เดินเร็ว เพิ่มความฟิต
เคล็ดลับการเดินเพื่อสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง เดินอย่างไรให้ผอมให้ดีต่อสุขภาพ
เรื่อง กั๊ตจัง ภาพ pixabay
การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่สามารถแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไม่ยาก แต่หลายคนก็แย้งว่าฉันก็เดินมาตั้งเยอะไม่เห็นจะผอมลง ซึ่งวันนี้มีเคล็ดลับการเดินเพื่อสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง เดินอย่างไรให้ผอมให้ดีต่อสุขภาพมาฝากกัน
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ระบุว่า การเดิน 15 นาที จะช่วยลดความกังวลและความเครียดได้ดี การเดินทำให้มีการหลั่งสารเคมีในสมองที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังทำให้ใจสงบและอารมณ์ดี ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเวลาที่เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ จิตใจจะสงบ บางคนก็ชอบเดินคิด บางคนก็ชอบเดินเล่นแถวบ้านเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง
ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเดินอีกอย่างหนึ่งว่า การเดินที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด คือ การเดินเร็ว แค่เดินเร็ววันละครึ่งชั่วโมง ร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนที่เดินน้อยหรือเดินช้าถึง 28 เปอร์เซ็นต์ ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลงได้ 30 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น ลดไขมันสะสมในร่างกาย และสร้างความแข็งแรงให้แก่มวลกระดูก
ดังนั้น อย่าดูแคลนเรื่องการเดินเร็ว ชาวญี่ปุ่นที่มีสุขภาพที่แข็งแรงอายุยืน เหตุผลอาจไม่ใช่แค่สภาพอากาศและอาหารกิน แต่ยังมีเรื่องของการเดินเร็ว จากชีวิตประจำวันที่ต้องการความเร่งรีบก็เป็นไปได้
แต่การเดินก็ต้องการท่วงท่าที่ถูกต้องถึงจะส่งผลดีอย่างเต็มที่ การเดินที่ดีต้องเดินตัวตรง เชิดคางขึ้นให้ขนานกับพื้น อาจจะดูหยิ่งๆ ไปสักหน่อยแต่ดีต่อร่างกาย เดินเร็วด้วยความเร็วคงที่ ในระดับที่สามารถพูดกับคนข้างๆ ที่เดินเร็วด้วยกันได้แบบไม่หอบเหนื่อยหายใจไม่ทัน
ไม่ต้องก้าวเท้ายาวเกินไป แต่ก้าวตามปกติหรือยาวกว่านิดหน่อยตามธรรมชาติของการเดินเร็ว เพียงแค่เพิ่มความเร็วในการก้าวเท้าขึ้นเท่านั้น ไม่จำเป็นอย่างถือของหนัก ถ้าต้องถือของหนักควรเลี่ยงการเดินเร็ว เพราะจะทำให้ร่างกายไม่สมดุลและพลาดจนเกิดการบาดเจ็บได้
การเดินออกกำลังกายสามารถฝึกตามโปรแกรมประจำสัปดาห์ ดังนี้ วันจันทร์เดินช้าๆ ตามสบาย 30 นาที ให้ได้ 2 กม. วันพุธเดินเร็วปานกลาง 30 นาที ให้ได้ 3 กม. และวันศุกร์เดินเร็วเต็มที่ 30 นาที ให้ได้ 3.5 กม.
สำหรับคนที่ต้องการออกกำลังด้วยการเดินอย่างเต็มที่ สามารถเริ่มต้นจากการเดินเร็วประมาณ 10 นาที สลับด้วยการวิ่งเหยาะๆ 1 นาที สลับกันไปมา ให้ได้ระยะทางมากน้อยตามสภาพของร่างกาย อย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์
ในแต่ละวันที่ออกกำลังกายให้เพิ่มระยะเวลาในการวิ่งให้มากขึ้น จนวิ่งได้นานกว่าเดิม เช่น จาก 30 วินาที เป็น 60 วินาที แบบนี้สลับกัน เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ จะพบว่าสามารถวิ่งออกกำลังกายได้ 30 นาที โดยไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป การเดินแค่ 30 นาทีแบบนี้สามารถเผาผลาญแคลอรีได้สูงถึง 220 แคลอรี เลยทีเดียว
หากต้องทำงานออฟฟิศ แล้วไม่อยากให้มีเหงื่อซึมก่อนเข้าทำงาน ก็เปลี่ยนการเดินเร็วออกกำลังกายเป็นช่วงเย็น ในระหว่างวันให้เดินขึ้นลงบันไดรวม 15 นาที ฟังดูเหมือนจะนานและเหนื่อย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วแค่เปลี่ยนการเดินเข้าห้องน้ำจากชั้นที่ทำงานอยู่เป็นชั้นที่สูงขึ้นตลอดทั้งวัน เดินไปกลับก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาทีแล้ว
การขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิกช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา และสะโพกให้กระชับยิ่งขึ้น หรือวันหยุด การเดินเร็วเที่ยวในศูนย์การค้าก็เป็นการออกกำลังที่เพลิดเพลินอย่างยิ่ง แต่ให้ระวังเรื่องอาหาร
เพราะยิ่งเดินไกลอาจหิวได้ง่าย และพลาดไปรับประทานของหวาน อาหารประเภทผัด ทอด โดยขาดความยับยั้งชั่งใจ แคลอรีทั้งหมดที่เผาผลาญไปจะได้กลับคืนมาด้วยไอศกรีม 1 ถ้วยเท่านั้น
เนื่องจากการเดินเร็วไม่ได้ทำให้ร่างกายต้องรับแรงกระแทกมาก เมื่อเทียบกับกิจกรรมอย่างอื่นเช่น การวิ่งและแอโรบิก ไม่เหนื่อยมากนักแต่เผาแคลอรีได้ดี จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย
วันนี้คุณลองเดินเร็วดูบ้างหรือยัง?