posttoday

ค่าใช้จ่ายของรถ

13 มีนาคม 2561

ซื้อรถนับวันมูลค่าก็มีแต่จะลดลง มีอย่างเดียวที่เพิ่มเข้ามาก็คือค่าบำรุงรักษา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่มีผลกระทบต่อคนใช้

เรื่อง กั๊ตจัง ภาพ รอยเตอร์ส, เอพี

ซื้อรถนับวันมูลค่าก็มีแต่จะลดลง มีอย่างเดียวที่เพิ่มเข้ามาก็คือค่าบำรุงรักษา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่มีผลกระทบต่อคนใช้ บางคนถึงขั้นต้องยอมตัดใจขายรถทิ้งเพราะไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายค่าบำรุงรักษา ที่ไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เรามาดูกันว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถมีอะไรบ้างที่เราต้องบริหารเงินเผื่อเอาไว้ให้ดี

1.ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางทุก 1.5 หมื่นกิโลเมตร (กม.) รถจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง หากคุณใช้รถทุกวันวันละ 70 กม. คุณจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 7 เดือน ค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการเปลี่ยนถ่ายในศูนย์รถจะอยู่ราวๆ 3,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรถ เกรด และยี่ห้อน้ำมันเครื่องที่ใช้ คุณจำเป็นต้องเก็บเงินเผื่อสำหรับค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจำนวน 16 บาท/วัน หรือ เดือนละ 480 บาทไว้ด้วย

2.ค่าประกันรถ พ.ร.บ.และภาษี

นอกจากค่าน้ำมันเครื่องแล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมอีกอย่างคือค่าใช้จ่ายเป็นค่าประกันรถชั้น 1-3 ค่า พ.ร.บ.และภาษีประจำปี ค่าประกันรถ มีตั้งแต่ราคา 8,000-3 หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาดรถ และประเภทของ พ.ร.บ.ที่ใช้ ในที่นี้จะขอคิดราคาโดยเฉลี่ยของประกันชั้น 1 ที่ 1.8 หมื่นบาท ภาษีรถประจำปีเฉลี่ยที่ 2,000 บาท และค่าพ.ร.บ.ประมาณ 700 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 2.07 หมื่นบาท เฉลี่ยต่อปีคุณจะต้องกันเงินค่าใช้จ่ายรถวันละ 57 บาท จะใช้รถหรือไม่ใช้ก็ต้องกันเงินไว้วันละ 57 บาท หรือเดือนละ 1,700 บาท

3.ค่าผ่อนรถ

ค่างวดในการผ่อนรถนั้น ไม่ควรเกิน 15% ของรายได้ครอบครัวและไม่ควรเกิน 6 ปี ซึ่งให้ดีที่สุดคือ 4 ปีจะเป็นเวลาที่เหมาะสมกับการผ่อนรถโดยที่คุณไม่แบกรับภาระหนักเกินไป แต่สิ่งที่คุณควรระวังคือเรื่องค่านิยมและ
กับดักราคา คนไทยเรามีค่านิยมผิดๆ นิยมอวดรถใหม่เพื่อแสดงฐานะความมั่งมีทางอ้อม จึงนิยมเลือกซื้อรถหรูราคาแพงจนเกินฐานะที่แท้จริง อีกจุดที่ควรระวังคือเรื่องกับดักราคาค่างวดรถ ที่มักจะเห็นว่าเพิ่มผ่อนอีกไม่กี่พันบาทต่อเดือนก็จะได้รถรุ่นที่ดีกว่า ซึ่งไม่กี่พันบาทต่อเดือนนั้นรวมต่อปีก็เป็นเงินหลายหมื่น

4.ค่ายางและแบตเตอรี่

ในส่วนของค่ายางและแบตเตอรี่ ผู้ใช้จะเปลี่ยนตามการเสื่อมสภาพที่แท้จริง แต่ส่วนมากแล้วจะมีอายุใช้งานใกล้เคียงกันคือ 2 ปี ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 3,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดรุ่นและยี่ห้อ และควรเปลี่ยนก่อนถึงวันหมดอายุป้องกันการสตาร์ทไม่ติดกลางทางสำหรับยางรถยนต์เป็นอะไหล่รถยนต์ที่มีการเสื่อมทั้งตามระยะทางและอายุใช้งานไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือนับแต่วันแรกที่ใช้งานอายุการใช้งานก็จะเสื่อมไปตามระยะทางที่วิ่ง ส่วนการเสื่อมตามเวลาก็คือ อายุการใช้งานของยางอยู่ที่ 2 ปีนับแต่วันแรกที่ใช้งาน ถึงไม่ใช้ยางก็จะเสื่อมสภาพแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ ค่าเปลี่ยนยางครั้งละ 4 เส้นจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 หมื่นบาททุกสองปีคุณจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 1.96 หมื่นบาท ดังนั้นคุณจะต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายตรงนี้วันละ 27 บาท หรือเดือนละ 810 บาท

5.ค่าดูแลรักษารถยนต์

สำหรับคนรักรถย่อมลงทุนตกแต่งดูแลให้รถดูใหม่อยู่เสมอ จึงมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรถเข้าศูนย์ขัดเคลือบเงา เฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2,500 บาท คุณจึงต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายวันละ 14 บาท หรือเดือนละ 420 บาท สำหรับค่าดูแลรักษารถยนต์

6.ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ยาก

นอกจากค่าใช้จ่ายตามระยะเวลาและระยะทางแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถกำหนดได้ด้วยระยะทางและเวลา สามารถเสียได้โดยคาดเดาไม่ได้ เช่น ค่าซ่อมแอร์ หม้อน้ำรถยนต์รั่ว โช้ก อะไหล่ช่วงล่าง เครื่องยนต์ ครัชเกียร์ สายพานไทมิ่ง หัวเทียน ท่อไอเสีย และเครื่องเสียง ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะต้องถูกเผื่อเอาไว้เป็นการซ่อมกะทันหัน

เมื่อรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ต่อครั้งราวๆ 8,000-1.5 หมื่นบาท แต่จะพบได้กับรถที่มีอายุใช้งานมากกว่า 6 ปีขึ้นไป ถ้าคุณมีรถที่ใช้งานนานกว่า 6 ปี แนะนำให้เตรียมเงินราวๆ 1.5 หมื่นบาท กันไว้จากค่าซ่อมบำรุงต่างหาก

สรุปค่าใช้จ่ายแฝงที่เจ้าของรถต้องคิดคำนวณให้ดีต่อเดือนก็คือ 3,410 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายแฝงทั้งหมดในการดูแลรักษารถ และไม่รวมอีก 1.5 หมื่นบาท สำหรับรถที่มีอายุใช้งานนานเกิน 6 ปีสำหรับการซ่อมฉุกเฉิน ดังนั้นการจะซื้อรถสักคันคุณควรคิดให้ดี นอกจากค่างวดรถ และค่าน้ำมัน แล้วคุณไหวสำหรับค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้หรือเปล่า