posttoday

บาลานซ์งานกับสุขภาพ เวิร์คสมาร์ทอย่างไร ให้ไปพร้อมกับเวิร์คเอาท์

22 มีนาคม 2562

ส่องหนึ่งวันสุดแอ็กทีฟของหนุ่มสาวออฟฟิศยุคใหม่ ที่ตั้งเป้าหมาย "งานดี สุขภาพเด่น" เป็นอย่างไร

ส่องหนึ่งวันสุดแอ็กทีฟของหนุ่มสาวออฟฟิศยุคใหม่ ที่ตั้งเป้าหมาย "งานดี สุขภาพเด่น" เป็นอย่างไร

บาลานซ์งานกับสุขภาพ เวิร์คสมาร์ทอย่างไร ให้ไปพร้อมกับเวิร์คเอาท์

การมีสุขภาพดีถือเป็นเป้าหมายชีวิตของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยทำงานที่เริ่มหันมารักสุขภาพและบาลานซ์งานกับชีวิตให้ลงตัวมากขึ้น  แต่แน่นอนว่าการได้มาซึ่งสุขภาพที่ดีย่อมมาจากการดูแลตัวเอง ทั้งด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย รวมถึงการจัดสมดุลให้กับชีวิต สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาหนึ่งวันหมดไปในที่ทำงานกับบนท้องถนน การเจียดเวลามาออกกำลังกายหรือสร้างสมดุลให้กับชีวิตจึงเป็นเรื่องที่ฟังดูง่ายแต่ทำยาก เราจึงรวบรวมวิธีการ "เวิร์คสมาร์ท" ไปพร้อมกับการ "เวิร์คเอาท์" ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองแบบง่ายๆ มาฝากกัน

1.เริ่มต้นวันด้วยชัยชนะเล็กๆ  การไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาทำให้มีเวลาได้พักสมอง เตรียมความพร้อม และจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำในวันนั้นๆ นอกจากนี้ การไปถึงที่ทำงานเช้ายังเหมือนเป็นการเริ่มต้นชัยชนะเล็กๆ ของวัน จากการที่เราสามารถเอาชนะตัวเองให้ตื่นเช้า เดินทางอย่างสบายๆ ไม่ต้องเผชิญกับการจราจรที่หนาแน่น ไม่ต้องลุ้นว่าจะสแกนนิ้วทันมั้ย ถือเป็นการเริ่มต้นวันที่สวยงาม

2.บริหารเวลาให้เป็น ตอนเช้าเป็นเวลาที่มีค่า เราจึงต้องทำงานที่สำคัญที่สุด เพราะในหนึ่งวันเราต้องทำงานมากมายทั้งวางแผน พรีเซ็นต์ ประชุม ติดต่องานข้ามแผนกหรือข้ามบริษัท  แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว งานที่ควรทำมากที่สุดในตอนเช้าคืองานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อเฟ้นหาไอเดียใหม่ๆ เพราะเป็นช่วงที่สมองปลอดโปร่ง เหมาะกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ

3.กลางวันคือช่วงเวลาแห่งการพักสมอง ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหน แต่การพักกลางวันก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น การพักกลางวันในที่นี้หมายถึงการละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ลงไปกินอาหารดีๆ ที่มีประโยชน์ รวมถึงพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานถึถือเป็นการสานสัมพันธ์และผ่อนคลายความเครียดในการทำงานได้อีกด้วย

บาลานซ์งานกับสุขภาพ เวิร์คสมาร์ทอย่างไร ให้ไปพร้อมกับเวิร์คเอาท์

4.ปลุกพลังยามบ่าย บ่ายทีไรเป็นต้องเริ่มมีอาการง่วงเหงาหาวนอน หลายคนน่าจะมีความรู้สึกนี้เหมือนๆ กัน แต่ปัญหานี้จะไม่กระทบกับงานหากเราเลือกทำงานที่ต้องใช้ความคิดมากที่สุดไปแล้วในช่วงเช้า ส่วนงานที่ควรทำในช่วงบ่ายคือการประชุม การติดต่อพูดคุยประสานงาน เพราะงานเหล่านี้มักสร้างความตื่นเต้นและเรียกพลังยามบ่ายของเรากลับคืนมาได้ นอกจากนี้ การขยับร่างกายเล็กๆ น้อยๆ หรือการเดินในออฟฟิศ ก็ช่วยคลายความง่วงและเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายได้ไม่น้อย

5.เปลี่ยนการออกกำลังกายให้เป็นเรื่องง่าย การหาเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจังอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศ เพราะพลังงานที่มีถูกใช้หมดไประหว่างวันทำให้ถอดใจกับการแบ่งเวลามาออกกำลังกาย อย่างไรก็ดี ถ้าเราสละเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ฟิตเนส หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายหรือยืดเส้นยืดสายในที่ทำงานได้ คำว่าสุขภาพดีก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่เคย

สำหรับวันนี้เรามีออฟฟิศตัวอย่างเป็นองค์กรชั้นนำที่ตระหนักถึงการมีสุขภาพดีของพนักงานควบคู่กับการทำงานให้มีประสิทธิภาพอย่าง บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จากการจัดกิจกรรม "ทาทา สตีล ชวนกันเดิน" เพื่อกระตุ้นให้พนักงานหันมาใส่ใจในสุขภาพด้วยการออกกำลังกายระหว่างวันผ่าน "การเดิน" ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้นและทำได้ในเลยแม้จะเป็นในที่ทำงาน

บาลานซ์งานกับสุขภาพ เวิร์คสมาร์ทอย่างไร ให้ไปพร้อมกับเวิร์คเอาท์

สุธาวัลย์ กุงนอก หนึ่งในพนักงานบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันเรามักทำงานหนัก (work hard) เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอย่างเดียวในชีวิต แต่การทำงานหนักในขณะที่สามารถสร้างสมดุลที่พอดีให้กับชีวิตไปพร้อมกัน (work smart) จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีในระยะยาว เป็นสิ่งสำคัญกว่าที่คนรุ่นใหม่ควรตระหนักถึง ดังนั้น นอกจาก work hard แล้ว ต้องไม่ลืม work smart ไปพร้อมกันด้วย

นายสมัชชา สุมนัส เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) สนับสนุนให้พนักงานทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ในองค์กร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาหนึ่งวันในการทำงานร่วมกับการออกกำลังกายที่ออฟฟิศได้ ซึ่งกิจกรรม "ทาทา สตีล ชวนกันเดิน" จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 (Tata steel Let's Walk Season 3) และสามารถสร้างแรงจูงใจให้พนักงานหันมาปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันง่ายๆ ในที่ทำงาน อาทิ ใช้การเดินมากขึ้นเมื่อต้องประสานงานข้ามแผนก หรือจับกลุ่มกันเดินออกกำลังกายเวลาพัก ซึ่งทุกก้าวที่เดินนอกจากจะเป็นการเผาผลาญพลังงานแล้ว พนักงานยังสามารถใช้แอปพลิเคชันสะสมแต้มไมล์การเดินเพื่อบันทึกสถิติการเดินในแต่ละวัน และสามารถนำมาแลกของรางวัลประจำวันได้ ถือเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจและการแข่งขันเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความสนุกสนาน และปลูกฝังให้ทุกคนในออฟฟิศหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น

ออฟฟิศไหนเห็นแล้วจะนำไปปรับใช้กับองค์กรของตัวเองก็ไม่สงวนสิทธิ์ ทั้งยังสามารถโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสื่อสารและกิจกรรมองค์กร  โทร. 02-937-1000 หรือที่ www.tatasteelthailand.com

บาลานซ์งานกับสุขภาพ เวิร์คสมาร์ทอย่างไร ให้ไปพร้อมกับเวิร์คเอาท์