posttoday

โรจนัสถ์ เจริญศรี อดีตทหารเรืออเมริกา กับค็อกเทลแก้วพิเศษที่ชงจากชีวิต

27 พฤษภาคม 2561

ในวงการเครื่องดื่ม ปิง-โรจนัสถ์ เจริญศรี หัวหน้ามิกโซโลจิสต์แห่งเอบาร์ (ABar)

โดย พุสดี สิริวัชระเมตตา, จีระวัฒน์ กล้ากะชีวิต ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ในวงการเครื่องดื่ม ปิง-โรจนัสถ์ เจริญศรี หัวหน้ามิกโซโลจิสต์แห่งเอบาร์ (ABar) เลานจ์สุดชิกแห่งใหม่ ของโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ได้รับการยอมรับในฐานะมิกโซโลจิสต์หนุ่มไฟแรง หลังสั่งสมประสบการณ์อยู่ต่างแดนหลายปี เขานำแพสชั่นและความหลงใหลที่มีต่อของเหลวทุกชนิดที่สามารถดื่มได้ ยกเว้นกาแฟ กลับมาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักดื่มชาวไทย

ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังมาดนิ่งๆ ของปิงยามอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์เพื่อผสมเครื่องดื่มแก้วพิเศษ เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่น่าค้นหาไม่แพ้ค็อกเทลที่เขาชง ปิงคือเด็กหนุ่มที่ไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิต ไม่เคยรู้สึกว่าที่ไหนคือบ้านที่แท้จริง กลับพาตัวเองมายืนอยู่บนจุดที่เกินฝัน หากเปรียบเทียบเรื่องราวของเขาเป็นค็อกเทลสักแก้ว คงเป็นค็อกเทลแก้วพิเศษ ที่มีรสชาติกลมกล่อม แค่จิบครั้งแรกก็อยากยกซดจนหมดแก้ว

โลกใบใหม่ของนักเรียนไทยในต่างแดน

โรจนัสถ์ เจริญศรี อดีตทหารเรืออเมริกา กับค็อกเทลแก้วพิเศษที่ชงจากชีวิต

ตั้งแต่ 8 ขวบ ปิงต้องผจญภัยในโลกกว้างด้วยการย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งที่ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในเวลานั้นอยู่ในระดับติดลบ

“พอเรียนจบ ป.2 ที่บ้านก็ส่งให้ผมไปสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นคุณพ่อผมอยู่ที่วอชิงตัน ดี.ซี. แต่ผมถูกส่งไปอยู่กับคุณลุงที่นิวยอร์กช่วงที่ไปแรกๆ ภาษาอังกฤษของผมอยู่ในขั้นติดลบ พอไปเข้าโรงเรียนที่นู่น เลยต้องยอมซ้ำชั้น 1 ปี อยู่กับคุณลุงได้ 2 ปี ผมก็ย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ จนกระทั่งเข้าเรียนไฮสกูล ตอนนั้นเรียกว่าเป็นช่วงค้นหาตัวเอง ผมไม่ได้มีความฝันหรือเป้าหมายว่าอยากทำอาชีพอะไร หรือเรียนต่อที่ไหน ผมค้นหาตัวเองด้วยการทำงานหลายอย่าง ตั้งแต่ทำงานร้านวิดีโอ จนกระทั่งไปเข้าคอร์สเรียนพยาบาล แต่ทำไปเริ่มรู้ตัวว่าไม่ชอบอยู่กับคนป่วย เลยเบนเข็มไปสายเภสัช แต่ทำไปก็ไม่ชอบอีก” ปิงเปิดฉากเล่าถึงวันวานที่ไม่หอมหวานนัก

ชีวิตในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ยังไร้จุดหมาย ทำให้ปิงได้แต่ใช้ชีวิตไปตามกรอบที่วางไว้ เมื่อเรียนจบไฮสกูลก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ยังไม่ทันที่ชีวิตมหาวิทยาลัยจะพาเขาไปเจอทางเดินที่ใช่ของชีวิต ปิงก็ได้พบกับโฆษณาที่พลิกผันชีวิตเข้าอย่างจังเสียก่อน

“วันนั้นผมดูโทรทัศน์อยู่บ้านเห็นโฆษณาประกาศรับทหารเรือ วินาทีนั้นผมนึกถึงภาพนักบินทหารเรือในเรื่อง TOP GUN (นำแสดงโดย ทอม ครูซ) ดูเท่สุดๆ ผมตัดสินใจโทรไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่เห็นในโฆษณาทันที เจ้าหน้าที่ที่รับสายเขาบอกแค่ว่าคุยทางโทรศัพท์ไม่รู้เรื่องหรอก ให้มาด้วยตัวเองเลยดีกว่า ผมก็ไป (ยิ้ม) ไปถึงเขาก็เล่าให้ฟังว่าสิทธิประโยชน์ที่ทหารจะได้รับมีอะไรบ้าง จริงๆ แล้วสิทธิประโยชน์ที่เขาบอกมาก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากเป็นทหารมากขึ้นนะ แค่คิดง่ายๆ ว่าลองดูก็ได้ เลยกรอกใบสมัครไปเรียบร้อย ปรากฏว่าได้”

เมื่อพรหมลิขิตบันดาลให้นักศึกษาหนุ่มต้องมาเป็นพลทหาร ปิงก็ยอมรับเส้นทางที่เลือก “ตอนไปสมัครผมก็ไม่เห็นว่าเขามีกฎเกณฑ์อะไรนะ ขอแค่เราไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มีความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจก็สมัครไป พอผ่านการคัดเลือก ผมก็เตรียมตัวมารายงานตัว ตอนนั้นที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร จากวันที่รู้ผล ผมมีเวลาเดือนเศษก่อนจะเข้ากรม ผมตัดสินใจกลับมาเที่ยวเมืองไทย เพราะเพื่อนๆ ที่เรียนไฮสกูลมาด้วยกัน พอเรียนจบก็เริ่มกลับมาเมืองไทย”

ทหารเรือป้ายแดงกับคำถามในใจ“ฉันมาทำอะไรที่นี่?”

โรจนัสถ์ เจริญศรี อดีตทหารเรืออเมริกา กับค็อกเทลแก้วพิเศษที่ชงจากชีวิต

หลังจากเที่ยวสนุกมาเต็มที่ ก็ถึงเวลาเข้ากรม อาจเพราะเป็นคนไม่คิดมาก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ปิงจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวและเตรียมใจอะไรมาก เขาทำตามคำแนะนำที่ได้รับคือไม่ต้องขนของไปมาก แค่เตรียมเสื้อผ้าไปเพียงไม่กี่ชุด เครื่องเล่นซีดีเพลง เงินติดตัว และรูปถ่ายสองใบ อย่างไรก็ตามถึงจะคิดว่าเตรียมตัวมาตามคำแนะนำแล้ว แต่พอเดินผ่านประตูเข้ามายังสถานที่ที่ปิงเรียกว่าเป็น “บู๊ตแคมป์” ทุกอย่างกลับไม่ชิลอย่างที่คิด

“พอเข้าไปในบู๊ตแคมป์ เขาจะจับวัดตัวก่อนเลย จากนั้นทุกคนต้องถูกโกนหัว พอเสร็จผู้คุมจะตรวจสัมภาระที่เตรียมมา ผมว่าเตรียมมาน้อยแล้วนะ ปรากฏว่าถูกยึดหมด เหลือแค่รูปถ่ายสองใบ พอผ่านด่านแรกมา ทหารทุกคนจะต้องเข้าแถวและถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบที่เตรียมไว้ จากทั้งหมดที่เจอมา ผมโอเคนะ แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าฉันมาทำอะไรที่นี่” พลทหารปิงเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบๆ เจือเสียงหัวเราะเบาๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว หลังจากนั้นผู้คุมก็พาไปยังห้องนอนซึ่งเป็นห้องที่มีเตียง 2 ชั้นเรียงเป็นแถวยาว แต่ละคนมีหมอน 1 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ตอนกลางคืนห้องนี้จะเปิดไปสีแดงสลัว เพื่อให้เวรที่ผลัดกันเฝ้าทั้งคืน มองเห็น ขณะที่คนที่หลับก็ยังหลับได้

“6 โมงเช้าของทุกวันจะมีเสียงประกาศเพื่อปลุกให้ตื่น สำหรับผมการตื่นเช้าไม่มีปัญหานะ ผมปรับตัวได้ดีพอสมควร หลังจากตื่นนอนทุกคนจะมีเวลาอาบน้ำ 15 นาที ห้องน้ำเป็นแบบห้องรวม พออาบเสร็จ เขาจะสอนการแต่งเครื่องแบบ พร้อมทั้งแจ้งกฎเกณฑ์ต่างๆ สอนวิธีเดินที่ถูกต้อง เพราะกฎเหล็กของการอยู่ในบู๊ตแคมป์ช่วงแรกๆ คือเวลาจะไปไหนมาไหนต้องไปเป็นคู่ ห้ามไปคนเดียว ยกเว้นอยู่ภายในตึก แถมเวลาเดินต้องเดินด้วยท่าเดินที่ถูกต้อง ก้าวให้พร้อมกัน ถือเป็นการฝึกระเบียบของทหารไปในตัว”

ปิง ยอมรับว่า การใช้ชีวิตที่มีกฎระเบียบมีหลายอย่างที่ต้องปรับตัว แต่ข้อดีคือได้ฝึกวินัยและความอดทน

“ยกตัวอย่างเวลากินอาหารเขาจะมีเวลาให้ 15 นาที เริ่มจับเวลาตั้งแต่หัวแถวได้รับอาหาร และวางถาดบนโต๊ะเพื่อนั่งกินอาหาร พูดง่ายๆ ว่าคนที่อยู่หลังๆ ก็แย่หน่อย เพราะมีเวลากินน้อย แต่เชื่อไหมว่าด้วยระเบียบนี้ ทำให้ผมติดนิสัยกินข้าวเร็วมาจนถึงทุกวันนี้เลยนะ คือ เวลากินจะก้มหน้าก้มตากิน ไม่คุยกับใคร แต่เดี๋ยวนี้เริ่มดีขึ้น ลดสปีดในการกินอาหารลงบ้าง”

หลังจากผ่าน 3 เดือนแรกที่แสนหฤโหด ปิงบอกเล่าอย่างออกรสต่อว่าทหารเรือทั้งหมดจะถูกย้ายให้มาอยู่อีกตึก ซึ่งมีอิสระมากขึ้น ไม่ต้องโกนผม หรือไปไหนมาไหนแบบแพ็กคู่อีกแล้ว แต่ความท้าทายถัดมาคือ จะได้ไปฝึกงานเฉพาะทาง โดยเลือกตำแหน่งที่อยากฝึก แต่ปัญหาของเขาคือเลือกตำแหน่ง Fireman โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปตั้งแต่กรอกใบสมัคร

“ผมไม่ค่อยโอเคกับส่วนงานที่ผมเลือกเลย เพราะตำแหน่ง Fireman ไม่ใช่แบบที่เราเข้าใจ เราต้องทำทุกอย่าง เป็นตัวเสริมแผนกต่างๆ จนตอนหลังผมขอย้ายไปดูแลงานเอกสารที่สำนักงาน ถามว่าเคยคิดจะถอดใจ ลาออกกลับบ้านไหม ไม่เคยนะ ทั้งที่จริงๆ เรามีสิทธิที่จะลาออกได้ ตอนนั้นผมคิดแต่ว่าในเมื่อเราตัดสินใจทางนี้แล้ว ก็ต้องสู้และเดินหน้าต่อไป”

สถานีต่อไป...เกาะกวม

โรจนัสถ์ เจริญศรี อดีตทหารเรืออเมริกา กับค็อกเทลแก้วพิเศษที่ชงจากชีวิต

หลังจากถูกส่งให้มาเรียนรู้งานในสายเฉพาะทาง 3 เดือน เวลาแห่งความสุขก็เวียนมาอีกครั้ง เมื่อได้รับอนุญาตให้หยุดพัก 2 อาทิตย์ ก่อนกลับมาเริ่มต้นภารกิจสำคัญ

“ช่วงที่หยุดผมเที่ยวแบบสุดเหวี่ยงเลย ก่อนที่จะต้องกลับเข้ากรมอีกครั้ง เพื่อเลือกว่าจะไปประจำการที่ไหน ตอนนั้นจุดหมายในใจผม คือ ญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ แต่สุดท้ายผมได้ไปประจำที่เกาะกวม คำถามที่ป๊อปอัพในหัวผมตอนนั้น คือ เกาะกวมคือที่ไหน (หัวเราะ) ผมเข้าไปเปิดดูแผนที่ในกูเกิล ถึงได้เห็นว่าเกาะกวมเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ระหว่างญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย ตอนนั้นผมไปถามทหารรุ่นพี่ว่าไปประจำการที่นี่เป็นอย่างไร ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีเลย เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน ซึ่งขัดกับความชอบของผม ที่ชอบในเสน่ห์ของความเป็นเมืองมากกว่า”

ก่อนจะออกเดินทางไปปักหมุดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ทหารทุกคนจะได้รับกระเป๋าสำหรับขนสัมภาระคู่กาย 1 ใบ โดยมีกฎว่าทุกคนต้องใส่สัมภาระทุกอย่างลงไปในกระเป๋าใบนี้เท่านั้น ถามว่าใหญ่แค่ไหน ปิงตอบแบบไม่ต้องเสียเวลานึกว่า “ใส่ชุดยูนิฟอร์มลงไป 1 ชุดก็แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ใส่อย่างอื่นลงไปแล้ว (หัวเราะ)”

ภารกิจในการเดินทางไปเกาะกวมครั้งนี้ เดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์ไปตามปกติ พอไปถึงจะมีคนมารับเพื่อพาไปยังท่าเรือ ตลอดเวลาที่ประจำการอยู่ที่นี่ ปิงต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้ชีวิตอยู่บนเรือเป็นหลัก หลังเลิกงานหรือวันหยุดสามารถขึ้นฝั่งไปเที่ยวได้ แต่ต้องกลับขึ้นเรือก่อนเที่ยงคืน

“ช่วงแรกๆ ที่มาก็ยังสนุกเพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่อยู่ไปอยู่มาเริ่มไม่สนุก เพราะทั้งเกาะมีที่เที่ยวอยู่ไม่กี่ที่ ถามว่าทำยังไง สุดท้ายก็ต้องทำใจ (หัวเราะ) บางวันผมก็เลือกนอนเล่นอยู่บนเรือ เพราะสมัยนั้นก็ยังไม่ไวไฟจะให้ดูหนัง ดูซีรี่ส์ฆ่าเวลา”

หน้าที่ของทหารในสงครามอิรัก

ชีวิตในกรมที่ดูเหมือนจะราบเรียบไร้คลื่นลม มีอันต้องทำให้หัวใจสูบฉีด เมื่อเกิดสงครามอิรักขึ้น แม้หน้าที่ของปิงในเวลานั้นจะไม่ต้องออกไปรบ แต่ก็มีหน้าที่สำคัญในการเป็นกองหนุน คอยดูแลเรือรบที่แวะเวียนมา

“เรือที่ผมประจำอยู่เป็นขนาดเล็ก มีหน้าที่ดูแลเรือดำน้ำที่แวะเวียนเข้ามาที่ฝั่ง บางครั้งก็ออกไปช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเรือดำน้ำที่อยู่กลางทะเล มีครั้งหนึ่งเคยออกไปลอยลำนานถึงสองสัปดาห์ ความรู้สึกผมตอนนั้นคืออยากจะกระโดดหนีจากเรือมาก (หัวเราะ) แต่สุดท้ายผมก็อยู่ได้นานกว่าที่คิดนะ
เพราะจริงๆ พออยู่ครบ 3 ปี เขาก็ให้ลาออกได้ แต่ผมยังเลือกที่จะฝึกอยู่ที่นี่ต่อจนครบกำหนด 4 ปี ได้ติดยศ E4 ตลอดเวลาที่ประจำการ ผมมีความประพฤติอยู่ในเกณฑ์ดี ตั้งใจทำงาน ไม่เคยโดนหักคะแนน ตอนที่จะลาออกทางกรมก็ยังอยากให้อยู่ต่อนะ แต่ผมปฏิเสธไป”

ถ้าเลือกได้อีกครั้งคงไม่มาทางนี้

โรจนัสถ์ เจริญศรี อดีตทหารเรืออเมริกา กับค็อกเทลแก้วพิเศษที่ชงจากชีวิต

ถ้าถามว่าเสียใจกับการตัดสินใจที่ผ่านมาหรือไม่ ปิงตอบอย่างฉะฉานว่า “ไม่ เพราะผมได้อะไรหลายอย่างจากตรงนั้น แต่ถ้าให้กลับไปเลือกได้อีกรอบก็คงไม่เลือกอีก” (หัวเราะ)

หลังจากออกจากกรม ชีวิตของปิงเดินหน้าไปอย่างไร้จุดหมายอีกครั้ง ในช่วงที่หนทางข้างหน้ายังมืดมน เขาเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อบวชทดแทนคุณพ่อแม่ 2 สัปดาห์ ก่อนจะสึกออกมาพร้อมเป้าหมายที่จะกลับไปเรียนต่ออีกครั้ง

“ผมกลับมาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง ระหว่างที่เรียนผมเริ่มทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ทำไปสักพักก็ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะคิดว่าสิ่งที่เรียนไม่ใช่สิ่งที่ใช่ ผมมุ่งมั่นทำงาน จนเคยเกือบหลงทางคิดว่าตัวเองอยากเป็นเชฟ แต่สุดท้ายก็รู้ว่าเชฟก็ยังไม่ใช่ เพราะผมไม่ชอบยืนอยู่หน้าเตาที่ร้อนๆ (ยิ้ม) ผมพยายามค้นหาสิ่งที่ใช่กว่า จนสุดท้ายมาเจอกับอาชีพในฝัน นั่นคือการเป็นบาร์เทนเดอร์”

กว่าจะมาถึงวันนี้ แม้จะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ พยายามไขว่คว้าทุกโอกาสเพื่อจะได้มีพื้นที่ยืนในบาร์เครื่องดื่ม แต่วันนี้ปิงพูดได้อย่างเต็มปากว่าเขามาไกลกว่าที่คิดและเข้าใกล้กับจุดที่คาดหวัง จากนี้
เป้าหมายของปิงคือการพัฒนาให้เอบาร์เป็น 1 ใน 50 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย