posttoday

คริสทีน วาชอน เธอคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับออสการ์

02 ธันวาคม 2561

ในวงการภาพยนตร์ของโลก ชื่อของ คริสทีน วาชอน

โดย ภาดนุ 

ในวงการภาพยนตร์ของโลก ชื่อของ คริสทีน วาชอน (Christine Vachon) คือนามของโปรดิวเซอร์มือทอง หรือผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าเธอผู้นี้จะกำลังรังสรรค์ภาพยนตร์เรื่องไหน ก็มักจะถูกจับตามองอยู่เสมอ ว่าเธอต้องสามารถนำพาภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องก้าวเข้าสู่เวทีประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติเเละยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างรางวัลออสการ์ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Carol, Far From Heaven, Boys Don’t Cry หรือ Still Alice ที่ล้วนแต่คว้ารางวัลอันทรงเกียรติติดไม้ติดมือมาได้ทั้งนั้น จึงนับว่าเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยมในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์คนหนึ่ง

เเละในโอกาสพิเศษที่โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์มือดีอันดับต้นๆ ของโลกผู้นี้เดินทางมาเยือนประเทศไทย เราจึงไม่พลาดโอกาสที่จะไปพูดคุยกับเธอถึงมุมมองเเละประสบการณ์ในการทำงานของเธอ ซึ่งถือได้ว่าไม่ธรรมดา เพื่อนำมาแชร์ต่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ รวมทั้งยังเป็นการสร้างเเรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนอีกด้วย

“ถ้าให้พูดถึงการเป็นผู้อำนวยการสร้างหรือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ในแวดวงฮอลลีวู้ดแล้ว ในความคิดของฉัน สิ่งที่ยากที่สุดหรือท้าทายที่สุดก็คือ การทำภาพยนตร์เรื่องที่ตัวเองรับผิดชอบให้สำเร็จลงได้ด้วยดีตั้งแต่ได้เริ่มต้นถ่ายทำมาเลย ที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนั้นจะต้องไปถึงผู้ชมทั่วโลกได้อย่างแพร่หลายและทั่วถึง

ในอดีตภาพยนตร์เรื่อง Boys Don’t Cry ที่ฉันเคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้นั้น ประสบความสำเร็จจน สแวงกี้ (ฮิลลารี่ สแวงก์) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จนเธอสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมมาได้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของฉันเป็นอย่างมาก

ตอนที่ฉันรับผิดชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันคิดเพียงอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าถึงหรือ Touch จิตใจคนดูให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อภาพยนตร์ออกฉาย ก็สามารถวัดได้จากฟีดแบ็กที่ได้รับจากคนดู ที่ค่อนข้างจะมีเสียงออกไปในทางชื่นชมจากทั่วทุกทิศทาง นี่แหละคือคำตอบที่ว่า ทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงเข้าถึงอารมณ์และจิตใจของผู้ชมได้ดี”

คริสทีน วาชอน เธอคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับออสการ์

คริสทีน บอกว่า การที่เธอจะเลือกเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งนั้น สิ่งที่เธอต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกเลยก็คือ ตัวผู้กำกับ เพราะการจะสร้างภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญที่ผู้กำกับควรต้องมีก็คือ จะต้องสามารถสื่อสารเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนั้นให้เข้าถึงคนดูได้อย่างดีเยี่ยม

“สิ่งสำคัญอันดับต่อมาก็คือ นักแสดง (Cast) โดยนักแสดงที่ได้รับเลือกมารับบทนำนั้น จะต้องเป็นนักแสดงเบอร์ใหญ่พอสมควร ต้องแสดงเก่ง และเธอหรือเขาผู้นั้นจะต้องทำให้คนดูเชื่อหรือคล้อยตามไปกับบทบาทที่ได้รับด้วย ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง ‘I’m Not There’ การที่ผู้ชมได้เห็นดาราสาว เคต บลันเชตต์ แปลงโฉมเป็นผู้ชาย (เป็น บ๊อบดีแลน) นั้น มันจะช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจและทำให้ผู้ชมอยากดูหรืออยากติดตามภาพยนตร์เรื่องนั้นมากยิ่งขึ้นได้

นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์เรื่อง ‘Still Alice’ ดาราหญิงที่นำแสดงในเรื่องนี้ก็คือจูลีแอนน์ มัวร์ ซึ่งเธอรับบทเป็นผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ดีมากๆ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนเคยมีประสบการณ์กับญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี่แหละ คือสิ่งที่เข้าถึงจิตใจคนดูได้เป็นอย่างดี เรียกว่าการจะเป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งได้ ต้องมีส่วนประกอบหลายๆ อย่างที่ดีที่สุดมาประกอบกันได้อย่างลงตัว ทั้งผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์ และอื่นๆ ซึ่งล้วนสำคัญทั้งหมดเลย”

คริสทีน บอกว่า ถ้าให้เธอฟันธงว่าภาพยนตร์เรื่องไหนที่เธอมีโอกาสได้โปรดิวซ์ แล้วเธอชอบหรือประทับใจมากที่สุด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตอบได้ยากมากๆ เพราะในหนึ่งปีเธอจะทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์ต่างๆ แบบนับไม่ถ้วน ซึ่งภาพยนตร์แต่ละเรื่องก็จะมีจุดเด่นและมีเนื้อหาที่แตกต่างกันไป พูดง่ายๆ ว่ามีดีในแบบของตัวเอง ดังนั้น สำหรับเธอแล้ว เธอจะไม่ตัดสินว่าภาพยนตร์เรื่องไหนดีหรือน่าประทับใจที่สุดสำหรับเธอ เอาเป็นว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องล้วนมีดีใกล้เคียงกัน

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Vox Lux จากกระแสที่พูดถึงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจับตา ว่าอาจจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2019 ที่จะถึงนี้ โปรดิวเซอร์คนเก่งมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

คริสทีน วาชอน เธอคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับออสการ์

“สิ่งที่ท้าทายสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Vox Lux ซึ่งนำแสดงโดยนางเอกสาวซูเปอร์สตาร์ นาตาลี พอร์ตแมน อยู่ตรงที่มันเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างจะแรงและเซนซิทีฟมากๆ ต่อสังคม เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์ได้มีการนำประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ รวมทั้งเหตุการณ์ที่มีคนเสียสติถือปืนไปกราดยิงเด็กๆ ในโรงเรียนมัธยมของสหรัฐ ตามที่เป็นข่าวไปทั่วโลกมาไว้ในภาพยนตร์ด้วย

ดังนั้น ในการนำเสนอประเด็นหรือเนื้อหาของภาพยนตร์ จึงต้องใช้ป๊อปคัลเจอร์เป็นเครื่องมือถ่ายทอดออกมา ซึ่ง Vox Lux เป็นเรื่องราวของศิลปินสาวที่โด่งดังขึ้นมาจากเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนมัธยม แล้วมีเด็กสาวคนหนึ่งได้ร้องเพลงไว้อาลัยให้กับน้องสาวของเธอที่เสียชีวิตในเหตุการณ์กราดยิงนั้น ซึ่งไวรัลคลิปนี้ทำให้เด็กสาวที่ร้องเพลงคนนี้โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Vox Lux นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยนำมาผสมผสานกับเรื่องราวของเส้นทางสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ของหญิงสาวที่เป็นดารานำของเรื่อง ที่เป็นการสื่อสารถึงโลกในยุคปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดี”

คริสทีน เสริมว่า การจะโปรดิวซ์ให้ภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วถูกนำไปฉายในโรงภาพยนตร์ได้นั้น สิ่งสำคัญคือต้องนำเสนอเนื้อเรื่องให้เข้าถึงจิตใจคนดูทั่วโลกให้ได้มากที่สุด ซึ่งเคล็ดลับจะอยู่ที่ขั้นตอนในการเลือกผู้กำกับ ดารานักแสดง และอื่นๆ ที่สามารถเลือกได้อย่างเหมาะสมและลงตัวตั้งแต่แรก

“วิธีการที่ฉันจะเลือกผลิตภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง สิ่งแรกเลยฉันจะดูที่สคริปต์หรือตัวบทของภาพยนตร์เรื่องนั้นก่อนเลยว่า บทของเรื่องนั้นมีความแข็งแรงขนาดไหน มีจุดเด่นมากน้อยแค่ไหน เป็นบทที่เคยพบเจอมาแล้ว หรือเป็นบทที่แปลกใหม่และน่าสนใจจริงๆ

อย่างที่สองที่ฉันจะพิจารณาก็คือ ผู้กำกับที่จะเลือกมากำกับภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งฉันจะต้องดูผลงานที่ผ่านมาว่า ผู้กำกับคนนี้เก่งขนาดไหน แล้วเขามีแนวโน้มที่จะสามารถกำกับนักแสดงตามบทที่เขียนมาได้หรือไม่ ที่สำคัญเมื่อทำภาพยนตร์สำเร็จออกฉายแล้ว จะสามารถเข้าถึงคนดูได้มากน้อยขนาดไหน รวมถึงตัวดาราที่จะมารับบทในภาพยนตร์เรื่องนั้นด้วยว่า เครดิตหรือพลังดารา (Star Power) ที่มารับบทนำนั้นจะสามารถเรียกเงินระดมทุนเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่องนั้นได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ถ้าได้ดาราที่เป็นแม่เหล็กหรือมีพลังที่จะดึงดูดเงินทุน ดึงดูดคนดูได้ แนวโน้มของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนั้นก็จะสามารถไปต่อได้

คริสทีน วาชอน เธอคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับออสการ์

สิ่งสำคัญอันดับสุดท้ายเลยก็คือ ต้องคาดเดาได้ว่า ภาพยนตร์เรื่องที่สร้างนั้นจะสามารถก้าวข้ามสิ่งต่างๆ ไปถึงคนดูทั่วโลกที่มีความหลากหลายได้หรือไม่ พูดง่ายๆ ว่าภาพยนตร์ที่สร้างออกมาแต่ละเรื่องต้องมีความเป็นสากลและเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกได้นั่นเอง”

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Colette ซึ่งนำแสดงโดย เคียร่า ไนท์ลีย์ ดาราสาวซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแม่ภาพยนตร์พีเรียดหรือภาพยนตร์ย้อนยุค ที่คริสทีนเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วยนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอบอกว่ามีความท้าทายในการทำงานเป็นอย่างมาก แม้ที่ผ่านมาเธอจะเคยร่วมงานกับทั้งตัวดารานำและตัวผู้กำกับทั้งสองคนนี้มาแล้วก็ตาม

“การที่จะหาดาราชายมาเป็นดาราตัวรองที่ช่วยซัพพอร์ตดาราหญิงระดับซูเปอร์สตาร์ที่เป็นนักแสดงนำของเรื่องเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะอาจจะมีนักแสดงชายบางคนที่ไม่ยอมเอาตัวเองเข้ามารับบทที่เป็นรองกว่าดาราหญิงซึ่งเป็นตัวนำของเรื่องสักเท่าไร นี่จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท้าทายในการทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ของฉันด้วยเช่นกัน

ขอย้อนกลับไปที่ภาพยนตร์เรื่อง Boys Don’t Cry ที่ ฮิลลารี่ สแวงก์ สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาได้นิดนึง ต้องบอกตรงๆ ว่าในวันที่ประกาศผลออสการ์ แล้วได้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัลมาได้ นาทีนั้นฉันรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะความจริงแล้วฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้ แต่ ณ เวลานั้นมันก็เป็นไปแล้ว

ความรู้สึกในนาทีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์มาได้ เป็นสิ่งที่ฉันยังคงจดจำได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงภาพยนตร์เล็กๆ หรือจะพูดว่าเป็นภาพยนตร์นอกกระแสในขณะนั้นก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่ตัวบทของ Boys Don’t Cry เป็นบทที่ดีมากๆ มีองค์ประกอบทุกอย่างครบ ยิ่งได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง ฮิลลารี่ สแวงก์ มาเป็นนักแสดงนำ รวมทั้งนักแสดงคนอื่นๆ ที่ช่วยเสริมการแสดงออกมาได้อย่างลงตัว ก็เลยทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จและยังคงอยู่ในใจของผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้

คริสทีน วาชอน เธอคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับออสการ์

ในทางกลับกัน หากพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง Vox Lux เรื่องล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เร็วๆ นี้ แล้วถามว่าฉันคาดหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถเข้าชิงออสการ์ได้มั้ย เรื่องนี้ก็ตอบได้ยากอีกนั่นแหละ แม้ฉันจะทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์มานานนับสิบๆ ปี แต่ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่า คุณไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย

มีแค่ครั้งเดียวที่ฉันสามารถเดาได้บ้าง นั่นก็คือตอนที่ฉันเป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Still Alice ซึ่งตอนนั้นไปเปิดตัวฉายที่เมืองซีแอตเติล แล้วกระแสของภาพยนตร์เรื่องนี้มันแรงมากจนเห็นได้ชัดจริงๆ ว่าจะได้เข้าชิงออสการ์ แล้วก็เป็นจริงว่ามันสามารถกวาดมาได้หลายรางวัล นั้นเป็นเพียงครั้งเดียวที่ฉันแน่ใจ” (หัวเราะ)

คริสทีน ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในอาชีพโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ระดับโลก มีหลักการทำงานที่เธอยึดถือเสมอมา นั่นก็คือการทำงานหนัก และเป็นคนตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นความจริงที่จะส่งผลให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

“ในแต่ละปีฉันทำงานหนักมาก เพราะมีภาพยนตร์ออกมาปีละเป็นร้อยเรื่อง บางครั้งต้องทำงานแบบข้ามวันข้ามคืน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันสนุกและมีความสุขกับการทำงานที่ตัวเองรัก กับคำถามที่หลายคนมักถามเสมอว่า คุณมีข้อคิดหรือเคล็ดลับดีๆ ที่จะถ่ายทอดให้กับคนสร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จแบบคุณบ้างมั้ย ฉันเชื่อว่านักสร้างภาพยนตร์หลายคนมักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการสร้างภาพยนตร์ คุณต้องทำตามแพสชั่นที่มี และอย่าได้ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น

แต่ฉันจะไม่ตอบแบบนั้นเด็ดขาด คำตอบของฉันก็คือ ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในการสร้างภาพยนตร์ คุณต้องหาโอกาสทุกโอกาสที่คุณจะสามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้

ที่สำคัญคุณต้องมีวิสัยทัศน์ในการมองหานายทุน ที่จะสามารถมาซัพพอร์ตสิ่งที่คุณจะสร้างออกมาให้สำเร็จเป็นรูปธรรมได้ พูดง่ายๆ ก็คือคุณต้องมีหัวนักธุรกิจติดอยู่กับตัวด้วย ต้องเข้าใจในสิ่งที่ทำ และรู้วิธีทำให้ภาพยนตร์นั้นขายในตลาดได้

อย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘Tangerine’ ที่ถ่ายทำทั้งเรื่องโดยใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟน (Iphone) ประเด็นสำคัญมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ไอโฟนถ่าย แต่มันอยู่ที่การนำเนื้อหาที่ดีและน่าติดตามมานำเสนอผู้ชมซะมากกว่า เมื่อคุณทำทุกอย่างออกมาได้ลงตัว เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก และเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้ ฉันเชื่อว่าภาพยนตร์ที่คุณสร้างขึ้นมานั้นจะต้องประสบความสำเร็จได้ในสักวัน”