posttoday

สร้างรายได้จากขนมไทย

02 พฤษภาคม 2561

ลูกหยี-ทัชชา พรจนกาญ วัย 34 ปี เจ้าของลา มะลิลา โฮสเทล (La Malila Hostel) จ.อุดรธานี มีงานอดิเรกที่เธอรัก

เรื่อง ภาดนุ

ลูกหยี-ทัชชา พรจนกาญ วัย 34 ปี เจ้าของลา มะลิลา โฮสเทล (La Malila Hostel) จ.อุดรธานี มีงานอดิเรกที่เธอรัก ทำแล้วมีความสุขและยังสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้อีกด้วย นั่นก็คือการทำขนมไทยขายทางออนไลน์ และเปิดสอนทำขนมไทยให้กับผู้ที่สนใจ ยิ่งช่วงนี้กระแสอนุรักษ์ความเป็นไทยและละครแนวพีเรียดกำลังมาแรง จึงถือว่าเป็นงานอดิเรกที่มีคุณค่า

“จุดเริ่มต้นในการทำขนมไทย เกิดขึ้นหลังจากที่หยีเรียนจบปริญญาตรีทางด้านเทคโนโลยีการบรรจุ จากคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ช่วงนั้นด้วยความที่หยีชอบกินเบเกอรี่ พอเรียนจบปริญญาตรี หยีจึงตัดสินใจไปเทกคอร์สทำเบเกอรี่ที่สถาบันวิลเลียม แอนกลิสส์ (William Angliss Institute) ในเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เป็นเวลา 1 ปี แต่พออยู่ไปสักพักก็เริ่มรู้สึกเอียนกับขนมฝรั่ง อยากจะหาขนมไทยกินบ้าง แต่มันหาซื้อยากมาก หยีเลยมีความคิดว่าจะทำกินเอง โดยเปิดตำราขนมไทยแล้วทำตาม เพราะขนมไทยบางชนิดมีส่วนผสมที่คล้ายกับขนมฝรั่ง จึงสามารถหาส่วนผสมที่ใกล้เคียงมาลองทำได้

ตอนนั้นหยีทำขนมไทยที่ชื่อ “บุหลันดั้นเมฆ” ซึ่งเป็นรูปทรงกลมๆ ที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า แล้วหยอดด้วยสังขยาลงไปตรงกลางแป้งที่ยุบตัวอีกที ซึ่งสมัยก่อนคนโบราณจะผสมน้ำอัญชันลงในแป้ง สีของขนมจึงออกมาสีม่วงสวยคล้ายเมฆยามกลางคืนแล้วมีพระจันทร์อยู่ตรงกลาง หยีทดลองทำอยู่หลายครั้ง แม้สูตรขนมจะบอกมาเป๊ะๆ แต่เวลาทำขนมไทยจริงๆ เคล็ดลับจะอยู่ที่การควบคุมไฟให้พอดี ขนมถึงจะออกมาสวยค่ะ”

สร้างรายได้จากขนมไทย

ลูกหยีเล่าว่า ขนมไทยชนิดต่อมาที่เธอทำก็คือ ขนมชั้น แต่ตอนอยู่ที่เมลเบิร์นนั้นหาวัตถุดิบยากมาก โดยเฉพาะแป้งเท้ายายม่อมที่จะทำให้ขนมชั้นออกมาเหนียวนุ่ม แต่เมื่อขาดไปจึงขาดความเหนียว ต่อมาเธอก็ทำลูกชุบทั้งรูปผลไม้และรูปกุหลาบ รวมทั้งข้าวเหนียวสังขยา ไปฝากขายในร้านของคนไทยที่อยู่ในเมลเบิร์น ส่วนขนมไทยอีกชนิดที่ยากสำหรับเธอก็คือ ฝอยทอง เพราะเคล็ดลับอยู่ที่น้ำเชื่อมต้องร้อนอยู่ตลอดเวลา และจะต้องควบคุมความหนืดของน้ำเชื่อมให้พอดีด้วย

“ช่วงแรกขนมไทยที่หยีทำก็ขายดีนะคะ แต่นานๆ ไปก็เริ่มมีคนทำออกมาฝากขายบ้าง ช่วงหลังหยีก็เลยหยุดทำเพราะรู้สึกว่าไม่คุ้ม เมื่อกลับเมืองไทยหยีก็เริ่มทำขนมไทยขายบนอินสตาแกรม โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่าลา มะลิลา (La Malila) ซึ่งขนมที่ทำขายก็เช่น ทองเอก กลีบลำดวน ทองโปร่ง ดาราทอง (จ่ามงกุฎ) ทองเอก เสน่ห์จันทร์ และสัมปันนี ที่สไตล์ขนมเหล่านี้จะคล้ายๆ กับคุกกี้ จึงสามารถเก็บไว้ได้นาน

ลูกค้าที่นิยมสั่งจะมีทั้งวัยเริ่มทำงานอายุ 20 ปี ไปจนถึงอายุ 45 ปี มีทั้งที่เราไปส่งให้และลูกค้ามารับขนมเอง โดยเราจะขายเป็นกล่อง เช่น ทองเอก 30 ชิ้นใส่กล่องผูกโบอย่างดี ราคา 400 บาท++ ถ้าเป็นคุกกี้ขวดแก้วจะเริ่มที่ 150 บาท ส่วนใหญ่คนจะสั่งเยอะในช่วงเทศกาล

ปัจจุบันก็ทำขนมขายบนออนไลน์มาได้ 2 ปีแล้ว แต่ช่วงหลังมานี้หยีไม่ค่อยได้ทำขนมขายมากนัก เพราะหันมาโฟกัสเรื่องการเปิดคอร์สสอนทำขนมไทย จุดเริ่มต้นก็มีลูกค้านี่แหละค่ะมาขอร้องให้สอน ผู้เรียนจะมีตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ที่ผ่านมาขนมที่เคยสอนทำ จะมีทั้ง ช่อม่วงจีบนก และม้าฮ่อ ส่วนใหญ่จะเป็นการสอนแบบตัวต่อตัว หรือมากสุดก็กลุ่มละ 3 คน โดยคิดราคาค่าสอน 1,900 บาทต่อขนม 1 ชนิด โดยใช้เวลาเรียน 4 ชั่วโมงเต็ม”

สร้างรายได้จากขนมไทย

ลูกหยีเสริมว่า ต่อมาเธอได้จัดคอร์สสอนทำขนม 2 ชนิดที่มีส่วนผสมคล้ายๆ กันไว้ในคอร์สเดียว จุดประสงค์หลักก็เพื่ออยากให้ผู้เรียนมาเรียนแล้วคุ้มค่าเงินที่สุดแต่ถ้าเรียนทำทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง ก็จะคิดค่าเรียนคอร์สละ 2,500 บาท เพราะทั้ง 3 ชนิดเป็นขนมไทยที่ใช้ไข่ไก่เปลืองมากนั่นเอง

“ในอนาคตหยีคิดไว้ว่า อาจจะลองเปิดคอร์สสอนทำขนมไทยที่แปลกๆ ใหม่ๆ และคนทั่วไปยังไม่ค่อยคุ้นเคยเพิ่มเข้ามาด้วย เช่น ขนมพระพาย ซึ่งขนมนี้มีส่วนผสมที่บวกกันระหว่างขนมเทียนและขนมต้ม ตัวขนมมีแป้งที่เหนียว ใช้วิธีการนึ่งให้สุก กินแล้วอร่อยค่ะ

ที่ผ่านมา ขนมของหยีมีโอกาสได้ไปเข้าฉากในละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ทางช่อง 3 ที่เพิ่งจบไป ในฉากที่แม่การะเกด นางเอกของเรื่องทำขนมหล่นลงไปในถ้วย จนเป็นที่มาของขนมทองหยิบ (ยิ้ม) ตอนนั้นหยีไปช่วยกองถ่ายทำขนมเพื่อประกอบฉากด้วยตัวเองเลยค่ะ เรียกว่าทำสดๆ กันตรงนั้นเพื่อเข้าฉากเลยละ มันจึงเป็นความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ขนมไทยให้คนดูได้รู้ถึงที่มาของขนมแต่ละชนิดค่ะ”…ติดตามได้ที่ IG : la_malila_1st