posttoday

เรื่องของหัวใจ...ไม่ใช่เรื่องเล่น

21 มีนาคม 2562

งานวิจัยเผย ประชากรโลก 1 ต่อ 50 มีเส้นเลือดโป่งพองที่ส่ออันตรายร้ายแรงแบบไม่ทันคาดคิด

งานวิจัยเผย ประชากรโลก 1 ต่อ 50 มีเส้นเลือดโป่งพองที่ส่ออันตรายร้ายแรงแบบไม่ทันคาดคิด

จากการวิจัยในสหรัฐอเมริกา พบว่าสถิติของประชากรทั่วโลกมีผู้ที่มีเส้นเลือดโป่งพองที่สมองคิดเป็น 1 ต่อ 50 ซึ่งหลอดเลือดโป่งพองเป็นจุดที่เส้นเลือดแดงมีความอ่อนแอ โดยมักจะเกิดกับเส้นเลือดแดงในสมองหรือในเส้นเลือดแดงใหญ่ของร่างกาย

เรื่องของหัวใจ...ไม่ใช่เรื่องเล่น

ในปัจจุบันอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่พบผู้หญิงอายุระหว่าง 30-60 ปี มีความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดสมองโป่งพองมากที่สุด ในขณะที่ผู้ชายอายุมากกว่า 65 ปี จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพองมากที่สุดร่วมกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ แต่เราสามารถสังเกตปัจจัยต่างๆ ได้

เรื่องของหัวใจ...ไม่ใช่เรื่องเล่น

ข้อมูลจากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ให้คำแนะนำไว้ว่า หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) มีความสำคัญคือ เป็นหลอดเลือดหลักที่ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง ประสาทไขสันหลัง แขน ขา และอวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ ไต ลำไส้ ดังนั้น หากหลอดเลือดแดงใหญ่มีพยาธิสภาพหรือความผิดปกติเกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่ออวัยวะส่วนต่างๆ ได้ หรือหากมีการโป่งพองปริแตกก็จะทำให้เสียชีวิต

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเส้นเลือดแดงโป่งพองคือ ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีภาวะถุงลมโป่งพอง มีประวัติครอบครัวที่มีเส้นเลือดโป่งพอง มีความดันโลหิตสูง มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นกลุ่มอาการ Marfan (เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน) ผู้เป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคซิฟิลิสที่ไม่ได้รับการรักษา มีการติดเชื้อ หรือเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น และในบางครั้งการที่เส้นเลือดมีการโป่งพองมากอาจทำให้เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทหรือเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำให้เกิดอาการปวด ชา หรือสูญเสียการทำงานอื่นๆ ได้

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วการมีเส้นเลือดโป่งพองนั้นไม่ได้ทำให้เกิดอาการที่สังเกตได้ชัด เว้นแต่ว่าเริ่มมีเลือดออกหรือเส้นเลือดกำลังจะแตก อาการแสดงนั้นมีความแตกต่างกันขึ้นกับตำแหน่งที่มีเส้นเลือดโป่งพอง เช่น ปวดมาก (ปวดหัวรุนแรง ปวดตึบๆ หรือปวดขึ้นฉับพลันที่ท้อง ทรวงอก และ/หรือหลัง) เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน หรือหมดสติ

ปัจจุบันมีนวัตกรรมแนวใหม่รักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด (Vascular Stent Graft) แทนที่หลอดเลือดแดงใหญ่ที่โป่งพองในช่องอกหรือช่องท้อง (TEVAR หรือ EVAR) ผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบทั้งสองข้าง เข้าไปจนถึงหลอดเลือดแดงใหญ่ที่โป่งพอง และปล่อยขดลวดให้ถ่างขยายในหลอดเลือดแดงใหญ่ เพื่อป้องกันหลอดเลือดแดงใหญ่แตก ซึ่งวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าสามารถลดอัตราการเสียชีวิตตลอดจนภาวะแทรกซ้อนในระหว่างผ่าตัดได้มาก

เรื่องของหัวใจ...ไม่ใช่เรื่องเล่น

ข้อดีของการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองแบบไม่ผ่าตัด TEVAR / EVAR คือ

1. แผลมีขนาดเล็ก

2. ลดปัญหาการปวดแผลจากการรักษาโดยวิธีผ่าตัด

3. เสียเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง

4. เลี่ยงการดมยาสลบ โดยฉีดยาชาเฉพาะที่หรือใช้ Regional anesthesia

5. ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไว ลดระยะเวลาในการพักอยู่ใน ICU และการนอนพักฟื้นโรงพยาบาล

6. ลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนในระหว่างผ่าตัด

ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดใหญ่ เพียงเท่านี้เราก็สามารถสังเกตอาการเบื้องต้น และเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆ หากเริ่มมีอาการหรือมีข้อสงสัยเรื่องโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองสามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด และสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่ www.princhealth.com