กวางตุ้ง คะน้า กะเพรา พบสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานมากที่สุด
ชั่งใจก่อนช้ำใจ เปิดผลตรวจผัก-ผลไม้ปี 2562 มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 41 พบห้างค้าปลีกมีสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานมากกว่าตลาดสด นอกจากนี้ ยังพบสารพิษที่ห้ามใช้ในประเทศไทยตกค้าง
ชั่งใจก่อนช้ำใจ เปิดผลตรวจผัก-ผลไม้ปี 2562 มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 41 พบห้างค้าปลีกมีสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานมากกว่าตลาดสด นอกจากนี้ ยังพบสารพิษที่ห้ามใช้ในประเทศไทยตกค้าง
เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network: Thai-PAN) หรือไทยแพน กลุ่มนักวิชาการจากหลากหลายสาขาองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภค และกลุ่มเกษตรกรที่ตระหนักถึงความอันตรายของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เปิดผลตรวจผักผลไม้พบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 41 พบห้างค้าปลีกมีสารพิษตกค้างในผักเกินมาตรฐานมากกว่าตลาดสด นอกจากนี้ยังพบสารพิษห้ามใช้ในประเทศไทยตกค้าง 12 ชนิด
จากการเก็บตัวอย่างทั้งหมด 286 ตัวอย่าง ทั้งในห้างค้าปลีก ตลาดสดทั่วไปในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ยโสธร สระแก้ว จันทบุรี ราชบุรี และสงขลา ครอบคลุมผัก 15 ชนิด และผลไม้ 9 ชนิดที่นิยมบริโภคทั่วไป โดยส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO-17025 ในประเทศสหราชอาณาจักร พบว่า ผักผลไม้มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานสูงถึงร้อยละ 41 !!!
สำหรับผักที่พบสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานมากที่สุดคือ "ผักกวางตุ้ง คะน้า กะเพรา ผักชี พริก กะหล่ำดอก ผักชี" โดยพบ 10, 9,8,7,7,7 ตัวอย่างจาก 12 ตัวอย่างตามลำดับ
ส่วนผลไม้ที่พบการตกค้างมากที่สุด ได้แก่ "ส้ม ชมพู่ ฝรั่ง องุ่น" โดยพบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน 12,11,7,7 ตัวอย่างจากการสุ่มตรวจ 12 ตัวอย่างตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผักและผลไม้ที่ปลูกในประเทศกับผลไม้นำเข้าพบว่า ผลไม้นำเข้าพบการตกค้างร้อยละ 33 แต่พบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานสูงถึงร้อยะ 48.7 ที่ผลิตในประเทศ ข้อมูลที่น่าสนใจคือเมื่อเปรียบเทียบผักผลไม้ที่ขายให้ห้างค้าปลีกซึ่งประชาชนต้องซื้อในราคาสูงกว่าผักผลไม้ในตลาดทั่วไปหลายเท่านั้น การเฝ้าระวังและตรวจวิเคราะห์ในปีนี้พบว่าผักผลไม้ในห้างค้าปลีกมีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานมากกว่าตลาดสด โดยพบมากถึงร้อยละ 44 (พบ 52 ตัวอย่างจาก 118 ตัวอย่าง) ในขณะที่ในตลาดสดพบร้อยละ 39 (66 จาก 168 ตัวอย่าง)
ทั้งนี้ อัตราการตกค้างของผักและผลไม้ในปี 2562 นั้นลดลงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับผลการเฝ้าระวังในปี 2560 ซึ่งไทยแพนพบการตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 46 และผักผลไม้ที่ได้ตรารับรองคุณภาพ GAP, GMP พบการตกค้างเหลือร้อยละ 26 เท่านั้น
ส่วนผักผลไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของรัฐ "Organic Thailand" ยังคงต้องปรับปรุง เพราะไทยแพนพบการตกค้างของสารพิษ 3 ตัวอย่างจาก 6 ตัวอย่าง ในขณะที่ตรารับรองเกษตรอินทรีย์อื่น เช่น USDA, EU, Bioagricert, มกท. (สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์) สุ่มไม่พบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานเลย
นอกจากนี้ ยังพบว่าสารพิษกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างมากที่สุดคือ สารฆ่าเชื้อรา คาร์เบนดาซิม (carbendazim) ซึ่งไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในสหรัฐอเมริกานานกว่าทศวรรษ เพราะมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ แต่กลับพบการตกค้างในผักและผลไม้ถึง 57 ตัวอย่าง รองลงมาคือไซเปอร์เมทริน อิมิดาคลอร์ฟริด เอซอกซิสโตรบิน และคลอร์ไพริฟอสซึ่งเป็นสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนการสมองของเด็ก พบ 54, 41, 39 และ 38 ตัวอย่างตามลำดับ และยังพบสารพิษกำจัดศัตรูพืชที่ยกเลิกการใช้ไปแล้ว เช่น เมทามิโดฟอส ถึง 8 ตัวอย่าง พบสารพิษที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียน เช่น คาร์โบฟูราน 9 ตัวอย่าง เมโทมิล 8 ตัวอย่าง และสารซึ่งไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 มากถึง 9 ชนิด เช่น Boscalid, Ethirimol, Fenhexamid, Fluxapyroxad, Isopyrazam, Metrafenone, Proquinazid, Pyrimethanil, Quinoxyfen ซึ่งสาร 3 กลุ่มนี้ทั้งหมดล้วนผิดกฎหมายและเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ปล่อยให้มีการใช้ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ปล่อยให้มีการตกค้าง