posttoday

มุ่งมั่น สูตรสำเร็จ ภาณุพงศ์ ธนูถนัด

16 ตุลาคม 2561

นักธุรกิจหนุ่มที่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าตัวเลข

โดย...วราภรณ์ ผูกพันธ์

ผันตัวเองจากธุรกิจก่อสร้างมาเป็นดีเวลอปเปอร์เต็มตัว ภาณุพงศ์ ธนูถนัด ที่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าตัวเลข ปัจจุบัน ภาณุพงศ์ รั้งตำแหน่ง บิซิเนส ดีเวลอปเมนต์ ไดเรกเตอร์ บริษัท เวลธ์ ดีเวลลอปเปอร์ ทายาทคนโตของ วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งศรีราชา กับโครงการล่าสุดที่เขากับคุณแม่วันเพ็ญ ช่วยกันสานต่อคือ โครงการมาสเตอร์พีซชื่อ “The Zea Sriracha” (เดอะ ซี ศรีราชา) แลนด์มาร์คที่คนขับรถไปจากกรุงเทพฯ เข้าศรีราชา เป็นต้องเห็นตัวโครงการสูงสีขาวตัดสลับแดงเลือดหมู ตั้งตระหง่านบนพิกัดฮวงจุ้ยเศรษฐีบัลลังก์มังกร เพราะด้านหลังเป็นภูเขา 3 ลูก หนุนนั่งเป็นบัลลังก์ ด้านหน้าเป็นทะเล จึงไม่แปลกที่โครงการได้รับความสนใจจนปิดการขายอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ภาณุพงศ์ เปิดเพนต์เฮาส์ชั้น 38 สุดหรูให้สัมภาษณ์ถึงหลักคิดในการทำงานและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณแม่ และน้าชายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างผู้ล่วงลับ

ภาณุพงศ์ เล่าเกี่ยวกับโปรเจกต์แรกในวัย 30 ปี ที่เขาเข้ามาดูแลอย่างเต็มตัวฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ซึ่งงานอสังหาฯ กับงานก่อสร้างเขามองว่าเป็นเรื่องเดียวกัน งานอสังหาริมทรัพย์สิ่งที่แตกต่างคือ มาร์เก็ตติ้ง งานขาย และดีไซน์ต้องทำงานสอดประสานกัน และพลาดไม่ได้คือโลเกชั่นที่ดินโครงการแห่งนี้เป็นที่ดินที่คุณแม่ของเขาเฟ้นหาเก็บแปลงเล็กแปลงน้อยผสมกันมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งคุณแม่ร่วมกับน้องชาย ชูวงษ์ ที่ทำบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาก่อนแล้วค่อยๆ พัฒนามาเปิดบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยคุณแม่ของเขามอบหมายให้ลูกชายมาดูแผนพัฒนาธุรกิจทั้งหมด

“เดิมบริษัทของเราทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้างให้กับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เช่น บิ๊กซี รับงานคอนโด คิวเฮ้าส์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประกอบกับที่บ้านเราเล่นที่ เมื่อเรามีบริษัทก่อสร้างของเรา เรามีประสบการณ์ด้านอาคารสูง เราควรทำอสังหาฯ ของเราเอง เราจึงมีโครงการ เวลธ์ เดอะ ซี เป็นโครงการที่เราพัฒนาได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งผมค่อนข้างผูกพันกับศรีราชาเพราะก็เรียนหนังสือที่อัสสัมชัญ ศรีราชา แล้วค่อยไปเรียนต่อที่เมืองนอกและกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยเอแบคด้านการเงินที่เมืองไทย ด้วยคิดว่าจะทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ผมจึงเรียนปริญญาโทต่อด้านสถาปัตยกรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

มุ่งมั่น สูตรสำเร็จ ภาณุพงศ์ ธนูถนัด

กับโครงการ เดอะ ซี ศรีราชา แม้เป็นโครงการแรก แต่ด้วยการวิจัยทำการตลาดที่รอบคอบจึงทำให้โครงการจำหน่ายออกไปเกือบหมด เหลือแต่ในโซนของเพนต์เฮาส์ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโครงการ จะทำการเปิดห้องตัวอย่างให้ลูกค้าระดับลักซ์ชัวรี่ได้ชมเร็วๆ นี้ โดยสนนราคาต่อห้อง 60 ล้านบาท มีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น

“ก่อนมาสร้างโครงการ เดอะ ซี ก็มีโครงการอื่นๆ ในละแวกนี้บ้าง ก่อนทำโครงการเราก็มีไปศึกษาตลาดและอุปนิสัยผู้บริโภคในย่านนี้ ซึ่งที่ศรีราชามีชาวญี่ปุ่นเข้ามาอาศัยมาทำงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นลูกค้าผู้เช่าของเราส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ประกอบกับโชคดีที่ประเทศไทยประกาศระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเพื่อกระตุ้นให้ชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่นมาลงทุนเพิ่มที่ศรีราชา จนที่นี่ถูกขนานนามว่า ลิตเติ้ล โอซากา ทำให้เรากล้าสร้างคอนโดมิเนียมหรูที่นี่เพราะอย่างน้อยๆ คนกรุงเทพฯ นิยมมาซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศ วัยรุ่นนิยมซื้อคอนโดเป็นบ้าน และเราทำโครงการให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากที่สุดคือ โครงการของเรามีห้องอาหารอยู่ด้านล่าง เพราะการให้บริการหลังการขาย เราต้องคิดถึงการให้บริการลูกค้าด้วย จึงจำเป็นต้องมีห้องอาหารบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มเสร็จสรรพ เพราะเราจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย และมีชาวสิงคโปร์บ้างประปราย ส่วนใหญ่คนเช่าห้องเราจะเป็นทั้งญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อเมริกา อังกฤษ ซึ่งระยะแรกเราแปลกใจมากว่าทำไมคนญี่ปุ่นเยอะจัง เป็นเพราะส่วนหนึ่งย้ายจากพัทยามาอยู่ศรีราชา
เพราะโลเกชั่นตรงนี้เงียบสงบกว่า”

ในฐานะที่เขาคุมงานก่อสร้างเอง ซึ่งหมายถึงเรื่องของการควบคุมความปลอดภัย สร้างให้ได้ตามแบบและเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แต่การทำอสังหาฯ ต่อให้สร้างตามแบบเสร็จตามเวลาที่กำหนด ก็ไม่ใช่ว่าเราจะประสบคามสำเร็จ เพราะการขายได้อีกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่โจทย์ที่ผู้บริหารต้องตีให้แตกคือ ต้องรู้ว่าลูกค้าเขาคือใคร ทำแล้วต้องขายได้ เรื่องการทำการตลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น หากขายสินค้าลักซ์ชัวรี่ ต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร เราต้องทำอย่างไรให้เขาสนใจเข้ามาดู เมื่อลูกค้าเข้ามาแล้ว จะปิดการขายอย่างไร งานด้านการตลาดจึงเป็นงานที่สนุกและท้าทาย ที่สำคัญคือต้องทำอะไรที่แตกต่างจากคนที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กัน เช่น การสร้างความแตกต่างให้โครงการ ส่วนใหญ่คอนโดมิเนียมในศรีราชานิยมทำห้องเดี่ยว ก็เปลี่ยนมาทำ 2 ห้องนอน หรือ 3 ห้องนอนบ้าง เมื่อแตกต่างและสินค้าดีหากตั้งราคาพรีเซลที่ตารางเมตรละแสนก็ขายได้ เพราะสินค้าของเขาคือลักซ์ชัวรี่คอนโดแรกของศรีราชา เมื่อสินค้าดีตั้งอยู่ในทำเลที่ดีลูกค้าระดับบนก็พร้อมที่จะจ่าย เมื่อโครงการดีแล้วทีมงานก็ต้องดี โดยเขาใช้หลักบริหารลูกน้องและองค์กรที่มีขนาดเล็กแต่คุณภาพคับแก้วว่า การดึงผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาช่วยบริหารให้ จึงเกิดการให้บริการระดับมืออาชีพขึ้น

มุ่งมั่น สูตรสำเร็จ ภาณุพงศ์ ธนูถนัด

“ตัวบริษัท เวลธ์ ดีเวลลอปเปอร์ เรามีพนักงาน 10 คน ผมมองเป็นแต่ละโปรเจกต์ๆ ไป เราใช้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านจะดีกว่า เช่น งานขายใช้บริษัทที่เชี่ยวชาญ เลือกคนที่เก่งอยู่แล้ว มีความสามารถในการดึงลูกค้าได้ ให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลไป ทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายบิซิเนสดึงผู้รู้มาช่วยงาน ข้อดีที่จ้างมืออาชีพคือ ต่อให้เราไม่เคยทำโครงการมาก่อนก็จริง แต่งานทุกคนออกมาดูเป็นมืออาชีพ ลูกค้าสามารถจับต้องได้ เช่น การขาย การตลาด ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง การให้บริการหลังการขาย เรียกว่าบริหารได้คล่องตัวมากขึ้น” ด้วยเป็นบริษัทเล็ก แต่บริหารงานอย่างมืออาชีพ ภาณุพงศ์ ในฐานะเป็นผู้บริหาร เขามีหลักในการบริหารลูกน้องคือ การทำงานกันอย่างครอบครัวและอาศัยการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา

“ถ้าเรามีพนักงานเป็นร้อย แบ่งเป็นแผนก ก็คงต้องมีการบริหารอีกแบบ แต่เราอยู่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันมากกว่า เวลาลูกน้องมีปัญหา ส่วนใหญ่มาปรึกษาผมได้ทุกเรื่อง ถามว่าผมเป็นเจ้านายแบบไหน ส่วนตัวผมเป็นคนสบายๆ ผมไม่ได้
เจ้าระเบียบจ๋าอะไรมาก แต่ถ้าถึงเวลามีประชุม ต้องส่งงาน ที่ตกลงกันก็ต้องส่งงานให้ได้อย่างไม่บกพร่อง เพราะเราอยู่กันแค่ 10 คน เราจึงทำงานกันอย่างใกล้ชิด จึงง่ายที่จะสื่อสารกัน ถ้าสื่อสารได้ดี การทำงานก็ไม่มีปัญหา” ซึ่งหลักในการทำงานของเขา เขาได้เรียนรู้มาจากคุณน้าชูวงษ์ ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบที่ดีในการทำงาน และด้านการวางตัว เป็นต้น

“คุณน้าของผมเป็นคนที่มาทำงานทุกเช้า มาเร็ว และกลับคนสุดท้าย มีคนถามน้าว่าทำก่อสร้างรวยแล้ว ทำไมมาทำธุรกิจอย่างอื่นอีก น้าบอกว่าที่น้าทำงานหนักเพราะน้ารู้สึกสนุกกับการทำงาน น้าสอนผมเสมอว่าตื่นเช้ามาให้มองกระจกถามตัวเอง อยากไปทำงานไหม ถ้าใจเราตอบว่า ไม่อยากไป ไม่อยากทำ แปลว่า ตัวเองมีปัญหาแล้ว ต้องบอกว่าทั้งคุณน้าและคุณแม่ สองคนนี้ต่อสู้สร้างตัวเองมาจากไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นผมได้เห็นโลว์โมเดลที่ดีที่อยู่ใกล้ตัว จริงๆ สุดท้ายคำตอบไม่ได้มีอะไรมากมาย มุ่งมั่น ทุ่มเท ไม่ได้มีเคล็ดลับอย่างอื่นครับ ซึ่งตอนผมทำงาน ผมทำงานใกล้ชิดและสนิทกับคุณน้ามากกว่า” การทุ่มเททำงาน และการได้ตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นเก่า ทำให้เด็กๆ รุ่นใหม่สานต่องานได้ง่ายขึ้น

“อย่างที่บอก ตอนเด็กทางบ้านไม่ได้มีฐานะมาก นอกจากทุ่มเท คุณน้าบอกว่าให้ทำสิ่งที่ชอบ อย่างเช่น เมื่อก่อนธุรกิจที่บ้านทำกงเต๊ก ประกอบไม้ กระดาษปะเป็นบ้าน แล้วก็ขาย เอากระดาษเผา อากงทำเป็นร้านเล็กๆ ทำเองกับมือ คุณน้าชูวงษ์ช่วยทำงานที่บ้าน ตัด ปะ แปะ โตขึ้นน้าอยากเป็นวิศวกรจะได้สร้างบ้านจริงๆ ขาย น้าก็เลยมาเรียนทางวิศวกร รับเหมาก่อสร้าง ร่วมหุ้นทำบริษัทก่อสร้างกับคุณแม่ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งผมเห็นตรงนั้นตั้งแต่เด็ก คิดว่าโตมาอยากร่วมหุ้นสร้างบ้าน น้าก็บอกผมให้ทำอะไรที่ตัวเองชอบ ความฝันของน้าตั้งแต่เด็ก เป็นวิศวกร รับสร้างบ้าน ผมจึงยึดว่า เราทำอะไร เอนจอยกับมัน ทำงานแล้วก็ต้องรู้สึกสนุกกับการทำงานได้ อีกเรื่องหนึ่ง เราก็เป็นคนละเจเนอเรชั่นกันนะ ผมก็เชื่อว่า สิ่งที่น้าทำ น้าคิดถูกต้องแล้ว แต่ยุคต่อมาอาจทำได้ไม่เข้มข้นเท่าของน้า ผมมองว่าอย่างน้อยทำเราได้ 50% ของน้าก็ถือว่าโอเคแล้ว อย่างน้อยการเริ่มต้นของเราก็ไม่ได้เหมือนที่น้าเริ่มต้นมา อันนั้นจะยากมาก”