สุภาวดี ตระกูลบุญ ‘เกษียณสุข’ อายุไม่ใช่ข้อจำกัดในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัย ประกอบกับผู้คนยุคนี้หันมาให้ความสนใจตัวเองกันมากขึ้น
โดย อณุสรา ทองอุไร ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน
ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัย ประกอบกับผู้คนยุคนี้หันมาให้ความสนใจตัวเองกันมากขึ้น แม้จะอยู่ในวัย 50 กว่าแต่ก็ดูสดใสสวยงามอ่อนกว่าวัยไปหลายช่วงปี
จนมีหลายสำนักงานเริ่มจะขยายช่วงเวลาเกษียณอายุจาก 60 ปี เพิ่มเป็น 65 ปีและหลายๆ คนก็มีความสามารถที่หลากหลายแม้ในวัย 50 กว่าๆ หลายคนก็ยังลุกมาหากิจกรรม ทำงานอดิเรกให้เป็นของหวานในชีวิตกันอย่างมีความสุข เช่นผู้บริหารหญิงคนนี้ที่ยังแอ็กทีฟ มีงานอดิเรกที่สร้างสีสันให้ความสุขกับชีวิตเธอได้อย่างงดงาม
เธอบอกว่าอายุไม่ใช่ข้อจำกัดในการที่จะเริ่มลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งจะเข้าวัยเกษียณแล้ว ก็ยังเริ่มอะไรใหม่ได้เสมอๆ
ในแง่การทำงานนั้น สุภาวดี ตระกูลบุญกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู ทัช ผู้ให้บริการศูนย์บริการลูกค้าครบวงจร (Outsourced Contact Center) กล่าวว่า บุคลากรหายากบริษัทจึงซื้อซอฟต์แวร์ที่เรียกว่าเสียงสั่งได้มาจากประเทศญี่ปุ่น และนำมาปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย เพื่อพัฒนาบริการคอลเซ็นเตอร์ที่ช่วยลดปัญหาการขาดพนักงาน จนสามารถคว้ารางวัล ได้รางวัลเวิลด์ คอลเซ็นเตอร์ (World Call Center) ที่ 1 ในเอเชีย และได้ที่ 3 ของโลก ซึ่งมีบริษัทเข้าร่วมแข่งกว่า 100 บริษัทจัดขึ้นที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
เธอเล่าว่า ทำธุรกิจนี้มา 15 ปี ปัญหาใหญ่สุดคือเรื่องของคน ยุคแรกได้คนทำงานง่ายกว่า คนทำงานมีความอดทนมากกว่าเยอะยุคหลังๆ คนเจเนอเรชั่น Z ขาดความอดทน ใจร้อน หวังความก้าวหน้าภายในเวลาอันรวดเร็ว รออะไรไม่เป็น คุณภาพในการทำงานก็ด้อยลง
ปัจจุบันนี้เธอมีพนักงานทั้งสิ้น 1,300 คน ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 30 บริษัท ติด 1 ใน 3 ของบริษัทผู้ให้บริการทางด้านนี้ แม้แนวโน้มการทำงานจะมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน การทำงานมีปัญหามากขึ้น บุคลากรหายากขึ้น แต่เธอก็พร้อมจะลุยอย่างเต็มที่และบริหารเวลาในชีวิตให้ได้อย่างลงตัว โดยวันธรรมดาเธอให้เวลากับการทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนวันหยุดเธอก็มีงานอดิเรกที่สร้างความสุขใจให้ทำอย่างเต็มที่เช่นกัน
สุภาวดี ยังบอกว่า ยิ่งงานเครียด ยิ่งต้องรักษาสมดุลในการบริหารเวลาให้ดี เพื่อให้ชีวิตลงตัวมีความสุขได้กับในทุกๆ เรื่อง ดังนั้นเธอจึงมีงานอดิเรก ด้วยการวาดสีน้ำซึ่งวาดจริงจังมา 5-6 ปีที่แล้ว
“ไปเรียนด้วยความบังเอิญคือลูกสาวไปเรียนพิเศษ เราต้องไปรอ ก็หาที่เรียนฆ่าเวลาระหว่างรอรับลูก จากที่คิดว่าเรียนเล่นๆก็เลยเรียนจริงจัง เพราะเรียนแล้วชอบฝึกวาดทุกวันหยุด ยิ่งฝึกยิ่งชอบมีความสุขหลงใหล มันทำให้เราได้สมาธิ ใจเย็นขึ้นนิ่งขึ้น
ได้ทำให้เราได้หยุดคิดจากงานประจำ จากเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้เราฟุ้งซ่านในบางครั้ง เหมือนเป็นที่พักใจยามเครียด นอกจากนี้ก็ทำให้เรามีสังคมมีเพื่อน ได้ค้นพบความสามารถอีกด้านหนึ่งของตัวเราเองด้วย เพราะสีน้ำจะวาดยากกว่าสีน้ำมัน ซึ่งก็เรียนสีน้ำมันมาเหมือนกัน แต่พบว่าชอบสีน้ำมากกว่า”
จากความมุ่งมั่นตั้งใจจริง สุภาวดีสามารถนำภาพที่วาดไปประมูลขายเพื่อนำเงินไปบริจาคเพื่อการกุศลได้หลายโครงการแล้ว และล่าสุด เธอได้รับเลือกให้นำผลงานของเธอไปแสดงที่งานวาดภาพสีน้ำระดับโลกที่ประเทศอิตาลีในปีนี้ ที่งานบรัชปาร์ก-วอเตอร์คัลเลอร์ ฟาเบรียโน่ 2018 (Brushpark-watercolors Fabriano 2018)
และเมื่อปีที่แล้ว ผลงานวาดภาพของเธอก็ได้รับการคัดเลือกไปแสดงที่งานศิลปะที่ประเทศอินเดีย โดยเธอจะชอบวาดดอกไม้มากที่สุด โดยเฉพาะดอกกุหลาบถือว่าเป็นงานถนัดของเธอ และเริ่มจะลองหัดวาดรูปเหมือนบุคคลดูบ้างในระยะหลังๆ นี้ ซึ่งเธอใช้เวลาวันหยุด หรือตอนกลางคืนในบางวันในการวาดรูป เพื่อช่วยให้มีสมาธินิ่งสงบ เวลาที่ได้วาดรูปเหมือนจะลืมเรื่องราวรอบๆ ตัว จิตใจจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าอย่างแท้จริง
แผนการในอนาคตหากเกษียณอายุแล้ว สำหรับเธอไม่ใช่จะหยุดทุกสิ่ง แม้เลิกจากการทำงานประจำแล้ว เธอก็จะมองหาอย่างอื่นทำต่อไป โดยเฉพาะสิ่งที่อยากจะทำแล้วยังไม่ได้ทำเมื่อตอนยังทำงานอยู่ เช่น อาจจะไป
เรียนดนตรี ไปทำสวนดอกไม้ ไปเรียนโยคะ หรือแม้กระทั่งเปิดร้านกาแฟและเบเกอรี่เล็กๆ สักร้านไว้ทำยามเหงา เพื่อให้ได้ฝึกสมอง ได้ทำงานให้ตัวเองยังดูแอ็กทีฟอยู่เสมอ