posttoday

เอกชยา สุขศิริ แทรกตัวอยู่ในขุนเขา (กับเพื่อนรู้ใจ)

23 กันยายน 2561

บรรณาธิการสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่ง แต่วันนี้คือเรื่องเล่าของชีวิตอีกด้านที่ไม่วิ่งเร็วจี๋ ชีวิตอีกด้านที่ไม่วุ่นวาย ชีวิตอีกด้านที่น่าพิสมัยไม่น้อย

เรื่อง/ภาพ วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ธัญลักษณ์ ชาวบ้านเกาะ

หน้ามือเป็นหลังมือหรือไม่ ก็อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น หลายคนที่รู้จัก “เอกชยา สุขศิริ” บรรณาธิการสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่ง อาจรู้จักเขาดีอยู่แล้วจากเค้าลางและความเป็นตัวตนของ บก.หนุ่ม แต่วันนี้คือเรื่องเล่าของชีวิตอีกด้านที่ไม่วิ่งเร็วจี๋ ชีวิตอีกด้านที่ไม่วุ่นวาย ชีวิตอีกด้านที่น่าพิสมัยไม่น้อย

เอกชยาเล่าให้ฟังถึงอีกด้านหนึ่งของชีวิต เขาเล่าว่าคงต้องเริ่มต้นจากชีวิตตอนเด็ก ซึ่งเติบโตขึ้นมากับคุณยาย คุณยายเป็นชาวสวนเมืองนนท์ จ.นนทบุรี ด้านคุณย่าเป็นชาวไร่ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เวลาเปิดเทอมก็เรียนหนังสืออยู่ที่สวนเมืองนนท์ ช่วยคุณยายทำสวน พอถึงช่วงปิดเทอมก็ไปช่วยคุณย่าทำไร่ที่เขาใหญ่

“ไปช่วยงานที่เขาใหญ่ ปากช่อง ทุกๆ ปิดเทอม ไปช่วยย่าทำไร่ เปิดเทอมก็ช่วยยายทำสวน โตขึ้นมากับวิถีแบบเกษตรกรรมรุ่นเก่า” เอกชยาเล่า

ทุกวันนี้ทำงานสื่อสารมวลชน แวดล้อมอยู่ด้วยออฟไลน์และออนไลน์วิถี หากแท้ที่จริงแล้วเอกชยามีรากจากชีวิตดั้งเดิมและพืชผลทางการเกษตร การขุดดิน การเก็บผัก การปลูกผักปลูกผลไม้ ทุกอย่างเหล่านี้ล้วนอยู่ในตัวเองมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ช่วงอุดมศึกษาขาดหายไปบ้างเพราะการเล่าเรียนที่ต้องมุ่งมั่น

“เราถวิลหาสโลว์ไลฟ์ คือคำว่าหลงลืมนะ ต้องใช้คำนั้น จากช่วงเรียนหนังสือก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ก็ยิ่งห่างหาย เพราะเลือกทำงานสื่อ โดยตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา 24 ปีเต็ม ก็หลงลืมไป”

กลับมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบจริงจัง ก็เมื่อถึงคราวตะวันตกดินของสื่อสิ่งพิมพ์ ก็คิดว่าควรกลับไปหารากของตัวเองได้แล้วล่ะ กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่เขาใหญ่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเปิดร้านอาหารที่เขาใหญ่ ชื่อร้าน ดี.เอ.ดี. คำย่อของ เดียร์แอนด์โด คาเฟ่ (deer and doe cafe) ตั้งอยู่ริมถนนธนะรัชต์ แล้วก็ปลูกบ้านหลังเล็กๆ ในพื้นที่ของตัวเองขึ้นที่นั่น

เอกชยา สุขศิริ แทรกตัวอยู่ในขุนเขา (กับเพื่อนรู้ใจ)

ได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า ตื่นเช้าขึ้นมา พาสุนัข 2 ตัวเดินเล่นในไร่ ไร่ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา โอบล้อมด้วยภูเขา บอกตัวเองว่าจะทำไร่ และได้บอกกับญาติผู้ใหญ่คือคุณอาว่าจะทำไร่ เรื่องของเรื่องคือใช้จริตของคนเมืองคิด คุณอาท้าทายว่า ขอให้ลองทำไร่ที่ผืนหน้าบ้านแปลงเล็กๆ ลองทำแค่นี้ ดูตรงนี้ก่อน

“เราทำไร่แบบจริตคนเมือง กั้นเขต ทำรั้วคาวบอย ลงทุกอย่างที่อยากกิน ทุเรียน มะม่วง มะยงชิด มะปราง เช้าขึ้นก็จับจอบจับเสียม ลงผลไม้ ยกแปลงเป็นอิฐตัวต่อ ทำให้สวย มีความสุขมาก เพียงแต่เอาเข้าจริง เราปลูกตอนหน้าแล้ง พอหน้าฝน เราต้องยอมแพ้ให้แก่หญ้า หญ้าท่วม (ฮา)”

ต่อมาเอกชยากลับมาทำงานสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับใหม่ เขาทำงานในกรุงเทพฯ ช่วงวันจันทร์-วันศุกร์ และวันเสาร์-อาทิตย์ก็กลับไปใช้ชีวิตที่เขาใหญ่ ถามถึงสโลว์ไลฟ์ ณ โมเมนต์นี้ เอกชยาตอบว่า ยากในชีวิตจริง แต่ก็ยังอยู่ในความพยายาม ขณะที่กำลังพูดอยู่นี้ก็ยังมองไม่เห็นต้นทุเรียนที่ปลูกไว้เลย เพราะดายหญ้าไม่ไหว เป็นสโลว์ไลฟ์ที่พ่ายแพ้ต่อหญ้า

อย่างไรก็ตาม ก็ยังอยู่ในแผนระยะยาวของชีวิต มองไปยาวๆ ไกลๆ ชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบบ้านไร่บ้านนา ก็เชื่อว่าจะยังรอคอยอยู่ที่นี่ และจะต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แน่ ปัจจุบันแปลงที่ดินหน้าบ้านให้หญ้าช่วยปกคลุม ส่วนร้านอาหารให้น้องสาวช่วยดูแล ทั้งในระยะยาวมีแผนจะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย

“แผนสโลว์ไลฟ์ ที่คงไม่ใช่ไร่เพียวๆ แต่เราจะทำฟาร์มกวาง ต้องการจะเลี้ยงกวางให้สมกับชื่อร้านเดียร์แอนด์โด แถวนั้นไม่มีใครเลี้ยง ก็คิดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวได้ ให้อาหาร ถ่ายรูป น่ารักๆ อันนี้เป็นแผน 5-6 ปีข้างหน้า”

ปัจจุบันขณะคือ ตั้งแต่วันศุกร์ช่วงเย็น-วันจันทร์ช่วงเช้า ก็ได้เป็นช่วงเวลาแห่งการรีชาร์จตัวเอง เหนื่อยกับงานกลับไปให้ภูเขาโอบกอด ชาวบ้านและเพื่อนบ้านก็น่ารักมาก หลายคนรู้จักพ่อ รู้จักย่า ก็จะเดินมาทักทายเลยว่า เคยทำงานกับย่านะ เคยดายหญ้าให้ย่านะ

“คุณอาซึ่งอยู่ที่นี่ ช่วยแนะนำว่า เพื่อนบ้านที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพฯ นะ ต้องยิ้มให้เขาก่อน ต้องทักทายเขาก่อน ทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน มิติความผูกพันที่น่าซาบซึ้งใจ”

สำหรับชีวิตที่นี่ เอกชยาเลี้ยงสุนัข ชื่อ “เขาใหญ่” ตัวผู้ พันธุ์ผสม ไซบีเรียน-ไทย อีกตัวชื่อ “ค้ำคูณ” สุนัขพันธุ์ลาบราเดอร์ ตัวเมีย นอกจากนี้ก็มีแมวจร ชื่อ “ที่ดิน” แมวน่าสงสาร มาขอข้าวกินที่ร้านอาหาร จากนั้นหายไปร่วม 2 อาทิตย์ กลับมาแข้งขาเสีย เดิน 3 ขา ถ้าปล่อยเอาไว้ ก็จะเดินแบะๆ และจะยิ่งเน่า เลยรับรักษาและรับอุปการะเสียเลย

เอกชยา สุขศิริ แทรกตัวอยู่ในขุนเขา (กับเพื่อนรู้ใจ)

แมวอีก 2 ตัว คือ “กัปตัน” กับ “โอเชียน” แมว 2 ตัวพันธุ์อเมริกัน ชอร์ตแฮร์ ที่มีแฟนเพจของตัวเอง : พี่ก็แมวน้องก็เหมียว กัปตันและโอเชียนนี้ อยู่ด้วยกันกับเอกชยาตั้งแต่กรุงเทพฯ เมื่อย้ายมาอยู่เขาใหญ่ก็ย้ายมาด้วย ปรากฏว่าตอนย้ายกลับกรุงเทพฯ ไม่ได้เอากลับ ซูเปอร์สตาร์ 2 ตัว ผ่ายผอมลงๆ จนล่าสุดผอมมาก กระทั่งต้องตัดสินใจวันนั้น ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯ

เอกชยา สุขศิริ แทรกตัวอยู่ในขุนเขา (กับเพื่อนรู้ใจ)

“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว กลับมาอยู่ได้ 2 เดือนแล้ว อ้วนเหมือนเดิมแล้ว มันคิดถึงเรา รู้เลยว่ามันคิดถึงเรา ตัดสินใจเอามาเดี๋ยวนั้นเลย”

อ้อ ตอนนี้มีแมวเขาแหลมอีกตัวที่มาอยู่ด้วย มันเป็นแมวอยู่ติดที่ดิน มาขออยู่ด้วย หายไป 2 เดือน เพิ่งกลับมาได้ 2 อาทิตย์ ตอนแรกได้กลิ่นซากศพลอยมา ก็คิดว่าเขาแหลมคงเสียชีวิตไปแล้วแน่ แต่เขาแหลมก็กลับมาในสภาพสุดเยิน แต่แน่นอนที่มันยังมีชีวิตอยู่

“ดูแล” เพิ่งได้มา วันหนึ่งหมาเขาใหญ่เห่าไม่หยุด ออกไปดูก็เจอดูแลนอนตัวสั่นอยู่หน้าบ้าน ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็น “เพื่อนรู้ใจ” ของเอกชยา และทำให้ชีวิตบ้านไร่ของเขาสมบูรณ์ทั้งความรักความสุข ความห่วงหาอาทร จากเพื่อนแมวหมา 4 ขาบ้าง 3 ขาบ้าง

เอกชยาเล่าว่า ถ้าอยู่ไร่ก็จะทำอาหารกินเอง และเป็นเชฟเองสำหรับที่ร้าน โดยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็จะลุยทำอาหารสนุก มันมีความสุข ที่คนชมว่า เราทำอาหารได้อร่อย เจ้าตัวเป็นคนชอบกิน ก็จะรู้ว่าอะไรอร่อยและทำยังไงให้อร่อย อาหารไทยทำยังไง ที่นี่โขลกพริกแกงเอง พริกแกงเขียวหวาน แกงเหลือง ซื้อจากตลาดไม่อร่อย (อ่ะ) น้ำพริกบางอย่างต้องมีส่วนประกอบถึง 18 อย่าง แกงที่ร้าน โขลกเอง ถึงเครื่อง เคล็ดอยู่ที่ตรงนี้ ได้ชื่อว่าเป็น “ตัวพ่อพริกเผ็ด” ซิกเนเจอร์ที่โด่งดังคือ ส้มตำกะปิ แกงเหลือง แกงป่าเขาใหญ่เครื่องทะเล

จากชีวิตที่วิ่งวุ่น ต้องปรับตัวต้องยุ่งต้องกลายเป็นชีวิตที่ถูกบีบด้วยเงื่อนไขของเวลา แต่พอช่วงสุดสัปดาห์ก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่ง เออหนอ...เร็วที่สุดกับช้าที่สุดก็อยู่ด้วยกันได้ เติมเต็มด้วยเพื่อนรู้ใจที่ชักจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตที่พอใจ ชีวิตที่สามารถได้แอบไปแทรกตัวอยู่ในขุนเขาเป็นครั้งคราว ได้ทำร้านอาหารที่ชอบ ได้อยู่กับเพื่อนรู้ใจ (4 ขา) แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

สำหรับใครที่อยากกินอะไรแซ่บสุดแซ่บ พริกสุดพริก ตามไปกินได้ที่ ดี.เอ.ดี. โทร.08-6954-5656 หรือติดตามแฟนเพจ ดี.เอ.ดี. ตัวพ่อพริกเผ็ด