posttoday

วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ความสุขใหญ่ในบ้านหลังเล็ก

10 มกราคม 2562

จากห้องเช่าที่ขยับเพียงไม่กี่ก้าวจากฟูกนอนถึงห้องน้ำ การมีบ้านเดี่ยวสักหลังจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของชีวิต

เรื่อง มัลลิกา นามสง่า ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

จากห้องเช่าที่ขยับเพียงไม่กี่ก้าวจากฟูกนอนถึงห้องน้ำ การมีบ้านเดี่ยวสักหลังจึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของชีวิต พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป นักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์

วรัตน์พล ไม่ได้หวังคฤหาสน์หลังงาม เพียงบ้านหลังเล็ก มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องพระ ห้องซ้อมดนตรี ก็เพียงพอแล้ว แต่นั้นก็ดูเป็นสิ่งที่จะเอื้อมได้ยากยิ่งเมื่อย้อนไปเกือบ 20 ปี แต่แรงขับภายในใจมีมาก เขาจึงพัฒนาความรู้ความสามารถไม่หยุดจนสามารถครอบครองบ้านหลังงามได้

“ย้ายมาอยู่ได้เกือบ 4 ปีแล้วครับ ผมชอบบ้านทรงโมเดิร์นและหมู่บ้านนี้จำนวนหลังไม่เยอะ เราต้องการความเป็นส่วนตัว ตั้งใจหาบ้าน 3 ชั้น สำหรับแบ่งสเปซในแต่ละพื้นที่ไม่ต้องกระทบกัน

อย่างชั้น 3 เป็นห้องซ้อมดนตรีและห้องพระ ซึ่งเป็นโลกส่วนตัวของผม ชั้น 2 เป็นห้องนอน ระหว่างห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนกลางของครอบครัว ชั้นล่างมีห้องครัว โซนรับแขก มีโต๊ะกินข้าว เราไม่ได้ต้องการบ้านขนาดใหญ่เพราะอยู่กัน 3 คน พ่อแม่ลูก เน้นทุกพื้นที่ใช้งานจริงๆ”

พื้นที่ชั้นล่าง วรัตน์พลออกแบบให้เหมาะสมกับการทำงานแบบโฮมออฟฟิศ “ในยุคที่เราทำการตลาดออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องมีบริษัทใหญ่โต พนักงานไม่ต้องเข้าบริษัท ทุกคนทำงานที่ไหนก็ได้ ประสานงานกันผ่านทางไลน์ ทำให้งานเดินไว คล่องตัว มันเวิร์กมากสำหรับโลกยุคนี้ โต๊ะกินข้าวก็เป็นโต๊ะประชุมได้ จอทีวีก็เป็นโปรเจกเตอร์พรีเซนต์งานได้”

วรัตน์พลร่วมออกแบบบ้าน เลือกเฟอร์นิเจอร์เองทุกอย่าง “ผมตกแต่งใหม่ เพิ่มความลักซ์ชัวรี่เข้าไปให้บ้านดูมีอะไรขึ้นมานิดหนึ่ง สีเป็นเอิร์ทโทน มีความกึ่งเงากึ่งด้านผสม เน้นสีเทา มีวัสดุที่สะท้อนแสงได้

ผนังกระจกสีชาหลังทีวี ประกอบจากกระจกทีละชิ้นทำให้เหลี่ยมดูคล้ายเพชร แล้วผนังบุนวมข้างๆ กัน ก็สามารถเลื่อนได้ ซ่อนบันไดขึ้นชั้น 2 ไว้”

โต๊ะทำงาน โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะรับแขกคือตัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนฟังก์ชั่นไหนก็ลงตัว “งานของดีไซเนอร์อิตาลี โต๊ะท็อปด้วยหินมีฟอสซิลฝังอยู่ในนี้ด้วย ดีไซน์ดูเรียบแต่ก็ดูมีอะไร ที่สำคัญเหลี่ยมไม่คมเดินชนไม่เจ็บ โต๊ะบางตัวสวยมากแต่ใช้งานจริงไม่ได้ ตอนลูกยังไม่โตความสูงลูกหัวเท่ากับเหลี่ยมโต๊ะเลย ซึ่งอันตราย ตอนเลือกก็ต้องให้เหมาะกับทุกคนในบ้าน ราคาตัวนี้ 4 แสนกว่าบาท”

หาโต๊ะว่ายากแล้ว เก้าอี้ยิ่งยากกว่าที่จะมาเข้าคู่กันเพิ่มความลักซ์ชัวรี่ “เก้าอี้ผมโดนใจที่บุแล้วมีเทกซ์เจอร์ของกระดุม เน้นสีดำกับสีเงิน ดูเรียบหรูมีดีเทล เก้าอี้เป็นงานของดีไซเนอร์จีน ชื่อ Wang Hagner ตัวละ 2 หมื่นบาท มี 7 ตัว”

โคมไฟในโซนนี้ก็มาจากเมืองจีน เพราะช่วงที่ตกแต่งบ้าน วรัตน์พลอัพเดทเทนด์ที่เฟอร์นิเจอร์แฟร์อยู่บ่อยๆ ผลสรุปคือนำเข้าเป็นตู้คอนเทเนอร์

“ผมชอบโคมไฟตรงโต๊ะกินข้าวมาก มันมีลูกเล่น ตัวนี้จำลองเชิงเทียน แสงกลมๆ มองแล้วไม่แสบตา ให้แสงละมุนเหมือนเทียน โชว์สายไฟที่ย้อยลงมา ตัวสายไฟเก็บให้เรียบร้อยก็ได้ แต่เขามาเล่นให้เป็นทรงแทน ตรงกับคอนเซ็ปต์โมเดิร์น

เคาน์เตอร์ที่วางของ จริงๆ ตั้งใจให้เป็นบาร์เครื่องดื่ม ทำจากหินโปร่งแสง ผมชอบแสงกลางคืน เวลาปิดไฟทั้งบ้าน ตรงเคาน์เตอร์เหมือนเป็นโคมไฟอุ่นๆ

อยู่บ้านก็จริงแต่ผมก็อยากได้ฟีลลิ่งเป็นร้านอาหารชั้นดี ออกแบบไว้เพราะมีเพื่อนมาเยอะ แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นที่ตั้งรางวัลเกี่ยวกับการทำธุรกิจต่างๆ”

ย้ายมาที่โซนนั่งเล่น รับแขก จะนั่งนอนเอกเขนกก็ได้ “โต๊ะกลมเป็นสเตนเลสทั้งตัว ดีไซน์เป็นงานชิ้นเดียวดัดพับเป็นทรงเหลี่ยมเพชร มีโซฟายาวสีน้ำเงิน ทำจากหนังลูกวัวบุทรงด้วยกระดุม โซฟาตัวนี้ราคา 1 ล้านบาท ของดีไซเนอร์อิตาลี

โซฟาใช้บ่อยผมจึงยอมลงทุนกับมันเยอะ นั่งคิดงานก็โซฟา นอนคิดอะไรก็บนโซฟา ก่อนขึ้นไปนอนจริงก็ใช้เวลาอยู่ที่โซฟาตัวนี้ หนังตัวนี้นอนแล้วไม่ร้อน นอนแล้วไม่มีเหงื่อ ผิวสัมผัสมันอุ่นๆ สบายๆ”

โคมไฟตรงกลางทรงกลมข้างบนประดับคริสตัลจำนวนมากเพื่อให้เล่นกับแสงไฟ ด้านหลังเป็นผนังกระจกบานใหญ่ ลวงตาเพื่อพื้นที่ให้ดูกว้าง นำสายตาไปสู่สนามและผนังหญ้าเทียมที่ประดับโลโก้บริษัทประหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์วอลล์ของบริษัท

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ห้องนอน “เน้นโทนมืด ห้องนอนเหมือนแวมไพร์ ผนังใช้สีน้ำตาลเข้ม เพราะถ้ามีแสงผมจะนอนไม่หลับ เสียงดังได้ไม่มีปัญหา เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น มีเตียง โซฟา เชื่อมกับห้องแต่งตัว และของสะสมก็อยู่ในนั้น

ชั้น 3 ห้องดนตรี บุทั้งผนังและเพดานด้วยเส้นใยแก้วแล้วบุนวมเข้าไปอีก เพื่อซับเสียงรอบทิศ ทำให้เสียงฟังเพราะขึ้น ประตูก็ป้องกันเสียง 2 ชั้น เครื่องดนตรีครบ สำหรับเวลาเพื่อนมาทั้งแก๊ง ถ้าเล่นคนเดียวผมเล่นกีตาร์โปร่งอยู่ข้างล่าง

ห้องซ้อมดนตรีเป็นสิ่งแรกที่คิดว่าถ้ามีบ้านต้องมี เป็นความชอบตั้งแต่มัธยม ผมเล่นดนตรีได้หลายอย่าง เคยประกวดหลายเวที

เคยเล่นดนตรีตามผับแล้วเริ่มรู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ รายได้ไม่เยอะ ชีวิตกลางคืนเสียสุขภาพ พอเลิกมาเริ่มทำงานประจำเพราะอยากได้ความมั่นคงในชีวิต การเล่นดนตรีมันคือความฝัน เรามาทำความจริงตรงหน้าให้สำเร็จก่อน

ก็เริ่มมีความมั่นคงแล้วแต่ยังไม่มั่งคั่ง สิ้นเดือนเราได้เงินแน่ๆ แต่เราไม่มีเงินดูแลแม่ ห้องยังต้องเช่า จนลาออกมาทำธุรกิจออนไลน์ก็เริ่มดีขึ้นๆ ซื้อคอนโด ให้เงินแม่ได้สบาย

จนเมื่อ 5 ปีที่แล้วผมก็เริ่มทำความฝันให้เป็นจริง เริ่มอยากได้อะไรก็ได้ ผมมีปมอย่างหนึ่งเพื่อนชอบด่า ชีวิตวัยรุ่นหายไปเลย เพราะผมทำงานตั้งแต่ 17 ปี แต่วันนี้เท่ากับผมมีชีวิตวัยรุ่นไปยันตาย

ได้เล่นดนตรี ตื่นนอนเมื่อไรก็ได้ นอนตอนไหนก็ได้ ชีวิตเป็นอิสระ เพราะเราสร้างทุกอย่างไว้แล้ว เหมือนคล้ายกับว่าทำหน้าที่หลักของเราให้เสร็จก่อน แล้วหลังจากนั้นเราทำอะไรก็ได้ ผมทำสิ่งที่ใช่ก่อนที่เหลือผมจึงได้ทำสิ่งที่ชอบในชีวิต”

บ้านเป็นรางวัลชิ้นใหญ่ที่วรัตน์พลใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นโหมทำงานหนักเพื่อให้ได้มา และตอนนี้บ้านก็กลายเป็นที่ให้เขานั่งนอนหลับได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่ว่าจะซุกตัวอยุ่ในมุมไหนก็สัมผัสได้ถึงหยาดเหงื่อความทุ่มเทที่เขาได้ลงแรงไป สุดท้ายกินอิ่ม-นอนหลับ ในบ้านหลังงามที่เขาเคยวาดฝัน

วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ความสุขใหญ่ในบ้านหลังเล็ก

วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ความสุขใหญ่ในบ้านหลังเล็ก

วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ความสุขใหญ่ในบ้านหลังเล็ก

วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ความสุขใหญ่ในบ้านหลังเล็ก