื่อและนามสกุลของผมเอง ปรากฏว่าพอทำแล้วผลตอบรับธุรกิจนี้ดีมาก คนติดต่อมาเยอะ แถมเรายังได้ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์แบบกินเปล่าด้วย หลังเปิดได้แค่ 3 เดือน ลูกค้าเยอะมากจนต้องย้ายไปเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ผมจึงมาเช่าตึกแถวเล็กๆ และทำธุรกิจมาเรื่อยๆ จนค่อยๆ แตกไลน์เป็นธุรกิจอื่นๆ

กว่าจะเป็นมิสเตอร์พันล้าน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ

 

ด้วยคาแรกเตอร์และนิสัยของผมที่ชอบทำธุรกิจและการลงทุนมากๆ ผมจึงสร้างบริษัทในเครือเจพี กรุ๊ป ขึ้น โดยเปิดบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เวิลด์ เทรดดิ้งฯ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากมาย อาทิ รถมอเตอร์ไซค์มือสอง รถจักรยานนำเข้ามือสอง รถจักรยานใหม่ รถของเด็กเล่น และน้ำมันเครื่องแบรนด์ทอร์ก (Torque) เปิดบริษัท เจพี คอร์ปอเรชั่น ทำธุรกิจด้านการสื่อสาร โดยจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารทั่วไปให้กับองค์กรชั้นนำระดับประเทศ เปิดบริษัท พรีมาเดิร์มเฮ้าส์ จำหน่ายเครื่องสำอางบำรุงผิว รวมทั้งเปิดบริษัท สวีท ลิสซิ่ง ทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อ เช่าซื้อรถ บ้าน และที่ดิน รวมทั้งทำธุรกิจสื่อบิลบอร์ดข้างสนามฟุตบอลเกือบทั่วประเทศ ที่กำลังไปได้สวยภายใต้ชื่อบริษัท เจพี เวิลด์ เทรดดิ้ง ด้วย

นอกจากนี้ ผมยังร่วมลงทุนในบริษัท วิชวัน อินโฟ ซึ่งให้บริการอุปกรณ์ไอที หลอดไฟแอลอีดี และบริการบุคลากรไอทีส่งไปยังองค์กรใหญ่ๆ มากว่า 10 ปี แล้วผมยังชอบลงทุนด้วยการเล่นหุ้นด้วย ซึ่งผมจะใช้สัญชาตญาณความเป็นนักธุรกิจ โดยวิเคราะห์จากการเติบโตของธุรกิจนั้นๆ ว่ามีพื้นฐานที่มั่นคงมั้ย ถ้ามีแนวโน้มที่ดี ส่วนใหญ่ก็จะซื้อหุ้นทิ้งไว้โดยดูที่การเติบโตเป็นหลัก”

แน่นอนว่า ธุรกิจโดยรวมของจักรพันธ์ตอนนี้มีมูลค่าหลักพันล้านบาทภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ทำให้เขาได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า “มิสเตอร์พันล้าน” และออกพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองถึง 3 เล่ม นั่นคือ พ่อมดน้อยการเงิน พันล้านสร้างได้, สร้าง 500 ล้าน เพียง 2 ปี และหนังสือการ์ตูนชีวิต เรียกผมว่า Mr.พันล้าน

ล่าสุด บริษัท เจพี เวิลด์ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเขา ยังเป็นบริษัทสัญชาติไทยเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับสัมปทาน “แอลอีดี ทาวเวอร์” สื่อโฆษณารูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นหอคอยที่ติดจอแอลอีดีล้อมรอบ เพื่อใช้ในการฉายโฆษณาสินค้าต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิและที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งนอกจากจะฉายโฆษณาสินค้าต่างๆ แล้ว แอลอีดี ทาวเวอร์ ยังสอดแทรกเรื่องราวการนำเสนอวัฒนธรรมไทยในมิติใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติด้วย

กว่าจะเป็นมิสเตอร์พันล้าน จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ

 

หลักในการทำงาน

“ความสุขของผมคือ การค้าขาย การลงทุน การหาธุรกิจทำ เพราะเรารักเราชอบมาตั้งแต่เด็ก ผมมองว่าตัวเองไม่ใช่นักบริหาร แต่เป็นนักลงทุนมากกว่า ช่วงแรกผมอาจจะเป็นนักธุรกิจ แต่วันนี้ผมเป็นนักลงทุนแล้ว คิดว่าอาจเป็นคล้ายๆ ประธานก็ได้ ทุกวันนี้ผมรับตำแหน่งซีอีโออยู่ที่เดียวคือ บริษัท เจพี เวิลด์ เท่านี้ก็ยุ่งมากแล้ว ฉะนั้นบริษัทอื่นๆ ของผมจะมีคนเก่งๆ คอยดูแลแทน ผมจะใช้คนที่เก่งและมีความสามารถจริงๆ โดยดึงเขามาร่วมงาน แบ่งผลประโยชน์กันให้ลงตัว เราไม่ต้องลงไปยุ่งอะไรเยอะ เราก็จะเหนื่อยน้อย

แต่ถึงยังไงการทำงานก็ต้องพบปัญหาทุกวัน ทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ทั้งเรื่องของธุรกิจ คน คู่แข่ง หรือสภาวะเศรษฐกิจโลก เยอะแยะไปหมด ก็ต้องแก้ไขไปทีละเรื่อง แก้ได้ก็แก้ไป ถ้าแก้ไม่ได้จริงๆ ผมก็จะพิจารณาว่าจะเปลี่ยนหรือจะหยุด แต่การเลิกทำจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ส่วนใหญ่ผมจะปรับเปลี่ยนโดยนำธุรกิจอื่นเข้ามาเสริมแทนให้มันอยู่ได้ จะไม่ค่อยปิดบริษัทเพื่อแก้ปัญหาสักเท่าไหร่ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ผมล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ แต่ประสบการณ์ที่ได้จะช่วยสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นเอง”

จักรพันธ์ ทิ้งท้ายถึงเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มหันมาทำธุรกิจกันมากขึ้นว่า ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบให้ดีที่สุด ลุยไปพร้อมกับความมั่นใจ อย่ากลัว แล้วจะสามารถต่อยอดจากความชอบไปได้เรื่อยๆ หากธุรกิจมีปัญหาให้พยายามปรับก่อน อย่าเพิ่งยอมแพ้ สิ่งสำคัญคือ ทำในสิ่งที่รักที่ชอบ เพราะหากลงมือทำในสิ่งที่รักอย่างมุ่งมั่น เหมือนกับเขาที่รักในการลงทุนทำธุรกิจแล้ว ถึงแม้จะอายุยังน้อยก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จที่จะได้มา