posttoday

ฉัตรชัย+เรืองยศ มหาวรมากร ต่างขั้วแต่รู้ใจกัน

04 สิงหาคม 2561

เวลาที่ผมออกไปเปิดธุรกิจใหม่ให้กับครอบครัวมันมีความท้าทายมีความเสี่ยงสูง แต่ผมไม่เคยรู้สึกกลัวเลย

โดย โยธิน อยู่จงดี ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

“เวลาที่ผมออกไปเปิดธุรกิจใหม่ให้กับครอบครัวมันมีความท้าทายมีความเสี่ยงสูง แต่ผมไม่เคยรู้สึกกลัวเลย เพราะผมรู้ว่าพี่ชายผมที่อยู่ข้างหลังจะเป็นปราการชั้นดีจะทำให้ธุรกิจของครอบครัวดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง” เรืองยศ มหาวรมากร พูดถึงพี่ชาย ฉัตรชัย มหาวรมากร ในมุมมองที่เต็มไปด้วยความรักและเคารพ

ทั้งสองคนคือผู้บริหารบริษัท เอสซีพีวัน โลจิสติกส์ รีแบรนด์มาจากชื่อบริษัทเดิมคือ สมชัยปักษ์ใต้ เพื่อให้ลูกค้าได้รู้ว่าปัจจุบันบริษัทนี้ไม่ได้รับงานเฉพาะภาคใต้อีกต่อไป แต่พร้อมที่จะขนส่งสินค้าไปทั่วประเทศด้วยมาตรฐานระดับสากล ฉัตรชัย เล่าถึงงานในบริษัทของเขาว่า

“แต่เดิมทีเป็นธุรกิจของคุณพ่อที่เริ่มมาจากการร่วมทุนกับบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพื้นเพในการบริการขนส่ง 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่เป็นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เราทำมาเรื่อยๆ จนคุณพ่อเริ่มซื้อหุ้นบริษัทมาทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นธุรกิจของครอบครัวในชื่อ สมชัยปักษ์ใต้ เรามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างมากในเรื่องการขนส่งสินค้าจากกรุงเทพฯ ลงภาคใต้ และภาคใต้ขึ้นกรุงเทพฯ

ฉัตรชัย เล่าต่อว่า คุณพ่อบริหารกิจการจนประสบความสำเร็จด้วยเวลาที่รวดเร็วอย่างมาก จนท่านเกษียณตัวเองตอนอายุ 50 ปีแล้วปล่อยให้เขาเข้ามาบริหารดูแลเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน โดยมีคุณพ่อคอยดูอยู่เบื้องหลังให้คำแนะนำ

“ผมจึงเรียนรู้การทำงานในแบบเจเนอเรชั่นเก่า แต่ก็รู้จักการทำงานแบบเจเนอเรชั่นใหม่เหมือนกัน เรียนรู้ตั้งแต่งานระดับล่างไปจนถึงงานบริหาร รู้ว่าคนรุ่นก่อนคิดอย่างไรและคนรุ่นใหม่คิดอย่างไร และแน่นอนว่าความสำเร็จของคุณพ่อก็เหมือนกับการตั้งธงเส้นทางและ
รูปแบบความสำเร็จในแนวทางของท่านเอาไว้

เวลาที่เราคิดอะไรออกนอกกรอบนอกรูปแบบที่ท่านเคยรู้ ท่านก็จะคิดว่ายังไม่ใช่ ควรทำแบบนั้นแบบนี้มากกว่า ซึ่งเราก็เข้าใจ และพยายามค่อยๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารการทำงานให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปให้มากที่สุด โดยที่ยังสามารถทำงานกับคนรุ่นเก่าได้

ฉัตรชัย+เรืองยศ มหาวรมากร ต่างขั้วแต่รู้ใจกัน

เราเองก็ลองผิดลองถูกจนมีประสบการณ์ความรู้ความชำนาญ จนท่านมั่นใจว่าสามารถดูแลกิจการต่อได้ จึงเริ่มวางมือให้เข้ามาดูแลกิจการเต็มตัวกับน้องชาย”

จนกระทั่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ฉัตรชัยได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างชัดเจน รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป คู่แข่งมากขึ้น แข่งขันกันเร็วขึ้น จากยุคที่ใช้การยื่นซองประมูลงาน เปลี่ยนมาเป็นการแข่งขันเสนอราคา มีเจ้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดคนที่ไม่คิดว่าจะเป็นคู่แข่งก็กลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญ จึงทำให้ 2 พี่น้องเห็นตรงกันว่าธุรกิจของตระกูลที่สืบทอดกันมา 40 ปีควรได้รับการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เรืองยศ เสริมพี่ชายต่อว่า

“เราคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานในบริษัทบางอย่างให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป สมัยก่อนเมื่อ 40 ปีที่แล้วโลกหมุนช้า คนทำธุรกิจโลจิสติกส์สมัยก่อน คืออยู่กับที่แล้วจะมีลูกค้าวิ่งเข้าหากันเอง แต่สมัยนี้ไม่ได้แล้ว คนทำธุรกิจโลจิสติกส์เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาลูกค้า สมัยก่อนการติดต่อธุรกิจใช้วิธียื่นซองเสนอราคา แต่ปัจจุบันแข่งขันด้วยการบิดเสนอราคา การแข่งขันสูงขึ้น โลกหมุนเร็วขึ้นเราจึงทำธุรกิจแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป

ธุรกิจของเราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก่อนเรารับงานในเส้นทางภาคใต้ แต่ปัจจุบันเราขยายเส้นทางการให้บริการไปสู่ภาคอื่นๆ เรามีความรู้ ประสบการณ์ และความชำนาญในการทำธุรกิจนี้มากกว่า 40 ปี แต่เวลาที่เราไปเสนองานให้ลูกค้าเห็นชื่อ สมชัยปักษ์ใต้ ก็มักจะคิดไปก่อนว่าเราเก่งเฉพาะภาคใต้

ทั้งที่จริงแล้วเราส่งได้ทั่วประเทศ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น เอสซีพี วัน โลจิสติกส์ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าเราสามารถให้บริการได้ทั่วประเทศ เป็นการทำพาบริษัทก้าวไปอีกระดับที่มีความท้าทายมากขึ้น”

ฉัตรชัย เล่าถึงการทำงานของทั้งคู่ว่า ในการทำงานของทั้งสองคน ตัวเขาจะเป็นคนอยู่หลังบ้านทั้งหมด พูดคุยกับลูกน้อง จัดการเรื่องภายใน แบบสไตล์เถ้าแก่

ฉัตรชัย+เรืองยศ มหาวรมากร ต่างขั้วแต่รู้ใจกัน

“ผมจะเป็นคนดูและจัดการทั้งหมด ส่วนเรื่องการบริหารติดต่อกับลูกค้าข้างนอก มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ผมจะให้น้องชายเป็นคนดูแล บอกตามตรงว่าผมเองค่อนข้างจะทำงานอยู่ในกรอบอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ทำไปตามนั้น เปลี่ยนแปลงเท่าที่จำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ได้แสวงหาความรู้ใหม่ๆ นะ

แม้จะอยู่ในกรอบ แต่ผมก็ยังติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกเสมอ มีสิ่งใหม่ให้ลองใช้ผมก็ใช้ มีแนวทางเทคนิคใหม่ๆ ในการทำงานก็ลองศึกษาลองใช้ดู แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เหมาะกับเรา ก็ต้องเลือกเหมือนกันใช้เฉพาะที่คิดว่าดีที่สุด ที่จะสามารถดำเนินธุรกิจของครอบครัวให้แข็งแรงต่อไปได้

ในขณะที่น้องชายผมมีศักยภาพที่สูงมาก สามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา และเป็นไอเดียที่มีความเป็นไปได้จริง กล้าคิด กล้าทำ กล้าลุย จะติดก็เรื่องเดียวก็คือเรื่องใจร้อน และทำงานไม่ค่อยละเอียด ชอบดูในภาพรวมของธุรกิจมากกว่าลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ที่สำคัญเขามีคอนเนกชั่นสูงในการติดต่อธุรกิจ ในขณะที่ผมเองปีหนึ่งแทบจะไม่เคยได้เจอเพื่อนๆ เลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ดังนั้นผมจึงมั่นใจที่จะให้เขาได้ดำเนินธุรกิจไปตามที่เขาคิดว่าดีต่อธุรกิจของครอบครัว ส่วนผมจะเป็นหลังบ้าน เวลาเจ็บก็ยังกลับมาได้ ดังนั้นภาพใหญ่ผมจะให้น้องชายเป็นคนดูแล ผมเชื่อว่าเขาทำได้ดีในจุดนี้”

เรืองยศ เปิดใจถึงพี่ชายที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังว่า

“พี่ชายสำหรับผม เขาเป็นพี่ชายที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจมาก ทุกครั้งที่ผมจะออกไปทำธุรกิจใหม่ๆ เปิดทางใหม่ๆ ผมจะคุยกับพี่ชายตลอดว่าดีไหม พี่ผมก็เปิดโอกาสให้ผมตลอด ส่วนตัวเขาดูหลังบ้านการเงิน การบริหารจัดการคนที่ดีมากๆ ผมมั่นใจในตัวพี่ชายผมมากไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่เอาอยู่ได้แน่นอน

มันเป็นการทำงานที่มีเคมีตรงกัน แม้ไลฟ์สไตล์จะต่างขั้วกันมากก็ตาม แต่ผมคิดว่าการที่เราเหมือนกันคิดเหมือนกันไม่มันไม่สนุก ต้องมีสองขั้วมาถ่วงสมดุลกันไม่สุดโต่งแบบผม และไม่อยู่ในกรอบ

สิ่งหนึ่งที่เราคิดเห็นตรงกันมากที่สุด ก็คือเรามองเรื่องความสุขในองค์กรเป็นหลัก เน้นความโปร่งใสไม่กลัวปัญหา มีความเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนคนในครอบครัว เหมือนกับชื่อ เอสซีพี วัน ที่หมายถึงความเป็นหนึ่งที่อยากจะสื่อออกไปให้ทุกคนได้รู้จัก”