posttoday

ก้าวแรกบนถนนมิตรภาพ ของวง ‘ชาลี’

12 พฤษภาคม 2561

ดนตรีทำให้ 4 หนุ่มได้มาพบกัน รวมกันก่อตั้งวงชื่อ “ชาลี” ประกอบด้วย แน็ก-ชาลี ปอทเจส

โดย นกขุนทอง/จุฑามาศ นิจประพันธ์ ภาพ : อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์

ดนตรีทำให้ 4 หนุ่มได้มาพบกัน รวมกันก่อตั้งวงชื่อ “ชาลี” ประกอบด้วย แน็ก-ชาลี ปอทเจส (ร้องนำ) ดั๊ก-กิตติภพ ฤกษนันทน์ (กลอง) จอร์จ-วุฒิภัทร โตสกุลวณิช (เบส) และบอมบ์-ณัฐธีร์ รุ่งเลิศนิรันดร์ (กีตาร์)

ทั้ง 4 ไม่ได้สนิทสนมกันทั้งหมด การที่คน 4 คนมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องเป็นหนึ่งเดียวในนามวงชาลี จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แบบมองตาก็รู้ใจ หรือรู้แนวทางของกันและกัน การปรับตัวและการรับฟังความคิดเห็นอย่างเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกันเป็นวง

แน็ก คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในบทบาทนักแสดงมาตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่มน้อย แต่แน็กยังมีมุมที่ชอบทำคือการร้องเพลงและเขียนเพลง

บอมบ์ มือกีตาร์ หนุ่มหน้าเข้ม ดูขรึม แต่จริงๆ แล้วก็ขี้อาย และยิ้มเก่ง

จอร์จ มือเบส หนุ่มขี้เล่น หัวเราะง่าย ใครอยู่ใกล้ก็ผ่อนคลายสบายอกสบายใจ

ดั๊ก มือกลอง หนุ่มพูดน้อยและอายุน้อยที่สุดในวงอีกด้วย

ก้าวแรกบนถนนมิตรภาพ ของวง ‘ชาลี’

การฟอร์มวงเริ่มจากแน็กอยากมีวงดนตรีเป็นของตนเอง แต่งเพลงร้องเพลงเก็บเอาไว้หลายเพลง จนเมื่อถึงเวลาจึงปรึกษา ต้น ซิลลี่ฟูลส์ หลังจากนั้นมีการชักจูงสมาชิกคนอื่นๆ ตามมา

แน็ก : “สำหรับผมกับดั๊ก เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว และอยากทำดนตรีด้วยกันเลย เริ่มมาด้วยกัน”

บอมบ์ : “ผมรู้จักกับพี่ต้น ซิลลี่ฟูลส์ พอดีพี่ต้นโทรมาว่าอยากทำแบนด์ ผมก็โอเค ลองดู เลยชวนจอร์จมาเป็นมือเบส คนนี้มือฉมัง”

ชาลี : “ผมเป็นเอฟซีเขาครับ บอมบ์เขาเป็นมือกีตาร์ระดับเทพอยู่”

บอมบ์ : “ผมก็เป็นเอฟซีเขา ติดตามหนังเขาอยู่”

แน็ก : “เรื่องอะไรครับ”

บอมบ์ : “ห้าแพร่ง ถูกไหม (หัวเราะ)”

4 หนุ่มรู้จักกันเป็นคู่ๆ แน็กสนิทกับดั๊กมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเป็นแก๊งเดียวกันเลย ส่วนบอมบ์กับจอร์จก็เป็นเพื่อนที่เล่นดนตรีวงเดียวกัน และเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน

ดั๊ก : “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อายุ 15 ครับ ตอนนี้ก็ครบ 10 ปี เรียนห้องเดียวกัน เป็นกลุ่มเด็กดี อาจจะไม่ถึงกับดีมาก แต่ไม่ได้เละเทะ โดดเรียนหรือเป็นกลุ่มที่เกเรขนาดนั้น ทำกิจกรรมในโรงเรียน ไม่ค่อยทำเรื่องไม่ดี นัดกันมาออกกำลังกายตลอด บ้านแน็กมีกีตาร์ ผมรู้สึกชอบ อยากลองทำ เราเคยทำวงตอน ม.ปลาย ก็เริ่มชอบดนตรีตั้งแต่ตอนนั้น”

แน็ก : “ผมไม่อยากเป็นศิลปินเดี่ยว ถ้าจะทำงานดนตรีผมรู้สึกว่าอยากทำงานกับเพื่อน จริงๆ เราทำงานเดี่ยวมันสบาย มันง่ายมาก เพราะไม่ต้องมาแคร์ใคร แต่ว่าเราต้องรับหน้าที่หนักสุดในทุกๆ เรื่อง แต่วันนี้ผมพร้อมและอยากทำงานกับเพื่อน และพอดีดั๊กเป็นเพื่อนเรา เราก็หาเพิ่ม ได้บอมบ์กับจอร์จมา เพราะเขาเก่งมาก ขออนุญาตดีใจ (ยิ้มใหญ่) ที่ได้เขามาอยู่กับผม”

บอมบ์ : “อย่างที่บอก ตอนนั้นผมนั่งกินข้าวอยู่ พี่ต้นโทรมาบอกว่ามีโปรเจกต์หนึ่งสนใจหรือเปล่า เล่นกับแน็ก ตัวผมเองไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทย และไม่เคยฟังผลงานเพลงแน็กเลย ก็เลยไปหาฟัง ก็รู้สึกว่าเขามีของเหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นเพลงที่ปล่อยออกมาจะแนวน่ารักหน่อย ตอนนั้นเขาทำคนเดียว ผมก็เลยตกลงลองดู ก็เลยชวนจอร์จมา จอร์จเล่นวงกับผมมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยแล้ว ไปเล่นต่างจังหวัด เคยประกวดด้วยกันมาด้วย”

จอร์จ : “ตอนบอมบ์ชวนบอกว่ามีโปรเจกต์ มาเล่นเบสให้หน่อย มาเล่นกับแน็กแฟนฉัน ผมก็คิด แน็กเหรอ ผมคิดเลยอย่างแรก เฮ้ย! มันร้องเพลงได้เหรอวะ (หัวเราะ) ผมบอกบอมบ์ก่อนเลยว่า ส่งเพลงมาให้ฟังหน่อย อันนี้ซีเรียสนะ (หัวเราะ) ผมฟัง ผมก็ว่าโอเค แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจร่วมวงอย่างหนึ่ง คือผมถามบอมบ์ว่าเพลงนี้ใครแต่ง บอมบ์บอกว่าแน็กเป็นคนแต่ง เลยมองว่าเขาแต่งเพลงได้ ถือว่าโอเคเลยนะ”

ก้าวแรกบนถนนมิตรภาพ ของวง ‘ชาลี’

บอมบ์ : “แน็กส่งเพลง ‘สุดท้าย’ มาให้ผม ผมก็ส่งต่อให้จอร์จ แล้วผมไปค้นผลงานเขามีประวัติหรืออะไรอีกไหม แต่ก็มีข้อมูลที่ทราบจากพี่ต้นบอกว่าแน็กเป็นคนอินดี้หน่อย ในการแต่งเพลงเขาใช้ได้เลย แต่แค่ขาดเรื่องดนตรีที่จะมาช่วย พี่ต้นก็ชมแน็กมา เราฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขามีของ”

จอร์จ : “เราก็ตกลงเลย เพราะเราอยากลอง”

หลังจากสมาชิกครบวงก็เริ่มทำเพลงและปล่อยซิงเกิ้ลเพลง “สุดท้าย” ออกมาให้ได้ฟังกัน มาย้อนไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอหน้าสมาชิกในวงของตัวเองกัน

จอร์จ : “เดือนสองเดือนก็สนิทกันครับ เราจูนกันไม่ยาก เราคุยกันง่าย”

แน็ก : “ผมส่วนใหญ่จูนด้วยดนตรี ไอ้พวกนี้มันจูนกันเรื่องเกม” (หัวเราะ หันไปมองที่ดั๊กกับจอร์จ)

จอร์จ : “ร่วมงานกันดีครับ แน็กเขาจริงจัง เอาการเอางาน เวลาเรื่องเล่นเขาก็เล่น เวลาทำงานเขาก็แยกได้ ตอนแรกใจผม ผมไม่คิดว่าเขาจะจริงจังขนาดนี้ (หัวเราะ) แต่เขาจริงจังจนเราคิดในใจเลยว่า เขาจริงจังขนาดนี้ก็ดีนะ เราจะได้แอ็กทีฟตัวเอง”

แน็ก : “บอมบ์เขาเก่งจริงๆ นะ พี่ต้นแนะนำว่าคนนี้เก่งและอายุยังน้อย เขาไปได้อีกไกล เขาเก่งจริงๆ ผมก็ดูผลงานเขา เราก็กลัวว่าเขาจะมาอยู่กับเราไหม เพราะเขาเก่งระดับไปต่างประเทศแล้วไง”

บอมบ์ : “ตอนนั้นนัดคุยกับแน็ก ผมก็ดูเขา ดูการคุย เขาก็ถามผมว่าอันนี้คืออยู่กันจริงๆ ใช่ไหม คือเขาไม่คิดว่าเราจะมาเล่นกับเขา” (หัวเราะ)

หลังจากนั้นการทำวงดนตรีครั้งนี้ก็เหมือนการที่เขาได้มีเพื่อนในชีวิต ที่อยู่ในวงจรชีวิตประจำวันของกันและกันมากขึ้นไปอีก ยิ่งช่วงหลังก็ยิ่งต้องเจอกันบ่อย เพราะเริ่มเดินสายโปรโมทเพลง หนุ่มๆ ก็เริ่มเผากันให้ฟังว่าเวลาอยู่ในวงพฤติกรรมแต่ละคนเป็นแบบไหน

จอร์จ : “ตอนผมรู้จักดั๊กแรกๆ เหมือนนิสัยเขายังเดาไม่ค่อยออก ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไร (หัวเราะ) ตอนแรกเขาดูเงียบๆ ดูเป็นคนดี แต่ตอนนี้เขาก็ดีนะครับ เป็นคนดูตั้งใจทำงาน

ส่วนแน็ก เรานิสัยคล้ายกัน ตบมุขชงกันไปชงกันมาอยู่ 2 คน เราดีใจที่ได้รู้จักและร่วมงานด้วย ส่วนบอมบ์เป็นเพื่อนที่ดี เรื่องประทับใจในตัวเขา เอาจริงๆ ผมนึกไม่ออกเลย (หัวเราะ)

จริงๆ ความประทับใจของผมคือเราเคยเล่นดนตรีกันมาก่อนมากกว่า เราไปแข่งด้วยกัน ไปทำอะไรด้วยกัน เราได้ความประทับใจร่วมกันมาเยอะ เราไปเล่นตรงนั้น เวลาเราเสียใจ เราก็เสียใจด้วยกัน ดีใจก็ดีใจเหมือนกัน แบบนี้มากกว่า”

ดั๊ก : “เหมือนนิสัยทุกคนมันจะใกล้เคียงกันหมดนะครับ จะตลก เฮฮา แต่เวลาทำงานก็จริงจัง อย่างจอร์จเป็นคนนิ่งๆ ดูไม่ค่อยพูด ตอนนี้ก็เฮฮา เขาก็รับทุกมุขเลย เราชอบเล่นเกมเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถึงกับเล่นทั้งวัน เราเล่นเป็นเวลา 10-20 นาที เหมือนเรานั่งรถไปไหนไกลๆ ก็เล่นบ้าง แต่เวลาทำงานเราก็ไม่ได้เล่น

ส่วนแน็กนิสัยจะคล้ายกันเลย เพราะรู้จักตั้งแต่เด็ก อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยเรียน ผมเพื่อนน้อย ไม่มีอยากเลิกคบใคร ส่วนบอมบ์เขานิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่ ลุคกับนิสัยเขาดูเท่ๆ ขรึมๆ แต่พอได้รู้จักนิสัย เขาก็ตลกนะครับ ทำให้รู้ว่าเราก็ยังเด็กกันอยู่นะ ยังไม่ได้อายุเยอะมากๆ ยังเป็นวัยรุ่น ยังคุยกันได้ ทำอะไรด้วยกันได้”

ก้าวแรกบนถนนมิตรภาพ ของวง ‘ชาลี’

แน็ก : “จอร์จดีครับ จอร์จดีมาก (เน้นเสียงและหัวเราะเบาๆ) ถ้าวันหนึ่งจอร์จมีปัญหาหรืออะไร เราก็ต้องโทษบอมบ์ เพราะบอมบ์เป็นคนพาจอร์จมา และเราก็จะไปฟ้องพี่ต้น (หัวเราะ) เอาจริงแล้วจอร์จเป็นคนที่น่าจะประสบการณ์เยอะ เพราะเขาทำงานกลางคืน เวลาซ้อมเขาจะมีคุมวงได้ในระดับหนึ่ง ก็ดีครับ

ส่วนดั๊ก เราไม่ค่อยมีอะไรพูดถึง เราสนิทกัน ก็อยากให้เขาซ้อมหนักๆ ซ้อมเยอะๆ จะได้ทำงานด้วยกันได้ (ดั๊กพยักหน้า) บอมบ์ก็ขี้เก๊กไปวันๆ (หัวเราะ) หน้าตาเขาเหมาะกับโฆษณากาแฟนะครับ ดูเขาสิ ขี้เก๊ก เราดูเขาจากวิดีโอ เราคิดเลยว่าเขาเก่งมาก วันแรกถ่ายงาน เขาถ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว เขินกล้อง ถ่ายรูปยังถ่ายไม่ได้ หลุดขำอยู่นั่น แต่พอเขาจับกีตาร์นะ โห! เขาเท่มาก”

บอมบ์ : “ไม่รู้จะพูดยังไง เรารู้จักกันมาทุกคนนิสัยดีหมดเลย (โทนเสียงเปลี่ยนจนโดนเพื่อนแซว) คืออย่างผมจะเลือกใครสักคนมาร่วมงาน ผมไม่ได้เลือกคนเก่งนะ อันนี้ต้องพูดก่อน

อย่างจอร์จ ผมทำไซด์โปรเจกต์ ต้องบอกก่อนว่าผมทำบรรเลงมาหลายเพลงแล้ว แต่ผมจะเลือกจอร์จตลอด เพราะเหมือนเราคุยกันง่าย (แน็กแทรกว่า คนอื่นเขาคิดตังค์ไง จอร์จไม่คิดตังค์) ต่อให้เก่งยังไง เราก็คิดว่าเก่งแล้วไง เราจะเลือกคนที่เรารู้จักและคุยง่าย ซึ่งจอร์จเป็นคนที่ดีเลย เขาเข้าใจเรา เราอยากได้แบบนี้ เราเล่นกันมานาน เขาจะรู้

ส่วนดั๊ก เจอกันแรกๆ เขาเป็นรุ่นน้อง มีนิสัยคล้ายแน็ก เขาคล้ายกันยังไงไม่รู้ ขี้เล่น เฮฮา ติดตลก เขาจะส่งมุขกันตลอด เวลาทำงานเขาซีเรียส ช่วงแรกผมบอกเขาเลยว่า ไม่ต้องซีเรียสนะ เพราะการเล่นดนตรีถ้าเราเครียดมันเหมือนกับเราเอาหุ่นยนต์มาเล่น มันจะไม่ธรรมชาติ ถ้าในมุมนักแสดงคือคนนี้จะดูแข็ง เหมือนปั้นเพื่อให้คนดู มันจะไม่ได้ออกจากฟีลข้างใน ก็พยายามบอก เพราะน้องเขายังไม่เคยมีประสบการณ์ เราก็บอกเขาไปว่าไม่ต้องเครียดนะ”

สำหรับวงชาลีไม่มีการตั้งกฎเกณฑ์ให้กัน ไม่มีกรอบให้เกิดความอึดอัดใจ เพราะพวกเขาคิดว่ามีอะไรคุยกันตรงๆ เสียมากกว่า อาจจะด้วยอายุที่ใกล้กัน ความคิดเห็นและทัศนคติจึงอยู่ในความพอดี พวกเขาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันแชร์ไอเดียต่างๆ และมีเป้าหมายเดียวกันว่าจะทำอย่างไรให้เพลงได้ออกไปสู่คนฟังให้ได้มากที่สุด แม้ว่าบางช่วงแนวเพลงอาจจะมีบ้างที่ไปคนละทิศคนละทาง แต่การรับฟังกันทำให้วงสามารถหาจุดตรงกลางได้อย่างดี

แน็ก : “จริงๆ เพลงที่ 2 ผมจะให้บอมบ์จัดการหลายอย่างเลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มลังเล เพราะบอมบ์มันเลือกเพลงมาที เราก็เริ่มแป้วแล้ว พอดีผมมีเพลงแต่งไว้เยอะ เราจะแชร์กันว่าอยากทำเพลงไหน เพลงที่ 2 แต่ละคนจะมีหน้าที่จริงจังของตัวเองแล้ว ส่วนเพลงมันจะเร็วจะช้าอยู่ที่คนขึ้นโครง ก็คือบอมบ์ มันจะทำงานไหม” (หัวเราะ)

บอมบ์ : “ตอนแรกที่เราเลือก มันอาจจะดูป๊อปไป อยากให้มันดูหนักหน่อย เลยเปลี่ยนเพลง เพราะแน็กเขามีเพลงเยอะอยู่แล้ว เราก็แค่เอามาสานต่อ มันก็มาอีกเพลง ก็จะออกร็อก แต่ก็มีผสมป๊อป เป็นป๊อปร็อก ซึ่งตอนแรกมันป๊อปจ๋าเลย”

แน็ก : “แต่เพลงต่อไปต้องปล่อยในเร็วๆ นี้แล้ว ตอนนี้เรารู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานที่เราทำในตอนนี้ ช่วงนี้ก็โปรโมท เราก็พยายามคิดว่าทำอย่างไรให้เพลงเราไปได้ไกลที่สุด”

ความสำเร็จและมีผู้คนชื่นชอบในผลงานเพลง เป็นการตอบแทนความเหนื่อยยากทั้งหมดได้ดีที่สุด และคงเป็นกำลังใจที่จะก้าวต่อไปบนบันไดที่สูงขึ้น พวกเขาหวังว่าจะทำให้วงชาลีไปสู่จุดนั้น