posttoday

รสริน จันทรา ขอเป็นพลังบวกล้างพลังลบ

29 ธันวาคม 2561

เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า

เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า


อดีตนางเอกชื่อดัง ปัจจุบันยังเป็นนักแสดงและควบตำแหน่งครูสอนการแสดงที่กันตนา ภาพที่แฟนๆ ติดตามในยุคนี้ เธอคือผู้หญิงที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน มีความอ่อนโยน พูดจาไพเราะ มีจังหวะน้ำเสียงนุ่มนวล และแสนใจดี

“ตุ้ม” รสริน จันทรา สวยสมวัยและยังคงสนุกกับการทำงานแสดง พบเจอเพื่อนฝูงทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง งานบุญ ล่าสุดกับการร่วมก๊วนกับเพื่อนนางแบบนักแสดงในยุคเดียวกัน เทพยุดา ศรียาภัย เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์ และ สินาภรณ์ พิไลลักษณ์ มีโครงการทำรายการ “คุณย่าขาลุย” เพื่อเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์

ภาพของรสรินเป็นที่คุ้นตาในบทบาทนักแสดง หากยังมีอีกหนึ่งบทบาทที่เธอทำมานานหลายปีโดยไม่มีค่าตอบแทน หากมุ่งมั่นตั้งใจทำราวกับงานประจำเพื่อตอบแทนสังคม นั่นคือการเป็นผู้พิพากษาสมทบ และเป็นผู้ประนีประนอมศาลอาญา

“ชอบช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่า เรามองเห็นคนที่ลำบากกว่าเรา พอมีเราก็แบ่งปัน รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ไปตามที่ต่างๆ ไปมอบสิ่งของ ทำมา 30 ปีแล้ว เป็นกิจกรรมที่เรามีโอกาสจะทำชอบทำงานจิตอาสา จนได้มีโอกาสทำงานเป็นผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี และเป็นผู้ประนีประนอมศาลอาญา ศาลจังหวัดธัญบุรี และสุพรรณบุรี เป็นจิตอาสา ไปช่วยงานศาลเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน เราไม่ได้เงินเดือนแต่เรามีความสุข มีความปลื้มปีติ

งานละครสมัยนี้เขาจะถามว่า เราว่างวันไหน ถ้าจำเป็นต้องถ่ายทำทั้งวันจะขอแลกเวรกับท่านอื่น แต่ถ้ากองละครไม่ซีเรียสขอเป็นช่วงบ่าย เพราะเราต้องเข้าเวรเช้าที่เลือกมาทำตรงนี้ รู้จักพี่คนหนึ่งที่นับถือกัน เขาบอกว่า ตุ้มมีคุณสมบัติที่ศาลต้องการ หนึ่ง เป็นคนมีการศึกษา มีชื่อเสียง ภาพพจน์ดี ก็เลยลองไปสมัคร รอนานเหมือนกัน เพราะขั้นตอนคัดเลือกผู้พิพากษาสมทบละเอียดมาก เขาดูประวัติอะไรหลายๆ อย่าง

รสริน จันทรา ขอเป็นพลังบวกล้างพลังลบ

จุดที่ทำให้อยากทำ เพราะเรามีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก รู้ว่าเด็กที่มีปัญหา พ่อแม่แยกกัน ปัญหาเกิดจากอะไร? บางเคสที่เจอ พอเกิดมาแม่ก็ไม่เอา พ่อก็ไม่เอา ต่างคนต่างไปมีใหม่ อยู่กับปู่ย่าตามลำพัง เขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร เขาเลยทำอะไรผิด เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ

พอเจอเคสแบบนี้เมื่อเขาโดนคดีมา มาเจอกับเรา เราต้องคอยพูดคุยถามไถ่เขา คุยลึกๆ กับเขา ทำให้เขาไว้เนื้อเชื่อใจ พอเสร็จแล้ว ครอบครัวเขาจะมาเข้ากิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์เพื่อให้ทั้งแม่และลูกได้รู้สึกถึงความรักที่มีต่อกัน บางทีเขาไม่แสดงออก บางทีเขาต้องการความรัก ความสนใจ

ทำมา 7 ปี เป็นงานที่รัก ไม่รู้สึกเหนื่อยที่จะทำ ไม่ว่าจะด้านไหน พอตื่นขึ้นมา จะได้ไปทำ ความขี้เกียจไม่มีเลย มีแต่ความอยากไปทำ”

ด้วยบุคลิกลักษณะนุ่มนวล พูดจาไพเราะ และมีความใจเย็น ทำให้รสรินสามารถช่วยเยียวยาปัญหาต่างๆ ได้อย่างลุล่วง

“เวลาคนโมโหทะเลาะกัน 2 คน 2 ข้าง เราอยู่ตรงกลางต้องทำยังไงให้เขาดีต่อกันให้ได้ อย่างในกรณีของเยาวชน เราก็เอาประสบการณ์มีลูกไปอบรมเด็ก เรามีความเป็นแม่ เข้าใจทั้งแม่และลูก

เวลาคนทะเลาะกันรุนแรง เสียงดัง ตามสไตล์เราเวลาพูด คุณคะ ค่อยๆ คุยกัน เราพูดดีกับเขา ไม่มีอารมณ์เข้าไปร่วมด้วย เขาก็หยุดฟังเรา

คนใจร้อนมา เรายิ่งต้องใจเย็นกว่าเขาให้มากๆ เวลาไปทำงานไม่ค่อยบอกว่าเราเป็นใคร เขาจะคุ้นๆ หน้า พอเขานึกได้ว่าเราเป็นนักแสดง ก็ช่วยในเรื่องของภาพพจน์ เขาเลยเชื่อใจ ไว้ใจเราได้ง่าย แล้วเราก็บอกเสมอว่า เราปรารถนาดีกับทั้งคู่นะคะ

บางคนอาจจะคิดว่าเราเข้าข้างคนนี้ แต่ในทางจริยธรรมเราเป็นกลาง เราต้องรับฟังความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย การตกลงกันอยู่ในความพอใจของเขาทั้งสองฝ่าย ไม่ได้รู้สึกเสียเปรียบ”

รสริน จันทรา ขอเป็นพลังบวกล้างพลังลบ

ทำงานจิตอาสาตรงนี้มาร่วม 7 ปี ปัญหาที่เจอเยอะที่สุด รสรินชี้ว่าหนีไม่พ้นความโลภของมนุษย์

“เราเห็นปัญหาคนที่ขัดแย้งกันมาเยอะ แล้วส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาคือ คนที่มีความโลภมาก อะไรก็อยากได้ อันนี้ของฉัน อยากได้ เราเห็นความโลภของคน ไม่ได้ว่าเราดี แต่เราเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ก็ต้องรับฟัง บางทีเอาประสบการณ์ของตัวเองเล่าให้เขาฟัง เราเคยเจอแบบนี้นะ

มีเคสหนึ่งเขาโลภมากเลย ก็บอกเขาว่า คุณรู้ไหม ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ ตุ้มเคยเล่นละครเรื่องหนึ่ง ตายแล้วเอาลงโลง มัดมือ ปิดฝาโลง กลัวมาก ไม่เคยนอนในโลงศพมาก่อน แต่นาทีนั้นก็คิดอะไรได้หลายอย่าง มีสติมาก คิดได้ว่า สุดท้ายเราตายไปเอาอะไรไปไม่ได้เลย ตัวเราพอดีโลง ก็พูดให้เขาฟัง แต่เขาจะฟังเราได้แค่ไหนก็อยู่ที่เขา

บางครั้งใช้เวลาหลายครั้งกว่าเรื่องจะจบ แม้งานจะยาก มีหลายปัญหา แต่อย่าลืมนักแสดงมีประสบการณ์เยอะ จากการเจอคนเยอะ เราสวมบทบาทต่างๆ เราก็ศึกษา บางคนเขามีปัญหานี้ เราก็สามารถเข้าใจในปัญหาได้ และมีวิธีที่จะช่วยประนีประนอม

การทำงานนี้เรารับฟังแต่พลังงานด้านลบ แต่พลังด้านบวกของเราก็ออกไป เราถึงสยบเขาได้ เขาพูดมาแบบใจร้อน ด้วยอารมณ์โมโห เราเหมือนเป็นลมเย็นๆ ทำให้เขาเย็นลงได้ เอาพลังบวกสู้กับเขา”

แม้จะรับรู้ปัญหาหนักๆ ของคนอื่น แต่พอเสร็จงานกลับบ้าน เธอฟื้นฟูพลังบวกด้วยต้นไม้ ดอกไม้

“เราจะไม่แบกทุกเรื่องไว้ ทำงานเสร็จก็ลืม กลับบ้านใช้เวลาอยู่กับสวน อยู่กับต้นไม้ เอาเรื่องร้ายๆ ออกไป ไม่เก็บอะไรมาคิด ส่วนใหญ่ทำงานค่อนข้างสำเร็จ ทำให้เรามีความสุขที่ได้ช่วยคน ถึงเวลานอนก็หลับสบายดี”

สุดท้าย รสริน บอกว่า 7 ปีที่ทำงานตรงนี้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

“มีสติ มีสมาธิ มีมุมมอง เห็นปัญหาเยอะ แต่ทุกปัญหาก็มีทางออก แล้วการที่รับฟังปัญหา ทำให้เวลาที่เราเจอปัญหา ปัญหาของเราเล็กนิดเดียวเองเมื่อเทียบกับพวกเขา เราก็ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ไม่เครียด”