posttoday

คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ ทำในสิ่งที่ชอบ สร้างธุรกิจที่ใช่

23 ตุลาคม 2561

โอม-คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ วัย 28 ปี รั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่าการ์ด คอร์ปอเรชั่น

โดย ภาดนุ ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี 

โอม-คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ วัย 28 ปี รั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่าการ์ด คอร์ปอเรชั่น เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่สร้างธุรกิจที่ใช่ จากสิ่งที่ตัวเองสนใจและชื่นชอบมาตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฟิล์มติดรถยนต์และฟิล์มติดอาคารสูง แต่จะมีที่มาอย่างไร ไปฟังจากปากเจ้าตัวกันเลย

“ผมเรียนจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังจากเรียนจบผมก็มีโอกาสได้ไปฝึกงานและทำงานด้านออกแบบและพัฒนาเกียร์รถยนต์ในโรงงานผลิตรถยนต์ที่ประเทศเยอรมนีนาน 6 เดือน”

จากความชอบเกี่ยวกับเครื่องยนต์และการดูแลรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อโอมกลับมาเมืองไทย เขาจึงเปิดธุรกิจคาร์แคร์เป็นธุรกิจแรก จากนั้นจึงต่อยอดมาเปิดกิจการนำเข้ารถยนต์และรถยนต์มือสอง พร้อมกับเปิดอู่ซ่อมและตกแต่งรถยนต์ที่ครบวงจร ซึ่งกิจการก็ไปได้ดีพอสมควร

“ที่จริงตอนกลับมาเมืองไทย ผมมีแพลนว่าจะเรียนต่อปริญญาโท แต่เมื่อได้ลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนๆ ไปหลายอย่างแล้ว จึงต้องหยุดเรื่องเรียนไว้ก่อน ต่อมาผมมีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลาสติกและฟิล์ม จนได้พบผลิตภัณฑ์ฟิล์มสะท้อนความร้อนสำหรับรถยนต์ ฟิล์มติดกระจกตึกสูงและฟิล์มใสกันรอย ภายใต้แบรนด์โซล่าการ์ด (Solar Gard)จึงมีความเชื่อมั่นในตัวสินค้าและเชื่อมั่นในบริษัท แซง-โกแบ็ง โซล่าการ์ด (ของฝรั่งเศส) ที่มีฐานการผลิตอยู่ในเมืองซานดิเอโก สหรัฐ ทั้งด้านคุณภาพของสินค้าและแนวทางในการทำธุรกิจของบริษัท

คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ ทำในสิ่งที่ชอบ สร้างธุรกิจที่ใช่

ที่จริงโซล่าการ์ดมีจำหน่ายและให้บริการในเมืองไทยมา 8 ปีแล้ว แต่ช่วงที่ผมได้มีโอกาสติดต่อกับบริษัทแม่ที่สหรัฐ และได้ร่วมงานกับผู้บริหารของ TPS Glass Coating ซึ่งมีแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการทำงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับช่วงเวลานั้นบริษัทกำลังหาดิสทริบิวเตอร์ หรือผู้นำเข้ารายใหม่ในเมืองไทยอยู่พอดี เราจึงได้ร่วมเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าของโซล่าการ์ดทั้งหมดในขณะนี้”

โอม บอกว่า หน้าที่หลักๆ ของเขาในการบริหารงานก็คือ ดูแลรับผิดชอบในการสั่งซื้อฟิล์มเข้ามา โดยพิจารณาว่าควรจะเลือกฟิล์มตัวไหน รวมทั้งดูแลด้านการตลาดในเมืองไทยไปพร้อมกันด้วย

“ตอนนี้บริษัท โซล่าการ์ด คอร์ปอเรชั่น ของเรายังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจได้เพียง 1 ปี ปัจจุบันเรามีพนักงานอยู่ 10 กว่าคน แต่ธุรกิจก็กำลังไปได้ดีครับ เนื่องจากฟิล์มติดรถยนต์เพียงอย่างเดียว มีมูลค่าทางการตลาดสูงนับพันล้านบาทในปัจจุบัน

หลังจากสั่งซื้อฟิล์มเข้ามาก็จะมีผู้จัดการทั่วไปในบริษัทเป็นคนช่วยกระจายหรือนำส่งฟิล์มไปยังดีลเลอร์ต่างๆ เช่น โชว์รูมรถยนต์ใหม่ ช็อปที่ขายเฉพาะฟิล์มติดรถยนต์หรือติดอาคาร และร้านประดับยนต์ต่างๆ เป็นต้น”

คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ ทำในสิ่งที่ชอบ สร้างธุรกิจที่ใช่

ล่าสุด ฟิล์มโซล่าการ์ดมีขายกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย โอมขยายความต่อว่า คุณสมบัติของฟิล์มโซล่าการ์ด นอกจากจะเป็นฟิล์มกรองแสงแล้ว ยังช่วยสะท้อนความร้อนออกไปได้ ถือเป็นคุณสมบัติเด่นของฟิล์มที่จะไม่อมความร้อนเอาไว้ ที่สำคัญยังเป็นฟิล์มนิรภัยได้ด้วย เพราะมีความหนาถึง 3 มิล (MIL) ซึ่งถ้าเป็นฟิล์มทั่วไปจะหนาแค่ 1.6 มิล (MIL) ฉะนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ฟิล์มก็จะยึดกระจกไว้ไม่ให้แตกกระจายแล้วกระเด็นมาใส่ผู้ขับรถ

“หลังจากเปิดธุรกิจมาได้ 1 ปี ก็ได้รับฟีดแบ็กที่ดีจากผู้ใช้ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเรา แน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนที่ใช้รถยนต์ ซึ่งปรัชญาสำคัญของบริษัทเราก็คือ นำเข้าสิ่งที่ทำให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตึกคอนโดสูงๆ หรืออยู่ในบ้านที่มีกระจกคุณก็จะมีฟิล์มกันแสง หรือตอนที่คุณขับรถ คุณก็จะมีฟิล์มติดรอบๆ รถเช่นกัน”

โอม บอกต่อว่า สำหรับการติดฟิล์มรถยนต์คันหนึ่ง ราคาจะเริ่มต้นที่ 1.4 หมื่นบาท ฟิล์มรถยนต์ที่ราคาแพงสุดจะอยู่ราวๆ 3 หมื่นบาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า รวมถึงคุณภาพและคุณสมบัติของฟิล์มที่ต้องการจะติดเป็นหลัก

“ที่ผ่านมาการบริหารงานของผม มีอุปสรรคสำคัญคือการบริหารคน โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องลงไปคุยกับช่าง เช่น ช่างสี ช่างเครื่อง และช่างติดฟิล์ม ที่ปัจจุบันนี้ถือว่าหายากที่สุด เนื่องจากรถยนต์ป้ายแดงในเมืองไทยมียอดขายถึงเดือนละ 2-3 หมื่นคัน ทำให้ขาดแคลนพนักงานผู้เชี่ยวชาญในการติดฟิล์มรถยนต์

คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ ทำในสิ่งที่ชอบ สร้างธุรกิจที่ใช่

เหตุผลสำคัญอีกอย่างคือ ฟิล์มโซล่าการ์ดเป็นฟิล์มที่มีขั้นตอนในการติดที่ค่อนข้างยาก ต้องใช้ทักษะในการติดอย่างสูง ซึ่งถ้าติดเสร็จแล้วก็จะเป็นข้อดีของลูกค้าที่จะได้ของดีมีคุณภาพและทนทานกลับไป ผมจึงใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกับช่างให้เข้าใจ และสาธิตให้พวกเขาดูด้วยตัวเองเลยครับ ปัจจุบันการบริหารบุคลากรก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนงานในพาร์ตอื่นๆ ก็จะมีหัวหน้าคนอื่นๆ คอยช่วยดูแลแก้ไขด้วยครับ”

โอม เสริมว่า คติในการทำงานที่เขายึดถือเสมอมา ล้วนมาจากคำพูดของคุณพ่อเขาที่มักจะสอนว่า คนเราต้องซื่อสัตย์ ขยัน และอดทน หากมี 3 ข้อนี้ สักวันหนึ่งเราจะเป็นผู้ชนะ เขาจึงนำหลักการเหล่านี้มาใช้ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตและเรื่องการทำธุรกิจ

“ในอนาคตผมมีแพลนที่จะขยายแบรนด์โซล่าการ์ดในกรุงเทพฯ ให้อยู่ตัวเสียก่อน จากนั้นก็จะกระจายสินค้าไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ โดยหาดีลเลอร์หรือร้านตัวแทนจำหน่ายตามต่างจังหวัดอีกที อย่างภาคเหนือก็จะเป็นเชียงใหม่ ภาคอีสานจะเป็นนครราชสีมา ภาคใต้จะเป็นสงขลา เป็นต้น เรียกว่าค่อยๆ ขยายธุรกิจออกไปทีละนิดอย่างมั่นคง

ปัจจุบันถือว่ามีคู่แข่งเยอะมาก เหตุผลแรกคือ ในปีหนึ่งคนไทยมักจะซื้อรถยนต์ใหม่กันค่อนข้างเยอะ เหตุผลที่สองคือ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน จึงจำเป็นต้องติดฟิล์มรถยนต์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าของแบรนด์หลายแบรนด์จึงเห็นช่องทางการตลาดในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากจีนหรือเกาหลีก็ตาม แต่เราก็ไม่กลัวครับ เพราะเรามีจุดแข็งในเรื่องคุณภาพและประวัติของแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 350 ปี”

ในฐานะคนรุ่นใหม่ โอม บอกว่าเขาใช้วิธีส่งเสริมการขายหรือทำการโปรโมทสินค้าทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ไปพร้อมกันเลย

คุณัชญ์ เลิศรัตนานนท์ ทำในสิ่งที่ชอบ สร้างธุรกิจที่ใช่

“ผมขอพูดถึงส่วนออฟไลน์ก่อนว่า เวลาที่คนจะซื้อรถใหม่ ยังงัยยังไง เขาก็ต้องไปดูที่โชว์รูมเพื่อให้เห็นของจริงเสมอ ดังนั้นตลาดออฟไลน์เราจึงเน้นโชว์รูมและร้านตัวแทนจำหน่ายเป็นเป้าหมายหลัก นอกนั้นจะเป็นโฆษณาทางบิลบอร์ดบ้าง ซึ่งผมคิดว่าคนขับรถส่วนใหญ่จะมองเห็นบิลบอร์ดได้ตามท้องถนนอยู่แล้ว

สำหรับการส่งเสริมตลาดออนไลน์ ปัจจุบันเรามีเว็บไซต์ www.solargard.co.th และ FB : solargardthailand หรือ IG : solargard-thailand อยู่แล้ว ซึ่งแนวทางของเราคือ การให้ความรู้กับลูกค้าเป็นสิ่งแรก ว่าฟิล์มติดรถยนต์นั้นมีกี่ประเภท ฟิล์มที่ดีนั้นเป็นอย่างไร พูดง่ายๆ ว่าเราต้องให้เกียรติลูกค้าในการตัดสินใจเลือกฟิล์มหรือเลือกแบรนด์ตามงบประมาณที่ลูกค้าต้องการ”

โอมทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันนี้เขาทำงานเกือบ 7 วัน เนื่องจากธุรกิจยังอยู่ในช่วงกำลังเริ่มต้น ทุกๆ วันจึงอาจจะต้องไปพบลูกค้าหรือไปติดต่อกับเจ้าของธุรกิจโชว์รูมรถยนต์และร้านตัวแทนจำหน่ายอยู่เสมอ

“ถ้ามีวันว่างผมจะพักผ่อนด้วยการไปดูหนัง หรือไปยิงปืนที่สนามยิงปืน แล้วผมยังชอบกีฬาแข่งรถด้วยครับที่ผ่านมาผมเคยลงแข่งในรายการ Thailand Super Series โดยลงแข่งรถในรุ่นซูเปอร์อีโคก็เคยได้แชมป์มาบ้าง

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นกีฬาที่ผมรัก และทำให้ผมได้ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานและการใช้ชีวิตไปด้วย ในหนึ่งปีผมมักจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ 2-3 ครั้ง เพื่อเติมพลังให้กับชีวิตตัวเองด้วยครับ”