posttoday

ระวัง!!! ไวรัสอาร์เอสวี เชื้อร้ายหน้าฝน

26 พฤษภาคม 2561

โสภิตา สว่างเลิศกุล [email protected]

โดย โสภิตา สว่างเลิศกุล [email protected]

ในรอบเดือนที่ผ่านมา ฝนตกค่อนข้างถี่และบ่อยมาก ซึ่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา วันชัย ศักดิ์อุดมไชย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูฝน แม้ปริมาณน้ำฝนที่ตกในปัจจุบันมีพอสมควร แต่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงฤดูฝนยังอยู่เฉพาะในเขตภาคใต้บริเวณทะเลอันดามัน แต่ยังไปไม่ถึงภาคอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถประกาศเข้าสู่ฤดูฝนได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อลมมรสุมประจำฤดูมาถึง กรมอุตุฯ จะประกาศสรุปผลอีกครั้งต่อไป

ตอนนี้เป็นช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ โรงเรียนเป็นแหล่งที่เด็กจำนวนมากมารวมตัวกัน ก็มักพบการระบาดของโรคต่างๆ ได้ง่าย เนื่องจากการคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน และเด็กบางคนอาจมีภูมิคุ้มกันต่ำจึงทำให้เกิดการติดต่อของโรคได้ง่ายขึ้น

ประกอบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเด็กจึงมักจะได้รับเชื้อโรคง่ายกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส รู้หรือไม่ว่ามีไวรัสที่เป็นอันตรายต่อเด็ก แฝงตัวมากับช่วงฤดูฝนที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้ามคือ เชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV-อาร์เอสวี) ที่มีลักษณะอาการคล้ายไข้หวัด แต่ส่งผลรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งไวรัสชนิดนี้ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน

พญ.นงนภัส เก้าเอี้ยน แพทย์ด้านโรคระบบทางเดินหายใจเด็ก โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า เชื้อไวรัสอาร์เอสวีเป็นเชื้อที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจอักเสบในผู้ป่วยทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับอาการว่าจะเป็นมากในช่วงวัยไหน

“แต่จะมากพบในเด็กอายุน้อยตั้งแต่วัยทารก จนถึงช่วงวัยเข้าอนุบาล โดยประเทศไทยมักมีการระบาดในช่วงฤดูฝน โดยเด็กๆ จะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีจากการรับเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ จากการสัมผัส หรือละอองน้ำมูกของผู้ป่วยคนอื่น มีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน ซึ่งสามารถเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่าง”

พญ.นงนภัส บอกว่า จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ (Acute Bronchiolitis) และอาจทำให้ปอดอักเสบติดเชื้อ (Pneumonia) โดยเฉพาะเด็กเล็กจะมีอาการปอดบวม ไอ หอบได้ง่าย เด็กจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย บางครั้งเป็นมาก

“จะหายใจดัง ‘วี้ด!’ ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการหายใจล้มเหลวได้ นอกจากนั้นยังส่งผลให้เด็กบางคนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหอบหืดในอนาคตได้อีกด้วย เด็กที่ติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีมักจะมีอาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก”

เคล็ดลับที่พ่อแม่สามารถสังเกตเห็นว่าลูกอาจจะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี พญ.นงนภัสชี้ว่า ได้แก่ ลูกมีอาการไอมาก ไอถี่ มีเสมหะเยอะและเหนียวข้น หายใจหอบเหนื่อย หายใจแรง หน้าอกบุ๋ม อาจมีเสียงหายใจดังวี้ดๆ ไม่รับประทานอาหาร ไม่ดื่มน้ำ ไม่ดื่มนม มีไข้สูง มักจะซึม หรือหงุดหงิด กระสับกระส่าย เป็นต้น

ระวัง!!! ไวรัสอาร์เอสวี เชื้อร้ายหน้าฝน

“หากลูกมีอาการเหล่านี้ในช่วงที่ไวรัสอาร์เอสวีระบาด ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด แพทย์จะตรวจร่างกาย ฟังเสียงปอด ถ้ามีเสียงวี้ด แพทย์จะพ่นยาขยายหลอดลม รวมถึงการเอกซเรย์ปอดในรายที่สงสัยปอดอักเสบ การตรวจหาเชื้อนี้ทำได้ไม่ยาก จะใช้อุปกรณ์พิเศษลักษณะคล้ายก้านสำลียาวๆ เข้าไปป้ายในโพรงจมูก เพื่อส่งไปตรวจหาเชื้อไวรัสอาร์เอสวี คล้ายกับที่ทำในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่”

ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาไวรัสอาร์เอสวีโดยเฉพาะ การรักษาอาการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีจึงต้องรักษาไปตามอาการที่ป่วย คือ ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาลดน้ำมูก ในเด็กเล็กหรือเด็กที่มีอาการหนักอาจต้องนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ ให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ เคาะปอด และอาจจะต้องช่วยดูดเสมหะ

หรือถ้ามีอาการรุนแรงมากจะต้องได้รับออกซิเจนหรือใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ หากเด็กมีอาการไม่รุนแรงก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ด้วยการกินยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ในที่สุดร่างกายก็จะสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เป็นอาร์เอสวีแล้ว พญ.นงนภัส เตือนว่าสามารถเป็นซ้ำได้หลายครั้ง แต่อาการนั้นก็จะน้อยลง และเนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสได้ง่ายในช่วงที่แพร่ระบาดมากโดยเฉพาะสถานที่ที่เด็กอยู่กันมากๆ เช่น โรงเรียนอนุบาลหรือเนิร์สเซอรี่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กๆ

“ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้ลูกน้อยไม่ป่วยจากโรคนี้ คือการมีร่างกายที่แข็งแรงและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ด้วยวิธีการล้างมือบ่อยๆ หลังจากทำกิจกรรม หรือก่อนกินอาหาร เพราะไวรัสอาร์เอสวีสามารถติดต่อได้จาก น้ำลาย น้ำมูก ไอ จาม ไม่ควรให้ลูกอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด โดยเฉพาะหากโรงเรียน หรือเนิร์สเซอรี่มีการระบาดอยู่ หมั่นทำความสะอาดของเล่นอยู่บ่อยครั้ง

ผู้ป่วยต้องปิดปากหรือใส่หน้ากากอนามัยเวลาไอจามเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด เมื่อเด็กต้องอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าไวรัสอาร์เอสวีจะมีอาการรุนแรงมากกว่าไวรัสหวัดทั่วๆ ไป แต่ถ้ารู้วิธีการรักษาและช่วยกันดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรงก็จะปลอดภัย”