posttoday

การเดินทางรอบโลก ในความทรงจำของ ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์

16 ธันวาคม 2561

ถ้าคุณมีความฝันและยังไม่ลงมือทำ แล้วปล่อยให้มันเป็นแค่ความฝันที่ไม่เคยเข้าใกล้ความเป็นจริง

โดย อณุสรา ทองอุไร ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

ถ้าคุณมีความฝันและยังไม่ลงมือทำ แล้วปล่อยให้มันเป็นแค่ความฝันที่ไม่เคยเข้าใกล้ความเป็นจริง เราอยากให้คุณได้อ่านเรื่องของผู้ชายคนนี้ที่มีฝันอยากขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลก เป็นความฝันที่ฝังใจตั้งแต่วัยรุ่น กระทั่งในวัย 49 ปี เขาบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อย

ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์ เจ้าของรีสอร์ทนิทานคำกลอน ที่ตลาดน้ำท่าคา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม หรือที่คนในแวดวงบิ๊กไบค์เรียกเขาว่า ใช้ ดอนคิงซึ่งเป็นนามปากกาที่เขาใช้เมื่อเขียนหนังสือท่องเที่ยวผสมวรรณกรรมเมื่อ 5-6 ปีก่อนหน้านี้ ชื่อเรื่อง “จากท่าฉลอมถึงลาซา ตามหารักคุดน้องละมุดสาวเชียงรุ้ง” ซึ่งตอนนั้นเขาไปเที่ยวเมืองลาซาของทิเบต แล้วก็ไปเดินเบสแคมป์ไต่เขาเชิงเอเวอเรสต์ เมื่อปี 2555 แล้วกลับมาเขียนหนังสือพิมพ์เองขายเองจำนวน 4,000 เล่ม และขายหมดภายในเวลาไม่ถึงปี

ใช้ เล่าว่า เขาหลงรักการเดินทางตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ช่วงเรียนมัธยมบ้านอยู่ต่างจังหวัดเขาก็แอบหนีแม่ไปเที่ยวต่างอำเภอ ต่างหมู่บ้าน พอโตขึ้นอีกนิดก็เริ่มโบกรถไปเที่ยวต่างจังหวัด ตอนที่เรียนนิติศาสตร์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์ เขาก็โบกรถไปเที่ยวเป็นประจำ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เงินที่ได้มาจากการทำงานของเขาก็จะหมดไปกับการเดินทางเสียเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่า ทุก 2-3 เดือนนี่เขาจะต้องเดินทางขึ้นเหนือลงใต้อยู่เป็นประจำ โบกรถไปบ้าง ขับมอเตอร์ไซค์ไปเองบ้าง เขาจึงเลือกทำงานอิสระเพื่อให้สามารถมีเวลามากพอในการเดินทางได้อย่างไม่มีอุปสรรคปัญหาใดๆ

ส่วนความฝันที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ ก็คือ การเดินทางรอบโลก ซึ่งเขาได้ทำตามความฝันไปได้เพียงส่วนหนึ่ง ก็คือ การเดินทางด้วยการขับรถมอเตอร์ไซค์ไปกรุงลาซาของทิเบต ซึ่งเป็นทริปซ้อมมือเบื้องต้นก่อนเดินทางรอบใหญ่ ตอนนั้นใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่า เริ่มจากไทยไปจีน ไปทิเบต จบทริปที่เนปาล กลับไป ที่ทิเบตความสูงที่ระดับ 5,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศหนาวมากอุณหภูมิติดลบ ใช้งบประมาณไปกว่า 1 แสนบาท

การเดินทางรอบโลก ในความทรงจำของ ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์

ห่างจากทริปนั้น 4 ปีกว่า เขาได้ทำตามความฝันที่ฝังใจมาแต่เด็กด้วยการเดินทางรอบโลกด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจที่เขาตั้งชื่อมันว่า Jonathan ไปทั่วโลกเมื่อปี 2559 เขาใช้เวลา 1 ปีกับอีก 2 เดือน เดินทางไปใน 5 ทวีปกับ 33 ประเทศ หมดเงินกับการเดินทางทริปนี้ไป 6 แสนกว่าบาท

“เป็นงบประมาณที่ถูก เพราะผมใช้จ่ายอย่างประหยัด นอนโฮสเทล นอนวัด นอนแคมป์หรือไซต์ที่เปิดให้พักตามข้างถนนก็เคย ผมไม่ได้นอนโรงแรมเลย เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เพราะผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นคนทำงานชนชั้นกลางที่มีลูกบ้าและความมุ่งมั่นในการที่จะทำความฝันให้เป็นจริงในวัยก่อน 50 ปี ที่จริงเงิน 6 แสนบาท ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับผม แต่ถ้าคิดว่าเงินที่จะสร้างความฝันให้สำเร็จลุล่วงได้เสียที มันก็คุ้มค่ามากๆ ผมมีความชัดเจนในตัวเองมากว่าต้องการอะไร และมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นความจริง ถ้าเราหนักแน่นกับความฝันและมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นจริง ชีวิตที่เหลือก็ออกแบบได้ไม่ยาก” เขา เล่าอย่างตั้งใจ

เส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์ของเขานั้น เริ่มจากการออกจากประเทศไทย เข้าเมียนมา อินเดีย อิหร่าน ตุรกี โรมาเนีย บัลกาเรีย ฮังการี ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน ลิกเตนสไตน์ โปรตุเกส เบลเยียม อเมริกา เม็กซิโก กัวเตมาลา นิการากัว ฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ (อยู่อเมริกากลาง) คอสตาริกา ปานามา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ (อยู่ในอเมริกาใต้) เปรู โบลิเวีย ชิลี ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กลับเข้าไทย

มีหลายประเทศที่เข้าไม่ได้ เช่น ปากีสถาน ที่ขอวีซ่าไม่ผ่านเพราะทางสถานทูตไม่รับรองและไม่ให้วีซ่า แม้จะมีคนรับรองช่วยเหลือแล้วก็ตาม ทางสถานทูตที่นั่นก็ไม่ให้ผ่านวีซ่าเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ใช้เวลาเตรียมการเรื่องเอกสารนานกว่า 6 เดือน หลายประเทศก็เกือบจะไม่ให้วีซ่า หรืออีกปัญหาก็คือวีซ่าหมดอายุก่อน บางประเทศให้วีซ่า 15 วัน เขาก็ต้องทำเรื่องชี้แจงขอเพิ่มให้ได้อย่างน้อยประเทศละ 3 เดือนขึ้นไป เพราะบางประเทศต้องให้เดินทางภายใน 3 เดือน บางประเทศที่ไม่ให้นำรถเข้าไปให้ไปเช่าขี่ แต่เขาจะขี่รอบโลกด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเขาเอง ก็ต้องเจรจาชี้แจงกันให้วุ่นวาย โดยเฉพาะที่อเมริกานั้นเข้มงวดมาก หรือบางประเทศต้องดูเงินในบัญชี ซึ่งเขาใช้เงินส่วนตัวไม่ได้มีสปอนเซอร์สนับสนุน เงินจึงไม่ได้มีเหลือมากมายนัก ก็อย่างที่บอกเขาคือชนชั้นกลางทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร จะเดินทางไปที่ไหนก็ต้องเก็บเงินไว้ กว่าจะได้เดินทางแต่ละทริปยาวๆ นั้นไม่ง่ายเลย

การเดินทางรอบโลก ในความทรงจำของ ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์

นอกจากนั้น แต่ละประเทศระหว่างการเดินทางก็มีปัญหาต่างๆ นานา บ้างก็เรื่องเล็ก บางประเทศก็มีเรื่องใหญ่ เกือบโดนจี้ก็มี เกือบจะโดนทำร้ายก็มี ถึงขั้นชกต่อยกันก็มี เช่น ที่ประเทศอิหร่าน แต่เขาไหวตัวทัน ก็เลยเอาตัวรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว ในขณะที่บางประเทศก็มีแต่เรื่องประทับใจมากมาย เช่น ประเทศที่ใครมองว่ายากจนอย่างอินเดีย แต่มีคนเลี้ยงอาหารเลี้ยงขนมเขาเกือบทุกวัน มันเป็นมิตรภาพดีๆ ที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ บางประเทศก็ได้เจอเพื่อนซึ่งยังติดต่อพูดคุยกันมาจนถึงตอนนี้ มีหลายคนที่เปลี่ยนความคิดความเชื่อของเขา และก็มีบางคนที่เขาได้ไปเปลี่ยนความเชื่อที่เป็นภาพลบต่อประเทศไทยให้กลายเป็นภาพบวกขึ้นมาได้ ที่สำคัญคือทุกประเทศที่ไปถึงเขาได้เพื่อนใหม่เสมอ เป็นมิตรภาพที่เงินก็ซื้อไม่ได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สรุปภาพรวมของการเดินทางรอบโลกครั้งนี้ เขาก็ยังให้คะแนน 10 เต็ม 10 เพราะทุกอย่างเป็นความทรงจำ เป็นประสบการณ์ตรงที่ดีสำหรับเขา มันเป็นเรื่องที่ต้องไปรู้ไปเห็นด้วยตนเอง ฟังคนอื่นเล่า ดูจากรูป อ่านจากหนังสือ มันก็ไม่สามารถเติมเต็มความฝันของเขาได้ คนเราจะฝันใหญ่ฝันเล็กไม่สำคัญว่าคุณอึดพอจะทำฝันให้เป็นจริงหรือเปล่า เขาแค่นึกภาพว่านั่งอยู่บนยอดดอยแล้วมองเห็นความสวยงามของเมฆหมอกที่ไหลเคลื่อนผ่านไป เห็นสายลมบริสุทธิ์ที่พัดผ่านมาแล้วสูดมันเข้าไปจนสุดลมหายใจ เห็นความเหนื่อยยากที่ครั้งหนึ่งคนอย่างเขาฟันฝ่าผ่านมาได้ และเห็นตัวเองกำลังมีความสุข แค่นั้นก็มากพอที่จะออกเดินทาง

“ผมก็ไม่ใช่ลูกเศรษฐีมีเงินหนา เป็นลูกคนธรรมดาที่มีลูกบ้ามากพอจะทำความฝันให้เป็นจริง ผมก็แค่อยากจะทำความฝันของตัวเองเท่านั้น เพราะรู้ว่าไม่มีใครทำแทนเราได้ ฝันเราสำเร็จตั้งแต่บิดกุญแจสตาร์ทรถออกจากบ้านแล้ว ที่เหลือจะไปได้ถึงไหนก็ช่างแมร่ง (หัวเราะ) นี่คือปรัชญาแท้ๆ ของผม ใช้ ดอนคิง” เขา เล่าอย่างอารมณ์ดี

เขา บอกว่า สิ่งที่เขาทำเสมอ ก็คือ เป็นนักเดินทางที่เคารพเส้นทาง เคารพผู้คน เคารพความเชื่อความศรัทธาที่ต่างออกไปจากตัวเรา เคารพแม้สิ่งที่นำพาเราไป ทุกครั้งที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกนอกประเทศเขาจะติดป้ายทะเบียนไทยไปเสมอ ทุกครั้งที่เจอใครเขาจะไหว้สวัสดีครับ I am from Thailand แล้วก็จะยิ้มทุกครั้ง อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขามาจากประเทศไทย เขาเป็นคนไทย เขามีรอยยิ้ม เขามีความเป็นมิตร เขามีความสุขที่ได้มาเยี่ยมเยือนประเทศที่เขายืนอยู่

การเดินทางรอบโลก ในความทรงจำของ ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์

รถมอเตอร์ไซค์ทุกคันของเขาจะชื่อ Jonathan เพราะมันเป็นชื่อของนกนางนวลตัวหนึ่งในหนังสือ Jonathan Livingston Seagull มันเป็นนกที่หัดบิน หยิ่งผยอง และงี่เง่า แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดี ถ้าคุณฝันและเคยบอกตัวเอง หรือเคยมีคนบอกคุณว่าอย่างคุณไม่มีทางทำได้ คุณไม่ได้ร่ำรวย คุณไม่ได้เก่ง ทำไปก็เสียเวลาเปล่า คุณจะเดินหน้าต่อหรือหยุดอยู่ที่เดิม เขาอยากให้คุณมองข้ามทุกเงื่อนไขแล้วก้าวไปทำตามความฝันให้สำเร็จ ถ้าเขาทำได้ ใครๆ ก็ทำได้ ถ้ามีความตั้งใจมากพอ ความมุ่งมั่น คือ พลังอันยิ่งใหญ่ที่นำพาขับกล่อมให้คุณลุกขึ้นมาทำอะไรสักสิ่งหนึ่ง การใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก อย่าตั้งเงื่อนไขกับชีวิตมากเกินไป เพราะมันจะทำให้คุณกลัวที่จะลงมือทำและออกเดินทาง

นอกจากเตรียมการเรื่องเอกสาร เตรียมเรื่องเงิน เตรียมร่างกายให้มีความพร้อม ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงมีความอึด ความทนด้วยการวิ่งการว่ายน้ำ ซึ่งเขาออกกำลังกายสะสมล่วงหน้าไว้นานนับปี รวมทั้งต้องหาความรู้เรื่องการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์เอาไว้ด้วย เผื่อจะได้แก้ไขได้เองในเบื้องต้นเมื่อรถเสีย

หลังจากท่องโลกรอบใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมาจบแล้วนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความฝันของเขาให้จบลงได้ ยังมีอีกหลายประเทศที่เขายังอยากไปเยี่ยมเยือนอีกในอนาคตอันใกล้นี้ “ขอทำงานเก็บเงินอีกสัก 2-3 ปี ผมคิดว่าจะออกเดินทางรอบโลกอีกสักครั้ง แม้จะไปซ้ำประเทศเดิมแต่เวลาเปลี่ยนไป ผู้คนเปลี่ยนไป ความรู้สึกของเราก็เช่นกัน แต่ถ้าผมพอหาสปอนเซอร์ร่วมได้บ้าง ก็อาจจะออกเดินทางได้เร็วกว่านั้น ครั้งแรกที่ไม่ได้มองหาสปอนเซอร์เพราะต้องการเดินทางโดยอิสระทั้งความคิดและเส้นทาง ไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมาควบคุมมากำหนดให้เขาลำบากใจและเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างอิสรเสรี

ส่วนประเทศที่เขาอยากไปที่สุด ก็คือ เลบานอน เขาชอบกวีอาหรับเพราะมีความอ่อนโยน แต่ก็มีความเหี้ยมหาญไปพร้อมกัน โดยเฉพาะชอบอ่านงานของ คาริล ยิบราน เขาเป็นกวีเอกของโลก รวมทั้งไปประเทศแถบอาหรับ หรือในกลุ่มแอฟริกา อย่าง โมร็อกโก อิสราเอล ซีเรีย ก่อนที่จะมีสงครามกลางเมืองนั้นประเทศเขาสวย ตึกรามต่างๆ น่าชมมาก เขายังมีอีกหลายประเทศที่ตั้งใจไปเยี่ยมเยือน เพราะการเดินทางมันคือชีวิตและจิตใจของเขา

การเดินทางรอบโลก ในความทรงจำของ ใช้ ศุภเศรษฐอนันต์

สำหรับโครงการในปีหน้าที่เขาจะทำ ก็คือ การขี่มอเตอร์ไซค์เลียบตะเข็บรอบชายแดนไทย โดยอาจจะร่วมกับสถาบันการศึกษา ผ่านจังหวัดไหน มหาวิทยาลัยไหน ก็จะไปพูดบรรยายเล่าประสบการณ์การเดินทางเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ นักศึกษาฟัง ทุกคนมีฝันกันทั้งนั้น บางคนฝันซื้อรถ บางคนฝันอยากซื้อบ้าน แต่สำหรับผมก็คือมีความฝันที่จะเดินทางไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ผมไม่สะสมเงินทองทรัพย์สมบัติใดๆ มากมายนัก พอมีเงินก้อนหนึ่งให้ลูกมีที่มีทางบ้าง มีอาชีพมีธุรกิจเล็กๆ พอเลี้ยงตัวได้ ที่เหลือคืออยากสะสมประสบการณ์ชีวิตอย่างไปท่องโลก เดินทางให้มากที่สุด เห็นความแตกต่างของโลกและผู้คนให้มากที่สุด” เขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม