posttoday

สุชาดา ภัทรพลาพันธ์ การปรับตัวคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

20 ตุลาคม 2561

ในโลกนี้ทุกอย่างมีเทรนด์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะในแวดวงแฟชั่นเท่านั้น เฟอร์นิเจอร์สำนักงานก็ต้องมีเทรนด์

เรื่อง : อณุสรา ทองอุไร ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

ในโลกนี้ทุกอย่างมีเทรนด์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะในแวดวงแฟชั่นเท่านั้น บ้าน ของตกแต่ง หรือแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์สำนักงานก็ต้องมีเทรนด์

เช่นกัน ปัจจุบันทั้งคอนโดมิเนียม และออฟฟิศใจกลางเมืองนั้น ก็ตกแต่งสวยงามดูดี แม้จะมีข้อจำกัดในการถูกบีบพื้นที่ให้แคบลง แล้วผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร ที่ต้องผลิตงานภายใต้ข้อจำกัดที่ยากๆ ขึ้นทุกที

ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้บริหารสาวคนเก่งทายาทรุ่นที่ 2 ของแบรนด์เพอร์เฟ็คท์ เฟอร์นิเจอร์ ที่มาเป็นกำลังสำคัญในการกำหนดทิศทางในการทำงานแทนคุณพ่อของเธอในวัยใกล้ 70 ปี ที่จะเริ่มขอรีไทร์ตัวเองไปเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น

“เปิ้ล” สุชาดา ภัทรพลาพันธ์ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เพอร์เฟ็คท์ กรุ๊ป และบริษัทในเครืออีก 5 บริษัท ในวัย 30 ปลายๆ ที่เข้ามาช่วยบริหารงานเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน และวันนี้เธอเป็นหัวเรือหลักในการนำทัพของเพอร์เฟ็คท์ กรุ๊ป ที่กำลังช่วยขยายอาณาจักรให้มีความเติบโตแข็งแรงขึ้นในยุคของเธอ

พันธกิจล่าสุดคือการเปิดเพอร์เฟ็คท์ แฟล็กชิปสโตร์ บนเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นโชว์รูมนำร่องอย่างครบวงจรทั้งบ้าน ออฟฟิศ คอนโด ในระบบ 3TD ของบริษัทแห่งแรก ย่านราชพฤกษ์ ที่กำลังจะเปิดปลายปีนี้ และอีกแห่งที่โครงการ CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา ที่จะเปิดต้นปีหน้า ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมของการดีไซน์ที่ทันสมัย และเตรียมขายโชว์รูมเพิ่มอีกในห้างสรรพสินค้า

สุชาดา ภัทรพลาพันธ์ การปรับตัวคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

เธอกล่าวว่า Perfect Group เป็นผู้ผลิตและจําหน่ายเฟอร์นิเจอร์สํานักงาน และชุดบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งเน้นการออกแบบที่โดดเด่นทันสมัย รวมถึงความประณีต และความเอาใจใส่ในงานทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด

“ด้วยคอนเซ็ปต์ Perfect Around You โดยมีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นเพื่อเป็นหนึ่งในผู้นําตลาดเฟอร์นิเจอร์ในการให้บริการที่ดีเยี่ยมอย่างครบวงจร ในที่เดียวทั้งชุดเฟอร์นิเจอร์ สํานักงาน ชุดบ้านและที่อยู่อาศัย เพื่ออํานวยความสะดวก รวดเร็วที่สุด ให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้เราก้าวสู่ปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะพัฒนาองค์กร ไปพร้อมกับการดูแลลูกค้าที่ดียิ่งขึ้นไปในอนาคต”

ทางด้านการศึกษานั้น เธอจบปริญญาตรี จากคณะ Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยรังสิต แล้วจึงไปเรียนต่อปริญญาโท คณะ Marketing & Management, Middelsex University ประเทศอังกฤษ กลับมาก็มาช่วยธุรกิจของที่บ้านทันทีในฐานะลูกสาวคนโตที่ถูกคาดหวังมิใช่น้อย

เธอทำงานเป็นมือขวาของคุณพ่อมาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา เรียกว่ามีทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตากว่าจะจูนระบบให้เข้ากับคุณพ่อได้ก็ใช้เวลาเป็นปี นอกจากนี้ เธอยังจบหลักสูตร Luxury Retail Management 2015 By Luxellence Center (CP ALL) สุชาดา ได้ให้ความเห็นถึงเทรนด์เฟอร์นิเจอร์ในช่วงนี้ว่า

“จากแนวโน้มของกระแส Co-Working Space หรือ Co-Living Space ที่เข้ามามากขึ้นและกำลังเป็นที่นิยม ทำให้บทบาทของการใช้งานเฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนไป มันจะกลายเป็นว่าจากเดิมที่เฟอร์นิเจอร์จะต้องรองรับผู้ใช้ในพฤติกรรมนั้นๆ หรือรูปแบบการทำงานนั้นๆ และไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้เองแบบเฉพาะเจาะจง กลับเป็นว่าต้องสามารถออกแบบให้รองรับการใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชั่นและหลากหลายไลฟ์สไตล์มากขึ้น

เพราะใน 1 Co-Working Space หรือ Co Living Space ก็จะมีผู้ใช้งานที่มีความหลากหลายความต้องการใช้งาน พฤติกรรม และไลฟ์สไตล์ อันนี้คือในส่วนของเทรนด์เฟอร์นิเจอร์ ที่ต้องออกแบบให้รองรับเทรนด์ที่เข้ามาแรงของ Co-Working Space และ Co-Living Space ให้ได้”

ในส่วนของเทรนด์เฟอร์นิเจอร์แบบตลาด สุชาดา สังเกตได้ว่าผู้ใช้งานหรือลูกค้ามีทางเลือกที่มากขึ้น มีความเป็นตัวของตัวเอง

สุชาดา ภัทรพลาพันธ์ การปรับตัวคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

“มีความรู้และมีการหาข้อมูล รวมไปถึงมีการใช้เวลาที่มากขึ้นในการตัดสินใจซื้อ เราจึงต้องออกแบบโดยที่เน้นไปที่การตอบโจทย์ด้านการใช้งานที่มากขึ้น ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุด และยังต้องสามารถสื่อความเป็นไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ด้วย”

ในส่วนของแนวโน้มที่อยู่อาศัยปัจจุบันนี้ ขนาดพื้นที่ทุกอย่างเล็กลงจะต้องปรับตัวตามอย่างไรนั้น เธอให้ความเห็นว่า

“ถ้ามองในแง่ดีการที่แนวโน้มที่อยู่อาศัยทุกอย่างเล็กลง แสดงว่าเศรษฐกิจในบ้านเรากำลังดีขึ้น เพราะแม้ว่าค่าแรงที่แพงขึ้นก็ตามมาจากการที่มีการขยับเขยื้อนทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น สำหรับที่อยู่อาศัยที่ทุกอย่างเล็กลงนั้น จริงๆ แล้วโดยพื้นฐานของการใช้งานแล้วไม่ถือกับว่ามีปัญหามากจนเกินไปนัก เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว คนไทยก็คุ้นเคยกับที่อยู่อาศัยที่มีขนาดพอเหมาะไม่กว้างจนเกินไปนัก

อีกทั้งปัจจุบันนี้ ด้วยเทคโนโลยีทุกวันนี้ที่เข้ามามีบทบาททำให้ทุกอย่างมีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน เล็กบาง มีความสลิม แต่ครบเครื่องตอบโจทย์ได้พร้อมสรรพ รวมไปถึงเทคโนโลยีไวไฟ ที่ทำให้ทุกอย่างเชื่อมต่อได้โดยไร้สายก็จะมาช่วยให้เราจัดการพื้นที่ในที่อยู่อาศัยได้อย่างเป็นประโยชน์มากขึ้นและมีข้อจำกัดที่น้อยลง

การปรับตัวตามเทคโนโลยีให้ทันและนำมาประยุกต์ หรือปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมการใช้งานของตัวเราเอง ก็จะช่วยให้สามารถอยู่ได้สะดวกและสบายมากขึ้น ในยุคที่ที่อยู่อาศัยมีขนาดเล็กลงก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือการปรับตัวในการทำงานให้ทันกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่า”

สุชาดา อธิบายเพิ่มเติมต่อไปว่ารูปแบบเฟอร์นิเจอร์จะเป็นอย่างไรนั้น คือ รูปแบบเฟอร์นิเจอร์นี่ต้องใส่ใจเรื่องพฤติกรรมการใช้งานเป็นหลัก เพราะคนยุคนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีทางเลือกมากมายในปัจจุบัน

“เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถ Integrate เข้ากับเทคโนโลยี ได้จะมาเป็นแนวทางใหม่ของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในยุคนี้ ยกตัวอย่างที่เห็นภาพที่สุดก็คือเรื่องของการ Charger ที่ในยุคนี้ทุกคนแทบจะใช้ Smartphone กันเกือบหมด และบางคนแทบจะใช้เป็นอวัยวะที่ 33 ที่ขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว แถมแบตก็ยังชอบหมดไว โทรศัพท์ในยุคนี้ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานแล้ว เพราะเราไม่ได้ใช้งานแค่โทรเพียงอย่างเดียว

ทุกคนที่มีโทรศัพท์มือถือก็จะต้องมีพาวเวอร์แบงก์หรือไม่ก็สายชาร์จติดตัวตลอดเวลา เลยเป็นที่มาของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่มีการรองรับการชาร์จให้สามารถใช้ได้อย่างสะดวกที่สุด เราจะเริ่มเห็นโซฟาบางตัวที่มีช่องสำหรับเสียบสาย USB หรือโคมไฟตั้งโต๊ะ หรือตู้ข้างเตียงที่มีฟังก์ชั่นการชาร์จมือถือหรือแท็บเล็ตพ่วงอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกได้ชัดเลยว่า เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในพฤติกรรมของมนุษย์ และเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนทำหน้าที่รองรับการใช้งานของมนุษย์จึงต้องพยายาม Integrate Technology ตามเข้าไปด้วยเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ได้สะดวกสบายที่สุด” เธออธิบายให้เห็นภาพอย่างชัดเจน

สำหรับในเรื่องของเทรนด์สีสันนั้น สุชาดา กล่าวว่าถ้าเอาตามของเทรนด์ในโลกที่ทาง Pantone ได้ประกาศออกมาเมื่อต้นปี 2018 สีที่จะมาแรงในปีนี้ก็คือสีม่วง Ultra Violet แต่ก็มีเฉดสีอื่นๆ ข้างเคียงก็จะเป็นไปในโทนสีที่สดใส แต่จะผสมความเป็น Metallic และจะอมสีเทา อยู่เล็กน้อย เพื่อไม่ได้ให้ดูสีสันแรงจนเกินไป

สุชาดา ภัทรพลาพันธ์ การปรับตัวคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

“อาจจะมีโทนสีที่เอามาใช้ด้วยกันได้อย่าง เทาดำชุบทองเบาๆ ดูคลาสสิกผสมผสานเข้าไปได้แบบกลมกลืน แต่ถ้ามองถึงประเทศไทย หรือมองถึงกลุ่มคนในยุค Millennium ดีกว่า ตามที่เราคุยกันมา คนยุคนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ดังนั้นไลฟ์สไตล์จะหลากหลาย และมีความชัดเจน

สีสันที่บ่งบอกถึงแต่ละไลฟ์สไตล์ก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นคนที่ชอบสไตล์ลอฟท์ ก็จะชอบสีสันจากวัสดุจริงๆ มากกว่า และเน้นความดิบไม่ต้องปรุงแต่งมาก โดยจะมีโทนสีออกเทาดำ คนที่ชอบสไตล์ Zen หรือ Minimal ก็จะเน้นไปทางสีขาว เส้นสายที่ดูเรียบง่ายและลายไม้ที่ดูชี้นำสายตาให้เกิดความสงบมีสมาธิได้ง่ายนิ่งๆ ร่มเย็นใจ

ต้องย้ำอีกทีว่ายุคนี้เป็นยุคของความเป็นตัวของตัวเองมากๆ (หัวเราะ) เป็นยุคแห่งการแสดงตัวตน สีสันเลยแยกกันตามความชอบของแต่ละคนซะส่วนใหญ่ แต่เฟอร์นิเจอร์สีขาวก็ยังขายดีที่สุดอยู่ดี ขาวดำถือเป็นสีแห่งอมตะนิรันดร์กาลไม่เคยตกยุค”

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์นั้น สุชาดา ชี้ชัดว่า ยังไปได้แม้อัตราการเติบโตจะลดลงจากเมื่อปีก่อนๆ แต่ก็ยังโตได้บ้าง และเธอมีเป้าหมายว่าจะพยายามให้ยอดขายของเธอติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งตอนนี้ติด 1 ใน 5

“แม้การทำงานจะไม่ง่ายเหมือนเมื่อตอนเริ่มมาทำงานใหม่ๆ ก็คงต้องมุ่งหน้าลุยงานต่อไป ด้วยความขยันอดทน ทุ่มเท จะหยุดนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะมีคนพร้อมจะวิ่งแซงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ”

ส่วนผู้บริหารที่ดี ในความเห็นของเธอนั้น ต้องเปิดกว้างมีความยืดหยุ่น รับฟังทีมงาน และส่งเสริมทีมงานในการได้คิดมีไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

สำหรับกิจกรรมยามว่างของเธอนั้น คือการท่องเที่ยว และช็อปปิ้ง เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน อีกทั้งยังชอบไหว้พระ ทำบุญอีกด้วย กับอีกบทบาทที่สำคัญคือการเป็นคุณแม่ของลูกชายวัยซนถึง 3 คน ซึ่งพยายามทำทุกหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด