posttoday

My Collection สไตล์ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’

21 กรกฎาคม 2561

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการไล่ตามความฝันครั้งวันวาน จนกลายเป็นของสะสมอันทรงคุณค่าตามแบบฉบับ จิรายุ ห่วงทรัพย์

โดย ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการไล่ตามความฝันครั้งวันวาน จนกลายเป็นของสะสมอันทรงคุณค่าตามแบบฉบับ จิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง และอดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก่อนจะเปิดห้องทำงานซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวที่บ่งบอกสะท้อนความเป็นตัวตน

จิรายุ บอกว่า ห้องทำงานนี้เกิดจากความชื่นชอบรถตั้งแต่เด็กๆ เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีชีวิต ความหมายคือ มันพูดสื่อสารได้ ยกตัวอย่างรถหนึ่งคันไม่ใช่มีแค่ล้อรถหรือตัวถัง แต่เป็นการออกแบบของคนนับร้อยเข้าไปดีไซน์ จนออกมาเป็นรถหนึ่งคันให้ได้ขับ

จิรายุ เล่าต่อว่า เมื่อได้เข้าวงการสื่อสารมวลชน โดยประจำอยู่สายเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จึงมีโอกาสถูกเชิญให้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อทดสอบรถยนต์ และได้มาเขียนคอลัมน์ทดสอบรถ ประมาณปี 2534-2535 กระทั่งได้ขึ้นเป็นบรรณาธิการหน้าการตลาด

“จากนั้นผมเริ่มเก็บทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะของเกี่ยวกับรถเท่านั้น ผมเก็บตั้งแต่ อาทิ บัตรนักข่าว นามบัตร เครื่องอัดเสียงเป็นแบบตลับเทป กล้อง ของที่ไปทำข่าวทุกชิ้น ซึ่งสมัยก่อนบริษัทจะให้ของชำร่วยเล็กๆ และของแต่ละชิ้นมีการคิดมาก่อน จะทำให้เราผูกใจรักกับผลิตภัณฑ์เขาได้อย่างไร และสมัยนั้นเป็นการออกแบบให้ใช้งานได้ เช่น ปากกาดีไซน์รถ ก็เก็บมาตลอด” จิรายุ เล่าพลางอมยิ้ม

My Collection สไตล์ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’

กระทั่งเขาได้มาเริ่มแข่งรถและทำธุรกิจเกี่ยวกับรถมาตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้สื่อข่าว โดยรับจัดแข่งแรลลี่ ทำรายการวิทยุ จนมีรายได้เสริมเติบโตขึ้นมา

“พอไปเจออะไรก็แล้วแต่ ที่คิดว่ามันใช่ก็ซื้อหมด แม้มีครอบครัวมีลูก พอลูกอายุ 1 ขวบ แล้วเล่นรถสักคันก็เก็บ กระทั่งรองเท้าใส่ปั่นจักรยานของลูก จักรยานลูก เก็บหมด จนภรรยาบ่นว่าเก็บทำไมให้รกบ้าน (หัวเราะ) แต่ที่เก็บเพราะรู้สึกว่ามีคุณค่า จึงเป็นที่มาของห้องนี้”

นอกจากนี้ ยังมีเบาะรถแข่ง เวลาทำรถแข่งซึ่งที่ผ่านมือมาจริงๆ 7 คัน ทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นตัวรถ เขาเอากลับมาไว้บ้านหมด เช่น ตัวจับระยะ เบาะ พวงมาลัย ถุงมือแข่งรถ ล้อแม็ก แป้นเบรก หน้าปัด รองเท้า ชุดแข่ง เป็นความทรงจำที่เห็นได้ตลอด มันอาจเป็นเรื่องทั่วๆ ไปของผู้ชายที่ชอบรถ หรือผู้หญิงอาจชอบตุ๊กตา ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อชอบแล้วลงไปให้ลึก จะเห็นว่างานแต่ละชิ้นที่ถูกออกแบบ ทำให้ได้ปัญญามาก ไอเดีย ความคิด ความสนุก สีสันของมัน

“ห้องนี้มันทำให้เรามองเห็นความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาคิดอะไรไม่ออก ผมก็จะเดินไปดูงานสักชิ้นหนึ่ง คิดได้ยังไงกว่าจะออกแบบมาให้เราชอบได้ เช่น ที่วางโทรศัพท์ดีไซน์รูปรถ เราอยากได้ก็ซื้อ หรือไปงานเขาแจกมา ก็จะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

My Collection สไตล์ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’

และหากถามว่าชอบที่สุดในห้องนี้ พูดตรงไปตรงมายังหาคำตอบไม่ได้ เพราะมันเป็นที่สุดทุกอย่าง และของที่เพิ่งได้มาเร็วๆ นี้ก็เป็นโมเดลรถมินิคูเปอร์เก่า จึงตอบยากว่าอันไหนคือที่สุดของความชอบ แต่ถ้ามองรอบๆ ที่สุดในห้อง คงจะเป็นถ้วยรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันรถ เพราะมันมาจากการต่อสู้ ไม่ใช่มาแบบฟลุกๆ หรือจับสลากมา”

อดีตผู้ประกาศข่าวรายนี้ ยังเล่าถึงอีกหนึ่งของสะสมสุดเจ๋ง คือ ป้ายทะเบียนรถยนต์ โดยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เพื่อนซึ่งอยู่สหรัฐอเมริกาขายให้ โดยป้ายทะเบียนรถที่สหรัฐ เวลาใช้เสร็จแล้วจะทิ้ง แต่เพื่อนก็เก็บๆ มา พอเขามาดูเป็นปี 1939 อยู่รัฐเคนทักกี ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง

จากนั้นเขาเลยลองมาค้นประวัติดู พบว่าปี 1930-1935 สหรัฐเริ่มมีป้ายทะเบียนใช้แล้ว แต่มันก็หายหมดไปตามสภาพ เพราะตั้ง 80 ปี

“เลยรู้สึกว่าอันนี้เป็นสิ่งที่เก่าที่สุดและมีค่า และกำลังคิดไปใส่กรอบ แต่ที่สะสมมันหลากหลาย หากเอาไปใส่กรอบจะกลายเป็นมาสเตอร์พีซเพียงชิ้นเดียว แทนที่จะสนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ผมยอมรับว่าเป็นป้ายทะเบียนแผ่นแรกในชีวิต และยังเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเริ่มสะสมเรื่อยมา จนทุกวันนี้เก็บจนครบ 50 รัฐ ซึ่งเดี๋ยวนี้คนอเมริกาจะเอามาขายเยอะ เพียงแต่เป็นปี 2000 ขึ้นมา แต่ปีต่ำกว่า 1960 ลงมา จะไม่ค่อยมี บางคนเก็บหมด ไม่มีใครปล่อยออกมาขาย และทำปลอมออกมาขายก็เยอะที่เห็นอยู่”

My Collection สไตล์ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’

นอกเหนือจากนี้ จิรายุ ยังบอกว่า ของสะสมชิ้นใหญ่ๆ เลย มอเตอร์ไซค์โบราณ Honda R80 ของพ่อตา และรักมากสุดคือ Morris Mini Pick-up เพราะเป็นรถยุคแรกๆ ค่อนข้างหายากและเป็นรถแท้ ซึ่งสมัยก่อนที่ผลิตจะมี Austin / Morris Mini Cooper ทว่า Morris Mini Pick-up ถูกผลิตออกมาให้เป็นกระบะ ซึ่งเจ้าตัวนี้มีไม่กี่คันในประเทศไทย

สำหรับอีกหนึ่งของสะสมที่ประทับใจคือ Lotus Elan ซึ่งรถคันนี้เพิ่งได้มาไม่ถึง 7 ปีก่อน สาเหตุฝังใจกับรถคันนี้เพราะสมัยตอนเคยถูกเชิญให้ไปทดสอบรถรุ่นนี้ และมันพิเศษตรงที่เป็นรถเปิดประทุน โดยรถใช้ทดสอบเป็นของภรรยา เจ้าของบริษัท โลตัส ในปัจจุบัน โดยให้มาขับ 7 วัน

ทว่าวันแรกน้ำมันหมด ไปปั๊มแต่เขาดันหาที่เปิดถังน้ำมันไม่เจอ จนกระทั่งเด็กปั๊มมาถามแล้วเปิดให้ เพราะที่เปิดมันดันซ่อนอยู่ตรงประตู เด็กรู้ว่าไม่ใช่รถตัวเองแน่ ทำให้ผูกใจเจ็บและชอบเจ้าคันนี้

“พอเห็นรถรุ่นนี้ที่เคยทดสอบขับ ประกาศขายในเว็บประมาณ 4 แสนบาท ก็ไปซื้อ พอได้มาก็เอาไปแต่งให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง และที่พิเศษคือตัวถังรถรุ่นนี้ไม่ใช่เหล็ก หากชนเรื่องใหญ่ เพราะต้องเอามาขึ้นรูปใหม่

My Collection สไตล์ ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’

ทั้งหมดมันทำให้ชีวิตขับเคลื่อนได้และทำให้เราหนุ่มเสมอ มันทำให้รู้สึกว่าถ้าเราชอบรถต้องปรับตัวเข้าหามัน หากเชยๆ แล้วไปขับรถซิ่งๆ มันไม่ได้ มันทำให้รู้จักเลือกใช้ชีวิต เลือกซื้อของ เลือกผจญภัย รู้จักเลือกทุกอย่าง มันทำให้มีพลังทางความคิด และที่เติบโตมาได้ทางธุรกิจต้องบอกว่าได้รถยนต์ จึงคิดอยากทำหิ้งแล้วเอารถไปไว้ จุดธูปไหว้ขอบคุณ ทำให้รู้ว่ารถมันต้องอยู่กับตัวเราทุกอย่าง”