posttoday

ภัณฑิรา วรานุเคราะห์โชค ปั้นฝัน ‘หาครูดอทคอม’ เว็บไซต์รวมติวเตอร์

15 ธันวาคม 2561

เรื่อง : ภาดนุ  ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เรื่อง : ภาดนุ  ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี


สาวเก่งมากความสามารถวัย 32 ปี ภัณฑิรา วรานุเคราะห์โชค หรือจิ๊บ รั้งตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเจ อินเตอร์เซอร์วิส หลังจากเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท เธอก็ต่อยอดด้วยการทำงานหาประสบการณ์ที่หลากหลาย แต่เพราะมีใจรักในความเป็นครูและชอบสอนหนังสือเด็กๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ในที่สุดเธอก็กลับมาสร้างธุรกิจเกี่ยวกับแวดวงการศึกษา นั่นก็คือทำธุรกิจสตาร์ทอัพโดยเปิดเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Hakru.com ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรวมติวเตอร์ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาต่างๆ ให้เด็กนักเรียนที่ต้องการเรียนพิเศษได้มีโอกาสเลือกครูที่ตรงกับความต้องการของพวกเขาให้มากที่สุด

ลองไปพูดคุยกับเธอซิว่า ธุรกิจนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร?

“เดิมทีดิฉันเรียนจบปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) เมื่อเรียนจบก็ทำงานด้วยการเป็นนักแปล จากนั้นก็มีโอกาสได้เข้าไปทำงานในองค์กรระหว่างประเทศที่ชื่อว่า APC (Asia Pacific Community) โดยทำงานที่นี่เกือบ 2 ปี ซึ่งสำนักงานใหญ่อยู่ที่แจ้งวัฒนะ

เมื่อทำงานได้พักใหญ่ๆ จิ๊บก็ตัดสินใจไปเป็น “ออแพร์” หรือพี่เลี้ยงเด็กในนิวยอร์กอยู่อีกเกือบ 2 ปี แต่ว่าในช่วงที่อยู่ที่นั่น จิ๊บก็เรียนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้วุฒิบัตรการสอนภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า TESOL (Teaching English as a Second Language) ที่เวสต์เชสเตอร์ คอมมูนิตี้ คอลเลจ รัฐนิวยอร์ก ไปด้วย ซึ่งคนที่เรียน TESOL นี้จะสามารถเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษแบบได้รับการรับรองจากทั่วโลก

จากนั้นจิ๊บก็ไปเรียนเพื่อให้ได้วุฒิบัตรทางด้าน Leadership Management ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กด้วย ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง จิ๊บอยู่ที่นิวยอร์กเกือบ 2 ปีจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทย”

จิ๊บเล่าว่า เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยเธอก็ทำงานโดยการเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนนานาชาติ โดยจะสอนแบบตัวต่อตัวในช่วงที่เด็กนักเรียนจะมีการเตรียมตัวสอบ เมื่อสอนได้ 3 ปีกว่าๆ เธอก็ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน (University College London) หรือ UCL ประเทศอังกฤษ โดยเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและเทคโนโลยี เพราะคิดว่าเป็นสาขาที่ค่อนข้างเฉพาะทาง ซึ่งในเมืองไทยยังไม่ค่อยมี และที่อังกฤษจะมีแค่สองมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่เปิดสอน นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน กับมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ โดย UCL จะเป็นอันดับหนึ่งทางด้านการศึกษา

“พอจบปริญญาโทแล้วกลับเมืองไทย จิ๊บก็เริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพของตัวเองโดยเปิดเว็บไซต์ Hakru.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมติวเตอร์หลากหลายสาขาวิชาจากทั่วประเทศขึ้น พร้อมทั้งเปิดศูนย์พัฒนาและสอนภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจชื่อ London Business English ตามมา โดยรับสอนภาษาอังกฤษให้กับองค์กร แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเปิดเป็นศูนย์การเรียน แล้วให้พนักงานออฟฟิศมาเรียนได้ค่ะ

สำหรับเว็บไซต์ Hakru.com มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่จิ๊บได้เห็นเว็บไซต์คล้ายๆ กันนี้ที่นิวยอร์กมาก่อน จิ๊บก็มาคิดว่าที่เมืองไทยเรายังไม่มีเว็บไซต์แบบนี้ ก็เลยอยากทำให้ที่เมืองไทยมีบริการแบบนี้บ้าง ทั้งติวเตอร์และเด็กที่เรียนจะได้เดินทางสะดวก ซึ่งหน้าที่ของ ‘หาครูดอทคอม’ จะเป็นเว็บไซต์ที่เอาไว้จองติวเตอร์โดยตรง โดยที่ไม่ต้องผ่านเอเย่นต์ โดยนักเรียนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงติวเตอร์คุณภาพได้ทันทีทุกที่ทุกเวลาบนสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ จึงมั่นใจว่าเว็บไซต์ Hakru.com จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองในยุคนี้”

จิ๊บบอกว่า ปกติแล้วเว็บไซต์ทั่วไปจะมีแค่พนักงานที่คอยรับโทรศัพท์ โดยเป็นตัวเชื่อมระหว่างนักเรียนและติวเตอร์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านคนกลาง ทำให้ผู้เรียนไม่สามารถที่จะเลือกครูได้เอง แต่สำหรับ “หาครูดอทคอม” ถ้าครูคนไหนว่าง แล้วเด็กเกิดสนใจ พวกเขาก็สามารถเข้ามาลงทะเบียนจองคิวครูที่ต้องการได้เลย

“พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ นักเรียนมีสิทธิเลือกครูได้โดยตรงจากวุฒิการศึกษา ราคาที่ต้องการ สถานที่สอน รวมทั้งแนวทางในการสอนด้วย โดยทั้งสอนแบบตัวต่อตัว หรือว่าสอนแบบออนไลน์ ก็สามารถเลือกได้หมดเลยค่ะ และด้วยความที่ระบบเอเย่นต์แต่เดิมนั้นจะมีค่าแนะนำที่ติวเตอร์ต้องจ่ายให้เอเย่นต์อย่างน้อย 1,000 บาท ดังนั้น เขาก็จะบังคับเด็กนักเรียนว่าจะต้องเรียนอย่างต่ำ 6 ชม.เพื่อจะให้คุ้มกับเงินที่จะมาจ่ายเป็นค่าแนะนำ แต่ ‘หาครูดอทคอม’ จะไม่มีค่าแนะนำ เพราะฉะนั้นนักเรียนจะเรียนแค่ชั่วโมงเดียวแล้วไปสอบเลยก็ได้ ซึ่งเราจะโฟกัสที่นักเรียนเป็นหลัก

พูดง่ายๆ ก็คือ ‘หาครูดอทคอม’ เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงครู (ติวเตอร์) กับนักเรียนเข้าด้วยกัน โดยติวเตอร์ที่มีเวลาว่าง มีความรู้ความสามารถที่อยากถ่ายทอดก็สามารถเข้ามาทิ้งประวัติตัวเองไว้ในเว็บไซต์ของเราได้ ส่วนนักเรียนที่อยากจะเตรียมสอบ อยากเพิ่มเกรด หรืออยากหาคนช่วยทำการบ้าน ก็สามารถเข้ามาค้นหาติวเตอร์ในเว็บไซต์ของเราได้เช่นกัน

กลุ่มนักเรียนจะมีตั้งแต่ระดับประถมต้นจนถึงมัธยมปลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนโตมากกว่า ซึ่งเขาจะสามารถเข้ามาจองได้แบบอัตโนมัติเหมือนจองตั๋วเครื่องบินเลยค่ะ คือเมื่อเข้าไปในเว็บไซต์หาครูดอทคอม มันก็จะมีประวัติติวเตอร์ และมีตารางที่นักเรียนสามารถกดจองคิวได้แบบอัตโนมัติ

ส่วนหลักในการเลือกครูหรือติวเตอร์ของเรา นอกจากความรู้ความสามารถแล้ว ในเรื่องความปลอดภัยเราก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คนที่จะมาเป็นครูหรือติวเตอร์ที่จะมาฝากประวัติไว้ในเว็บไซต์ ‘หาครูดอทคอม’ จะต้องมีการลงทะเบียนบัตรประชาชนก่อน โดยเราจะมีแอดมินหลังบ้านคอยกรองให้อีกที โดยกรองถึง 2 ระดับคือ ระดับแรก เลขบัตรประชาชนกับรูปหน้าบัตรต้องตรงกัน โดยเราจะให้เขาส่งสำเนามาก่อน

ระดับที่สองก็คือ เราจะไปตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าติวเตอร์คนนี้เคยมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ โดยจะตรวจสอบทั้งติวเตอร์ชาวต่างชาติและชาวไทย เพราะการสอนแบบตัวต่อตัวเรื่องความปลอดภัยต้องมาก่อน แต่สำหรับนักเรียนเราก็จะตรวจสอบแค่บัตรประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย”

จิ๊บเสริมว่า สำหรับการเลือกติวเตอร์เธอจะเลือกติวเตอร์ที่มีประสบการณ์ในการสอนอยู่แล้ว หรือติวเตอร์ในกลุ่มเอเย่นต์อื่นๆ ที่สนใจอยากจะมาทิ้งประวัติไว้ใน “หาครูดอทคอม” โดยชี้ให้เห็นข้อดีว่า ถ้าพวกเขามาใช้บริการในเว็บไซต์หาครูดอทคอมแล้ว จะไม่เสียค่าแนะนำใดๆ โดยจะลงประวัติให้ครบถ้วน แล้วยังมีบริการคอยซัพพอร์ตด้วยว่า ไปสอนแล้วเป็นยังไงบ้าง มีอะไรให้ช่วยเหลือมั้ย และอื่นๆ โดยติวเตอร์จะเสียเงินเพียงแค่ 10% เป็นค่าบริการจากเว็บไซต์เท่านั้น

“ที่จิ๊บเลือกทำธุรกิจนี้เพราะคิดว่าการเรียนพิเศษเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ อยากให้นักเรียนเข้าถึงครูที่มีคุณ ภาพได้เท่ากัน คือปัญหาการศึกษาในเมืองไทยตอนนี้ก็คือ คุณภาพของการเรียนระดับมัธยมของเด็กๆ นั้นไม่เท่ากัน ทำให้เด็กต้องออกมาหาทางเลือกข้างนอก จิ๊บเลยคิดว่า ‘หาครูดอทคอม’ น่าจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้นักเรียนเข้าถึงครูที่เก่งๆ ได้ทั่วถึง เนื่องจากนักเรียนบางคนอาจจะไม่สามารถเข้าถึงครูในโรงเรียนดังๆ หรือติวเตอร์ดังๆ ได้ ดังนั้น เว็บไซต์ของเราจึงเป็นตัวเลือกให้พวกเขาอีกทางหนึ่งได้

บางคนอาจมีคำถามว่า สมัยนี้มีเด็กที่เรียนพิเศษน้อยลงรึเปล่า เรื่องนี้ก็ใช่ค่ะ แต่กลายเป็นว่าเมื่อมีจำนวนเด็กนักเรียนน้อยลง (เด็กเกิดน้อย) ทุกคนจึงต้องแข่งขันกันมากขึ้น ผู้ปกครองเองก็จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อทุ่มให้กับลูกคนเดียวหรือลูกสองคนของตัวเอง เพราะผู้ปกครองในเมืองไทยก็ยังมีความคิดว่า มหาวิทยาลัยของรัฐดีกว่ามหาวิทยาลัยเอกชนอยู่ดี เพราะฉะนั้นเมื่อที่นั่งในมหาวิทยาลัยรัฐมีจำกัด เด็กก็ต้องแย่งกันเข้าไปให้ได้ ไหนจะมีข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยปิดตัวลง เพราะจำนวนนักศึกษาน้อยลง ฉะนั้นตัวเลือกก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย

จิ๊บมองว่า ‘หาครูดอทคอม’ จะเป็นตัวเลือกใหม่ๆ ที่แตกต่างจากโรงเรียนติวเตอร์แบบเดิมๆ เพราะเด็กรุ่นใหม่จะไม่ชอบโรงเรียนติวเตอร์แบบเดิมเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยก่อนเรียนกับทีวีจอตู้ ห้องหนึ่งเด็ก 50 คน เด็กสมัยนี้เขาต้องการเรียนแบบตัวต่อตัว ฉะนั้นสิ่งที่พิเศษของการเรียนแบบตัวต่อตัวก็คือ ครูผู้สอนจะต้องปรับวิธีการสอนและเนื้อหาการสอนให้เข้ากับนักเรียนคนนั้นๆ ให้ได้

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการสอนแบบออนไลน์ เพราะเรามองว่านักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพฯ หรือแม้หากอยู่ในกรุงเทพฯ จริง แต่ไม่สะดวกจะเดินทางมา หรือไม่ชอบรถติด ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเราเช่นกัน เพราะเรามองว่าเมื่อเทคโนโลยีทุกวันนี้มันพร้อมกับการสอนออนไลน์ โดยที่ครูกับนักเรียนอยู่ที่บ้านของเขาได้ แล้วสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็เร็วพอที่จะไม่กระตุกแล้ว จึงสามารถใช้ Skype หรือ Video Call ก็ได้ ซึ่งก็เหมือนกับการสอนตัวต่อตัว เพียงแต่ว่าสอนผ่านอินเทอร์เน็ตอีกที”

จิ๊บบอกว่า สำหรับการคิดราคาในการสอนแต่ละวิชา ติวเตอร์แต่ละคนจะเป็นผู้กำหนดเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความรู้ในวิชาเฉพาะด้านที่ไม่เหมือนกัน ทางหาครูดอทคอมจะไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคา แต่ผู้ที่มาเรียนก็มั่นใจได้เลยว่า ค่าเรียนจะถูกลงกว่าการไปเรียนที่สถาบันติวเตอร์แบบเดิมๆ เพราะไม่ได้ผ่านเอเย่นต์ที่เขาจะคิดค่าแนะนำจากติวเตอร์นั่นเอง

“สำหรับเว็บไซต์ ‘หาครูดอทคอม’ เมื่อมีการกดจองติวเตอร์แล้ว ระบบของเราก็จะส่งอีเมลแจ้งเตือนไปที่ติวเตอร์คนนั้นโดยอัตโนมัติว่ามีคนกดจองตารางของคุณแล้วนะ ทั้งที่เป็นติวเตอร์แบบตัวต่อตัว หรือติวเตอร์แบบออนไลน์ จากนั้นเราก็จะให้ข้อมูลติดต่อกับนักเรียนไป ติวเตอร์ก็จะทำหน้าที่โทรคอนเฟิร์มการเรียนการสอนด้วยตัวเอง

ต้องอธิบายว่าปัจจุบันนี้การจองติวเตอร์ส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะจองผ่านเอเย่นต์ โดยจะมีพนักงานรับสายของนักเรียนที่จองมา คือเป็นแบบ Manual Matching แต่ของ ‘หาครูดอทคอม’ จะเป็นแบบ Auto Matching หรือการจับคู่คำสั่งโดยอัตโนมัติ มาใช้เป็นเจ้าแรกของประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งจะเหมือนเว็บไซต์จองโรงแรมทั่วไป ทั้งหมดจะเป็นระบบออโต้ จึงทำให้ได้เวลานัดหมายที่แน่นอน และปลอดภัยกว่า ไม่มี Human Error แถมราคายังถูกกว่าการจ้างคนมาคอยคอนเฟิร์มอีกด้วย

แต่ทั้งนี้เราก็จะมีแอดมินคนหนึ่งคอยโทรหาติวเตอร์ว่ามีคนจองแล้วนะ รวมทั้งส่งอีเมลไปยืนยันเพื่อไม่ให้ติวเตอร์พลาดด้วยเช่นกัน ผู้ปกครองและนักเรียนมั่นใจในความปลอดภัย โดยจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนคลาสเรียนก่อนการเรียนทุกครั้ง รวมถึงรายงานการเรียนการสอน ทำให้ผู้ปกครองติดตามพัฒนาการของนักเรียนได้

ข้อดีของระบบออโต้ แมตชิ่ง ก็คือ สามารถให้นักเรียนเลือกติวเตอร์ได้เอง เพราะเขาสามารถเห็นหน้าตาเห็นโปรไฟล์ก่อนเลย เด็กๆ จึงสามารถรู้ได้เลยว่า ติวเตอร์ว่างกี่โมง ว่างวันไหน เวลาไหน ถ้าเป็นระบบเก่าเด็กๆ จะเลือกติวเตอร์เองไม่ได้ แม้ระบบเก่าจะมีรูปขึ้นมาก็จริง แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเด็กจะได้เรียนกับติวเตอร์คนนั้นเสมอไป แต่ระบบออโต้ แมตชิ่ง จะรู้เลยว่าจะได้หรือไม่ได้”

จิ๊บ เสริมว่า วิธีเข้าสู่เว็บไซต์ “หาครูดอทคอม” เด็กนักเรียนสามารถลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้ จากนั้นก็สามารถเลือกระดับชั้นเรียน วิชา เขต (โซน) ที่ต้องการจะเรียนแบบตัวต่อตัวหรือแบบออนไลน์ได้เลย เผื่อว่าติวเตอร์บางคนสอนเฉพาะเขตนี้ นักเรียนก็จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล

“ในอนาคต นอกจากเว็บไซต์ ‘หาครูดอทคอม’ และศูนย์สอนภาษาอังกฤษด้านธุรกิจให้กับองค์กรแล้ว (London Business English) แล้ว ตอนนี้จิ๊บก็เขียนหนังสือสอนภาษาอังกฤษ หลักสูตร EP (English Program) สำหรับเด็กนักเรียนประถม 1-ประถม 6 อยู่ด้วยค่ะ และในอนาคตก็อาจจะเขียนระดับมัธยม ซึ่งก็ต้องดูทิศทางของตลาดอีกที

แต่ปัจจุบันนี้มีนักเรียนที่เรียน EP ค่อนข้างเยอะขึ้นในโรงเรียนเอกชน ซึ่ง EP นี้จะเน้นการสอนวิชาหลักๆ เป็นภาษาอังกฤษล้วน โดยครูจะไม่พูดภาษาไทยเลย เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เป็นต้น แต่วิชาอื่นๆ ก็ยังเรียนเป็นภาษาไทยอยู่ค่ะ

ที่ผ่านมาจิ๊บก็เขียนหนังสือเตรียมสอบภาษาอังกฤษให้กับเด็กประถมด้วย ซึ่งตำราก็ต้องเป็นภาษาไทยค่ะ เพราะนักเรียนยังเด็กๆ กันอยู่เลย เนื้อหาก็จะสรุปหลักแกรมม่า ความรู้รอบตัวทั่วโลก คำศัพท์ หนังสือของจิ๊บต่างจากในท้องตลาดคือ จะไม่ได้สอนพวกแกรมม่าที่ท่องจำเท่านั้น แต่จะนำความรู้เรื่องการออกเสียงที่ถูกต้องมาสอนด้วย เพราะเรารู้ว่าคนไทยออกเสียงภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้

ถ้าให้พูดถึงระบบการเรียนการสอน EP ในเมืองไทย เท่าที่จิ๊บเคยได้ลงไปสอนเอง คือน้องๆ นักเรียนส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนการเรียนการสอนแบบเดิม ให้มาเป็น EP โดยไม่มีการปูทางให้พวกเขามาก่อนเลย อยู่ดีๆ ก็จับเด็กๆ มาเรียนเลย ทีนี้เด็กก็ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วในห้องก็จะมีเด็กแค่คนหรือสองคนที่ต้องคอยแปลให้เพื่อนๆ ฟัง

ฉะนั้น จิ๊บจึงเขียนตำราที่เหมือนเป็นการปูพื้นฐานหลักๆ ว่า ประโยคประมาณนี้ แปลว่าอะไร เหมือนช่วยเป็นหนังสือคู่มือให้พวกเขาฟังภาษาอังกฤษออก มีสื่อการสอนให้ ส่งเสริมให้ดูยูทูบด้วยซึ่งจะช่วยได้ ถ้ามีการปูพื้นฐานให้เด็กๆ แบบนี้ จิ๊บคิดว่ามันจะได้ผลดี แต่ถ้าอยู่ดีๆ จับเขาโยนเข้าไปใน EP เลย มันก็จะใช้เวลาค่อนข้างนานเลยละกว่าเด็กจะฟังรู้เรื่อง กล้าที่จะพูดโต้ตอบ หรือถาม-ตอบ กับอาจารย์หรือครูผู้สอนได้”