posttoday

ลิเกธรรมะประวัติ 'อัมราปาลี' สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

11 เมษายน 2561

สืบเนื่องจากปีที่แล้ว การจัดการแสดงลิเกธรรมะประวัติ “อชาตศัตรู” เป็นที่สนใจของผู้ชมอย่างล้นหลาม

โดย...วราภรณ์

สืบเนื่องจากปีที่แล้ว การจัดการแสดงลิเกธรรมะประวัติ “อชาตศัตรู” เป็นที่สนใจของผู้ชมอย่างล้นหลาม สมเจตนารมณ์ที่จะสืบสานงานลิเกศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงให้ความสำคัญและทรงให้การสนับสนุนเสมอว่า อีกทั้งเป็นการเผยแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้ข้อคิดแก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี มาปีนี้คณะผู้จัด ได้แก่ ครอบครัวลิเกมิตรชัย จึงจัดการแสดงลิเกต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท เอเอ็มซี เวิลด์ โดย ไชยา-แอน มิตรชัย และเสถียรธรรมสถาน จัดการแสดงลิเกธรรมะประวัติ 2 พุทธกุมารี เดอะมิวสิคัล เรื่อง ”อัมราปาลี” กำกับการแสดงและแสดงโดย แอน มิตรชัย และพิเศษกว่าปีที่แล้วคือดึงนักแสดงบอลลีวู้ดร่วมแสดงด้วย ได้แก่ ฮิมานชู โชนิ ที่คนไทยรู้จักกันดีจากการรับบทเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและพระพุทธเจ้า อีกหนึ่งนักแสดงเด่น ได้แก่ อภิราม แนน อีกด้วย

วัตถุประสงค์การจัดในครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และสืบสานการแสดงลิเกศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้ดำรงอยู่เป็นสมบัติของชาติสืบไป รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับมูลนิธิเสถียรธรรมสถานในการสร้างธรรมาศรมต่อไป

อัมราปาลี พุทธกุมารี ผู้เดินรอยบาทพระศาสดา

แอน มิตรชัย (จริยา สมบูรณ์) ผู้กำกับการแสดงและนักแสดง เปิดเผยถึงการนำเรื่อง “อัมราปาลี” จากรักสู่นิรันดร์” ลิเกธรรมะประวัติ 2 พุทธกุมารี เดอะมิวสิคัล เป็นเรื่องราวของผู้หญิงนามว่า “อัมราปาลี” นางคณิกาผู้ทรงเกียรติในสมัยพุทธกาล ผู้ได้อรหัตผลภายหลัง ผู้หญิงนางหนึ่งซึ่งแม้จะเป็นคณิกา แต่อาชีพการงานก็ไม่ได้ทำให้ใจนางเปื้อนมลทินไปได้ ในช่วงชีวิตหนึ่งของเธอได้พบรักกับพระเจ้าอชาตศัตรู แห่งแคว้นมคธ แต่ความรักที่พระเจ้าอชาตศัตรูมีให้กับเธอนั้นกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างตราบาปให้เธออย่างสาหัส แต่หัวใจของเธอนั้นมีความเป็นบุตรที่รักแผ่นดินแม่เหนือสิ่งอื่นใดเธอจึงไม่สามารถเลือกความสุขส่วนตัวและทรยศแผ่นดินเกิดตัวเองได้ เธอทนอยู่ท่ามกลางความกลัว สับสน เสียงสาปแช่งของประชาชน สร้างความทุกข์อันสูงสุดแก่เธอ ต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหมดที่เกิดจากความรัก ทุกข์ในครั้งนี้เองได้นำพาเธอไปสู่ความรักอีกประเภทหนึ่ง คือนำพาเธอไปสู่อรหันต์

ลิเกธรรมะประวัติ 'อัมราปาลี' สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

“เรื่องนี้ไม่ใช่บอกแค่ความรักเท่านั้น แต่เป็นความรักที่ตีแผ่ แม้อัมราปาลีจะเป็นนางคณิกาแต่ก็สามารถบรรลุธรรมได้ เรื่องความรักเป็นเรื่องปุถุชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อพ่อแม่พี่น้อง เรื่องราวจะนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป รักอย่างไรให้มีสติ รักอย่างไรให้บริสุทธิ์ได้ เรื่องนี้จึงสนุก มีการเต้นประชันกัน น่าจะทำให้ทุกคนสนุก หลากหลายอารมณ์” แอน กล่าว

แอน เล่าต่อว่า แอนเลือกเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของความรัก ความรักอยู่ในตัวของทุกผู้คนทุกยุคทุกสมัยง่ายต่อการเข้าถึงของผู้ชม ถ้าพูดถึงนางอัมราปาลี ด้วยตำแหน่งคือนางคณิกาผู้ทรงเกียรติของเมืองไวศาลี นางผ่านชายที่สูงศักดิ์เช่นกษัตริย์เมืองต่างๆ มาหลายคน แต่ไม่เคยมีชายคนไหนได้หัวใจของนาง และเมื่อนางได้พบกับพระเจ้าอชาตศัตรู ความรักเกิดขึ้นในชั่วพริบตาอุบัติอย่างกะทันหัน สวยสดงดงามฉากนี้นักแสดงถ่ายทอดความรู้สึกออกมาด้วยลีลาการแสดงและบทเพลงเดอะมิวสิคัล ช่วงความรู้สึกตรงนี้คือ “รักโรแมนติก” คาดหวังว่าฉากนี้จะกลายเป็นฉากไฮไลต์ที่อยู่ในใจของผู้ชม ในส่วนของมหาบุรุษผู้พิชิตที่ยิ่งใหญ่อย่างพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์ นางอัมราปาลีนางสามารถพิชิตหัวใจบุรุษที่โหดเหี้ยมและกลับกลายมาเป็นมหาบุรุษที่มีแต่ความรักลุ่มหลงเสน่หาในตัวของนางและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้น ความรู้สึกเดียวของพระเจ้าอชาตศัตรูคือต้องครอบครองนางให้ได้เท่านั้น

“ละครเรื่องนี้เราเตรียมงานกันนานมาก ตั้งแต่คิดบทเขียนบทเอง โดยใช้บทประพันธ์เรื่องและราชนิเกิง หรือคำร้องลิเก คือ สมศักดิ์ สมบูรณ์ ละครเรื่องนี้ซ้อมกันเป็นเดือนๆ คนมาดูจะได้รู้ซึ้งถึงธรรมะ อีกทั้งคนดูจะได้อรรถรส ฉากแสงสีแสงตระการตามากๆ   นอกจากนี้ยังมีฉากน่าประทับใจอีกมากมายที่ผู้ชมห้ามพลาดชม ได้แก่ ฉากคัดเลือกตำแหน่ง หญิงงามเมือง แห่งเมืองไวศาลี เป็นการประชันไหวพริบและประชันเต้นของนางอัมราปาลี ต่อหน้ากษัตริย์ และประชาชน ที่รับบทโดยแอน กับนักเต้นที่มีความสามารถ และฉากสำคัญของเรื่องนี้คือ เมื่อนางอัมราปาลีต้องเลือกระหว่างยึดมั่นรักแผ่นดินแม่ หรือเลือกความสุขส่วนตัวและทรยศแผ่นดินเกิดอันนี้ต้องติดตามค่ะ นอกเหนือความเข้มข้นของเรื่องแล้วในแต่ละช่วง ยังมีการเล่าเรื่องด้วยเพลงฉ่อยศิลปะการร้องของไทย โดยตลกที่มากความสามารถอย่าง น้าโย่ง น้าพวง เชิญยิ้ม รับรองได้ว่าครบรสค่ะ” แอน กล่าว

ดึงนักแสดงบอลลีวู้ดร่วมแสดง

พิเศษกว่าปีที่แล้วคือการดึงนักแสดงบอลลีวู้ดร่วมแสดงด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นนักแสดงจากซีรี่ส์พุทธประวัติ “พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก” ฮิมานชู โชนิ ที่คนไทยรู้จักกันดีจากการรับบทเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและพระพุทธเจ้า อีกหนึ่งนักแสดงเด่น อภิราม แนน ครั้งนี้เขามารับบทพระพุทธเจ้า ร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย โดยเรื่องอัมราปาลีเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างลิเกกับละครเวทีเดอะมิวสิคัล ลักษณะเพลงซิมโฟนีผสมเครื่องดนตรีไทยเข้าไว้ด้วยกัน

“ส่วนนักแสดงไทยคนอื่นๆ ได้แก่ ไชยา มิตรชัย รับบทพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองมคธ เมื่อไปตีหัวเมืองใดก็แล้วแต่ก็จะชนะ นอกจากนี้ยังมี นภัสกร มิตรเอม ศุภกร กิจสุวรรณ รับบทกษัตริย์ลิจฉวี เมืองไวศาลี นภัสกร มิตรธีรโรจน์ รับบทขุนพลราม (ทหารคู่ใจพระเจ้าอชาตศัตรู) เป็นทีมทำงานที่มีคุณภาพร่วมทำงานรวมหลายร้อยชีวิต นักแสดงทุกคนฝึกซ้อมกันหลายสิบรอบ คนดูจะสัมผัสถึงอารมณ์ของนักแสดงแบบสดๆ ในส่วนของนักแสดงนั้นใช้ทักษะการแสดง ทั้งการร้องแบบมิวสิคัลและขับร้องบทเพลงราชนิเกิง (กลอนลิเก) ฉาก แสง เสียง ยิ่งใหญ่ตระการตา ดนตรีสากลผสมผสานกับดนตรีไทยและอินเดียอย่างกลมกล่อม เสื้อผ้าสวยงามวิจิตร ผู้ชมจะรู้สึกถึงอารมณ์ที่ร่วมไปด้วยกันกับผู้แสดงและเชื่อว่าจะรู้สึกถึงเสน่ห์ของการแสดงในครั้งนี้แน่นอนค่ะ ศิลปกรรมไทยแขนงลิเก ไม่ว่าจะไปผสมผสานกับอะไร อยากให้ลิเกอยู่คู่กับคนไทยไปตราบนานเท่านาน ราชนิเกิง คือ ลิเก เยาวชนไทยเมื่อปีที่แล้ว พอดูแล้วไปกราบคุณพ่อสมศักดิ์ เราต้องทำต่อ แม้เหนื่อยหนักแต่รักที่จะทำเหลือเกิน” แอน กล่าว

ลิเกธรรมะประวัติ 'อัมราปาลี' สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

ด้านนักแสดงคนดังแห่งบอลลีวู้ด อภิราม เผยถึงการรับแสดงละครเวทีเรื่องนี้ว่า แม้เขามาเมืองไทยเป็นครั้งแรก แต่ที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้แม้ไม่เคยเล่นมิวสิคัลมาก่อน เขารู้สึกดีมากที่ได้รับความรักที่อบอุ่นจากแฟนคนไทย เขาคิดว่าเป็นคำอวยพรจากพระเจ้า พอได้รู้ว่าได้โอกาสทำเพื่อพระพุทธศาสนาและตอบแทนแฟนๆ คนไทย และยังมีราชินีของลิเกไทยเป็นหนึ่งในผู้จัด เขาจึงปฏิเสธไม่ได้เลย

“ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เล่นละครเพลงของผม แต่พอมาได้ซ้อมกับคนไทยแล้ว ดนตรีสามารถเข้าไปกระทบจิตใจคนเราได้ อย่างตัวผมสามารถรู้สึกผ่านเสียงดนตรีได้ ซึ่งละครเวทีแตกต่างจากเล่นภาพยนตร์ เวลาที่เล่นไปพร้อมกับดนตรีจังหวะต่างๆ ดนตรีกระทบหัวใจ ทำให้ผมสามารถเล่นได้ดีกว่าและเล่นได้ลึกกว่าเล่นละครปกติเสียอีก พอได้มาสัมผัสเมืองไทยซึ่งเป็นประเทศที่คนไทยน่ารัก อบอุ่น และมีรอยยิ้มครับ”

ฮิมานชู อีกหนึ่งนักแสดง กล่าวว่า เขามาเมืองไทยเป็นครั้งที่ 7 แล้ว ที่รับเล่นเรื่องนี้เพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากแอนให้มาร่วมเล่นละครเวทีและเป็นการแสดงสด ที่สำคัญเป็นการแสดงเพื่อการกุศล จึงนับเป็นโอกาสดีที่ทำให้เขาได้พบกับแฟนๆ ละครชาวไทย อีกทั้งได้เล่นเป็นพระพุทธเจ้าอีกครั้ง จึงจะมีเซอร์ไพรส์มาให้แฟนๆ ละครชาวไทยได้เห็น ก็คือเขาจะนำเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมดที่เขาเคยใช้เล่นในพระพุทธเจ้าในซีรี่ส์ขนมาจากบอลลีวู้ดจริงๆ มาแสดงครั้งนี้ด้วยเพื่อให้แฟนๆ ได้ชม ซึ่งการแสดงละครเวทีถือเป็นโอกาสที่ดีอีกด้วย

เสื้อผ้าวิจิตร

เสื้อผ้าของแต่ละตัวละครมีความวิจิตรและออกแบบออกมาอย่างงดงาม โดยเฉพาะชุดของนางเอกของเรื่อง อัมราปาลี ที่ได้โจ้แห่งห้องเสื้อเซอร์เฟซ หรือ  อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์ ตัดเย็บและออกแบบให้ถึง 2 ชุดพิเศษ ได้แก่ ชุดอินเดียประยุกต์สีแดงและสีดำ ซึ่งจะใช้ในการแสดงฉากสำคัญๆ ในเรื่อง สำหรับแรงบันดาลใจในการออกแบบทำตามโจทย์ที่แอนต้องการก็คืออัมราปาลีเป็นนางคณิกาแล้วได้กับกษัตริย์ สุดท้ายก็ไปบวชเป็นพระอรหันต์อธิษฐ์ จึงตีโจทย์ว่าอัมราปาลีต้องเป็นผู้หญิงที่มีความงดงามมาก

“ชุดสองชุดมีสีแดงกับสีดำ พอได้โจทย์มาพี่โจ้ก็เสิร์ชหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตชมภาพยนตร์อินเดีย เพื่อให้รู้ว่าการแต่งกายยุคนั้นกลิ่นอายเสื้อผ้าสมัยนั้นจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วบวกจินตนาการการแสดงละครเวทีที่ต้องใช้วัสดุสมัยใหม่เข้าไปผสมผสาน ให้งานต่อการเคลื่อนไหวและสวมใส่ บางส่วนใช้ผ้ายืดเพื่อให้กระชับรูปร่าง เต้นได้แบบอินเดีย เพราะหนังมูฟเยอะ แต่เสื้อผ้าสไตล์อินเดียค่อนข้างรุ่มร่าม นักออกแบบต้องทำให้เสื้อผ้าละครเวทีง่ายต่อการสวมใส่  ทุกอย่างจะอยู่บนเคสสูททั้งตัว  เวลาถอดหรือใส่ใช้วิธีรูดซิปทีเดียวได้เลย และก็ใส่เครื่องประดับลงไปก็ดูสวยงามสมบูรณ์ ทุกอย่างต้องเร็ว เครื่องประดับบางอย่างบนศีรษะจะเยอะหน่อย” โจ้เล่าต่อว่า อย่างชุดสีแดงต้องเป็นชุดที่สวยที่สุด แต่ปรากฏชุดสีดำมีความงดงามมากกว่าเพราะใช้เวลาทำนานกว่าชุดสีแดงที่ต้องทำอย่างเร่งมือเพื่อใช้ถ่ายในการโปรโมท

ลิเกธรรมะประวัติ 'อัมราปาลี' สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

“ชุดงดงามเช่นสีแดง น้องแอนต้องใส่โชว์เต้นให้กษัตริย์ชม ถือเป็นฉากที่สำคัญ น้องแอนก็ชอบมากด้วย สำหรับชุดสีแดงคือการนำชุดส่าหรีเก่าที่เป็นชุดอินเดียโบราณเลาะดิ้นโบราณออก แล้วนำไปแต่งบนชุดใหม่ ชุดสีแดงจึงมีความโบราณผสมอยู่ด้วย เพราะพี่โจ้ดูจากละครเวทีเรื่องแรกเครื่องแต่งกายเขาเต็มที่มากๆ พอมาคราวนี้ได้รับมอบหมายทำ 2 ชุด พี่โจ้ต้องทำเต็มที่เหมือนกัน ไม่ให้น้อยหน้าครั้งแรก อยากให้ชมกัน อย่างชุดนางอัมราปาลีทั้งสีแดงและสีดำมีความพิเศษมากๆ มีความสวยงามวิจิตร เครื่องประดับศีรษะก็พิเศษ เอาของอินเดียมาจัดเรียงใหม่  บวกจินตนาการวัสดุเครื่องประดับ เราจับเรียงให้เกิดความสวยงาม ใหญ่เกินจริงๆ มาประกอบกันปุ๊บก็งดงามน่าชมที่สุด”

กำหนดรอบนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ในวันที่ 24-25 เม.ย. เปิดให้เข้าชมฟรี และรอบเพื่อการกุศลวันที่ 26-29 เม.ย.นี้ จัด ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิเสถียรธรรมสถาน ในการสร้าง Mindfulness Hospital (ธรรมาศรม) ชุมชนแห่งสติ ที่มีนวัตกรรมของการฉุดช่วยตั้งแต่เกิดจนตาย สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ ที่เบอร์โทร.  06-2790-8880, 09-1157-9239 และ 09-0709-7438