posttoday

Hydroplane ภัยบนท้องถนนอันตรายหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้าม

08 มิถุนายน 2562

ช่วงหน้าฝนเช่นนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งหนึ่งในภาวะที่มักเกิดขึ้นและก่อให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงฤดูฝนคือ Hydroplane หรือการสูญเสียการทรงตัวของรถเพราะเหินน้ำ

ช่วงหน้าฝนเช่นนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งหนึ่งในภาวะที่มักเกิดขึ้นและก่อให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงฤดูฝนคือ Hydroplane หรือการสูญเสียการทรงตัวของรถเพราะเหินน้ำ

มีข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า รถเหินน้ำ หรือ Hydroplane เกิดจากการที่ยางรถยนต์หมุนอยู่บนผิวน้ำที่เจิ่งนอง ยางจึงไม่ได้เกาะพื้นถนน ส่งผลให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบากว่าปกติ ตามมาด้วยอาการรถเสียการควบคุมและลื่นไถลไม่สามารถบังคับให้อยู่ในเส้นทาง จนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุตามมา

 

Hydroplane ภัยบนท้องถนนอันตรายหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้าม

วิธีป้องกัน

เมื่อฝนตก น้ำฝนจะผสมกับคราบดินและน้ำมันบนพื้นถนน ทำให้ผิวถนนลื่นกว่าปกติ ดังนั้น ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยให้ลดความเร็วและหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ ผู้ขับขี่ไม่ควรเร่งความเร็วเมื่อจำเป็นต้องลุยแอ่งน้ำบนถนน

ขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ อีกทั้งการขับรถในช่วงฝนตก ถนนเปียกลื่น หรือมีน้ำท่วมขัง ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม.ต่อ ชม. เพราะจะทำให้ยางสามารถรีดน้ำได้อย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงต่อการ
เกิดรถเหินน้ำ โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะช่วยให้สามารถควบคุมรถและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ สภาพรถก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าว โดยผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ ซึ่งควรมีดอกยางละเอียด ร่องยากลึก และเติมลมยางให้มากกว่าปกติ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและรีดน้ำออกจากยาง รวมทั้งระบบเบรก ซึ่งผ้าเบรกต้องหนาในระดับที่พร้อมใช้งาน น้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่กำหนด ขณะเหยียบเบรก รถไม่มีอาการปัดหรือมีเสียงดัง

Hydroplane ภัยบนท้องถนนอันตรายหน้าฝนที่ไม่ควรมองข้าม

วิธีแก้ไข

เมื่อเกิดเหตุรถเหินน้ำ ผู้ขับขี่ห้ามเหยียบคันเร่งและห้ามเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะจะทำให้ล้อล็อก รถเสียการทรงตัวและไม่ยึดเกาะถนน ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรค่อยๆ ถอนคันเร่ง และแตะเบรกแบบเบาๆ พร้อมกับจับพวงมาลัยให้มั่น และค่อยๆ หมุนพวงมาลัยเพื่อควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ขณะเดียวกันอย่ากระชากหรือหักพวงมาลัยอย่างแรง เพราะจะทำให้รถหมุนออกนอกเส้นทางหรือพลิกคว่ำได้