posttoday

บอกลา 3 พฤติกรรม ทำร้ายหัวใจ

03 เมษายน 2561

จํานวนผู้เสียชีวิตและป่วยด้วยโรคหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

เรื่อง พุสดี

จํานวนผู้เสียชีวิตและป่วยด้วยโรคหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี สำหรับในประเทศไทยข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ปี 2555-2559 ระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจกว่า 54,530 คน เฉลี่ยวันละ 150 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คน นอกจากนี้ยังเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการป่วยและเสียชีวิตของคนไทยเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง ทั้งที่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เนื่องจากหลายคนอาจไม่รู้ว่า โรคหัวใจเป็นผลมาจากโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด และความอ้วน ซึ่งล้วนเป็นโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่ถูกต้อง

เพื่อทำความเข้าใจกับโรคหัวใจให้ถูกต้อง น้ำมันมะกอก เบอร์ทอลลี่ ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของประเทศไทยได้เชิญ นพ.วิวัฒน์ แสงเลิศศิลปชัย จากศูนย์หัวใจโรงพยาบาลบีเอ็นเอช มาร่วมไขความลับที่หลายๆ คนไม่รู้หรืออาจมองข้ามไปเกี่ยวกับภาวะโรคหัวใจ

นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า การที่อวัยวะทุกส่วนของร่างกายจะทำหน้าที่ได้ดีนั้น หัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอโดยไม่สะดุด ดังนั้น หากหัวใจเราไม่แข็งแรง การทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกาย ก็จะสะดุดตามไปด้วย เพราะฉะนั้น “หัวใจ” จึงถือเป็นเป็นศูนย์กลางของระบบอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายทั้งหมด

โรคหัวใจนับเป็นปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนและสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่ง นพ.วิวัฒน์ได้กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ พร้อมแนะนำวิธีป้องกันดูแลตนเองต่างๆ ดังนี้

1.กรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น

แม้จะเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถตระหนักรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากสองปัจจัยนี้ได้ กล่าวคือ เมื่ออายุมากขึ้นความเสี่ยงในการเป็นโรคก็มากขึ้นตามไปด้วย และหากบิดามารดาหรือปู่ย่าตายายป่วยเป็นโรคหัวใจ ความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจของเราก็มีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อตรวจหาภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งเรารู้ตัวว่ามีแนวโน้มเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ยิ่งควรต้องมีวินัยใส่ใจตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะรักษาได้ทันเวลาและเพิ่มโอกาสในการรักษา

2.การกินอาหาร

หลักการง่ายๆ คือ ถ้าเรากินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เราก็จะมีสุขภาพดีตามไปด้วย รวมทั้งทำให้ร่างกายสมดุล ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ซึ่งรวมถึงโรคหัวใจด้วยเช่นกัน เพราะโรคหัวใจเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และความอ้วนดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง แต่อย่างไรก็ตามจะเลือกตัดขาดกับไขมันเลยก็ไม่ใช่ทางออก เพราะจะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน สุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุด คือ ความสมดุลในการกินอาหาร  

“ใน 1 วันเราควรบริโภคไขมันให้อยู่ระหว่าง 15-30% จากปริมาณแคลอรีที่เราบริโภคทั้งวัน และใน 15-30% ของปริมาณไขมันนั้น ควรเป็นไขมันดีหรือไขมันประเภทไม่อิ่มตัวมากกว่าครึ่งของปริมาณไขมันที่บริโภคทั้งหมด โดยไขมันดีหรือไขมันประเภทไม่อิ่มตัวนั้น มีคุณสมบัติในการลดไขมันไม่ดีในเลือดหรือคอเลสเตอรอลตัวร้ายอย่างแอลดีแอล (LDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน อโวคาโด และถั่ววอลนัต เป็นต้น” นพ.วิวัฒน์ กล่าวเสริม

3.ไม่ออกกำลังกาย

ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนในปัจจุบัน ทำให้การออกกำลังกลายเป็นสิ่งที่หลายคนละเลย ทั้งที่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การออกกำลังกายทุกวันเพียงวันละ 30 นาที จะส่งผลดีต่อการช่วยควบคุมน้ำหนัก สลายไขมันส่วนเกิน รวมถึงช่วยลดความเครียดจากการทำงาน ช่วยให้จิตแจ่มใส และนอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

“หากไม่สามารถจัดสรรเวลาออกกำลังกายได้ทุกวันจริงๆ ผมแนะนำให้ออกกำลังกายให้ได้ 150 นาที/สัปดาห์ ซึ่งเราสามารถแบ่งสรรเวลาความมาก-น้อย ในแต่ละครั้งแต่ละวันได้ตามความสะดวกของตนเอง แต่ไม่ควรมาออกกำลังกายทั้ง 150 นาที ในหนึ่งวัน ควรเฉลี่ยให้เหมาะสมไปในแต่ละครั้ง สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงข้อแนะนำในประเภทกีฬาหรือการออกกำลังกายของแต่ละคนโดยเฉพาะ เพราะโรคหัวใจมีหลายประเภท กีฬาบางประเภทอาจเหมาะกับผู้ป่วยบางคน แต่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยอีกคน ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรคหัวใจที่แต่ละคนเป็นด้วย” นพ.วิวัฒน์ ทิ้งท้าย