posttoday

‘สโลว์ไลฟ์ คือ การได้เป็นนายตัวเอง’ ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์

11 มีนาคม 2561

โทนี่-ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์ ปัจจุบันคือเจ้าของแบรนด์น้ำมัลเบอร์รี่ออร์แกนิกคั้นสด

โดย วราภรณ์

โทนี่-ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์ ปัจจุบันคือเจ้าของแบรนด์น้ำมัลเบอร์รี่ออร์แกนิกคั้นสดมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ภายใต้แบรนด์ “แม่ยายดุ” แต่ในอดีตเขาคือพยาบาลหนุ่มที่ศึกษาจบด้านการพยาบาลจากประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากอยู่ที่นั่นนาน 9 ปี ทั้งเรียนและทำงาน เขาตัดสินใจทิ้งความศิวิไลซ์แต่ไม่ดีต่อสุขภาพคือ กินอาหารจังก์ฟู้ด ต้องกินอาหารกระป๋องที่อยู่บนชั้นวางของนานๆ กลับมาเมืองไทยหันมาทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อแบ่งปันสุขภาพดีให้ผู้สนใจได้กินผักปลอดสารบ้าง โดยมีไร่เล็กๆ อยู่ที่น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ สถานที่ที่เขาสามารถใช้ชีวิตแบบช้าๆ ที่เรียบง่าย แต่ก็มีความสุข

สนใจวิถีเกษตรอินทรีย์

‘สโลว์ไลฟ์ คือ การได้เป็นนายตัวเอง’ ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์

แรงบันดาลใจหลักๆ ที่ทำให้โทนี่สนใจเรื่องสุขภาพดีเนื่องจากคุณพ่อของเขาเสียด้วยโรคมะเร็งก่อนจะย้ายไปอยู่กับคุณแม่ที่พำนักอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพจากนักการตลาดให้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่มาทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ทำค่ายเพลงอิสระเล็กๆ ชื่อ โมโนโทน เคยทำงานเพลงร่วมกับค่าย เช่น เบเกอรี่ มิวสิค บีอีซี เทโร แกรมมี่ ฯลฯ ไปเรียนซาวด์ เอนจิเนียร์ด้านการบันทึกเสียง ที่มิวสิคเชียนส์ อินสติวติว หรือเอ็มไอ ที่แอลเอ การอยู่อเมริกาทำให้โทนี่ได้เปิดโลกของตัวเองว่าอะไรที่เราทำได้และทำไม่ได้ เพราะชีวิตที่นั้นการแข่งขันค่อนข้างสูง วันหนึ่งเขาจึงคิดเปลี่ยนเนื่องจากคุณพ่อของเขาเสียด้วยโรคมะเร็ง พอไปอยู่ที่อเมริกาพบว่าอาหารที่นู้นแย่มาก ไม่มีความรู้ด้านโภชนาการที่ดี ประกอบกับหากเจ็บป่วยค่ารักษาพยาบาลแพงมาก
ดังนั้น ประชาชนต้องดูแลสุขภาพของตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย ทำให้เขาอยากเรียนด้านสุขภาพจึงเข้าเรียนคอร์สพยาบาลจากเริ่มแรกเรียนคอร์สสั้นๆ กลายเป็นเข้าเรียนด้านการพยาบาลอย่างจริงจังจนศึกษาจบด้านการพยาบาลและสอบใบพยาบาลวิชาชีพได้แล้ว แต่ติดที่ปัญหาด้านเอกสารทำให้เขาไม่สามารถประกอบวิชาชีพด้านการพยาบาลที่อเมริกาได้ เขาจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทย มาทำในสิ่งที่ตัวเขาสนใจ นั่นคือ ดูแลด้านการกินด้วยการทำไร่เกษตรอินทรีย์

“ผมคิดว่าคนเราต้องฉลาดเลือกกิน พอผมกลับมาอยู่เมืองไทยได้ 2 ปีแล้ว ตอนกลับมาอยู่เมืองไทย ผมรู้สึกผมอยากเริ่มชีวิตใหม่ ที่ให้ประโยชน์กับตัวเองและสังคม และเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองเรียนมา ก็เลยขับรถไปเที่ยวภาคเหนือ ใต้ ออก ตก เพื่อท่องเที่ยวหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ก่อนกลับจังหวัดนนท์ที่ผมอยู่ ผมได้แวะไปเยี่ยมคุณพ่อของเพื่อน ซึ่งเขามาอยู่เมืองไทยที่น้ำหนาวและทำไร่เกษตรอินทรีย์ ปลูกมัลเบอร์รี่และผักชนิดอื่น ซึ่งเป็นวิถีที่ผมชอบมาก เพราะข้อดีของเมืองไทยคือปลูกอะไรก็ขึ้นง่าย ภูมิประเทศเราดี และผมอยากให้คนมีสุขภาพที่ดี อยากกลับไปใช้ชีวิตวิถีเกษตรอินทรีย์เหมือนสมัยพ่อแม่เรา ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า อยู่กับธรรมชาติรู้จักธรรมชาติ หรือเราเรียนแบบธรรมชาติได้ ในวิถีอินทรีย์ พอเจอคุณพ่อของเพื่อนทำฟาร์มออร์แกนิก ชื่อคุณจอห์น ที่ปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาว เช่น เขาปลูกกาแฟเป็นหลักเพราะความสูงและอากาศได้ และปลูกไผ่พันธุ์พื้นบ้าน มีผักสวนครัว เช่น มะนาว พริก มีครบ ที่สำคัญคือปลูกแบบออร์แกนิกด้วย ไม่ใช่ปุ๋ยเคมีเลย แล้วผมก็พบผลลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ หากศึกษาดูมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายเยอะมากๆ ผมจึงคิดผลิตภัณฑ์และพัฒนาแบรนด์แม่ยายดุ และวางจำหน่ายดีมากๆ เพราะคนไทยหันมาดูแลสุขภาพเยอะมาก ตอนนี้ผมคิดพัฒนาแตกไลน์ทำเป็นแยมมัลเบอร์รี่โดยทำแบบโฮมเมด พาสเจอไรซ์จำหน่ายอีกทางเลือกหนึ่ง”

ลงทุนซื้อที่ทำไร่เกษตรอินทรีย์

‘สโลว์ไลฟ์ คือ การได้เป็นนายตัวเอง’ ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์

เริ่มแรกก่อนจะตัดสินใจซื้อที่ดินข้างๆ สวน Jorn’s coffee farm ของจอห์นที่ทำไร่กาแฟ อโวคาโด และทำไร่แบบส่วนผสมจำนวน 5 ไร่เศษ เขาทดลองปลูกต้นมัลเบอร์รี่บนดาดฟ้าบ้านพักที่นนทบุรี โดยทดลองปลูกหลายๆ วิธีเพื่อค้นหาว่าแบบไหนดีที่สุด สรุปปลูกพืชต้องลงบนดินดีที่สุด เพราะธรรมชาติจะดูแลกันเอง ประกอบกับได้เข้ากลุ่มปันอยู่ปันกินที่เป็นกลุ่มคนที่ตระหนักในเรื่องสินค้าและผู้บริโภคที่ฉลาดเลือกซื้อเลือกกิน ปลูกกินเองได้ ซึ่งเพื่อนๆ ในกลุ่มเป็นคนในแวดวงเกษตรอินทรีย์ และตัดสินใจซื้อที่ดินที่
อ.น้ำหนาว

“ตอนนี้ผมทำสวนออร์แกนิกโดยใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงคือ ไม่ปลูกพืชอย่างเดียว แต่ปลูกหลายๆ อย่าง เพราะทางเดียวที่จะเข้าถึงอาหารที่ดีคือ ต้องเริ่มจากการปลูก ไร่ที่น้ำหนาวจำนวนสองไร่ครึ่งผมลงมือขอพันธุ์กิ่งมัลเบอร์รี่ 1,000 ต้นมาปลูกเอง แรกๆ ไปขอปุ๋ยจากชาวบ้านที่ปลูกผักอินทรีย์และเลี้ยงหมูด้วย แล้วเขามีเครื่องสีข้าวเล็กๆ  ผมก็ขอเศษข้าวเหลือๆ มาให้หมูของผมกินซึ่งดีมากๆ แต่ปัญหาเดียวคือ ผมอยากมั่นใจว่าทุกขั้นตอนปลอดสารจริงๆ ผมจึงอยากทำเองทุกกระบวนการจึงเกิดโปรเจกต์เพื่อนชื่ออุ้ยทำฟาร์มไก่ ซึ่งเขาได้รับผลกระทบคือ น้ำท่วมฟาร์มที่พระนครศรีอยุธยา เขาจึงแบ่งไก่อารมณ์ดีมา 30 ตัว มาให้ผมเลี้ยง เพื่อผมจะได้นำมูลไก่ไปทำปุ๋ย และให้ผู้จัดการฟาร์มนำไข่ไก่ไปจำหน่ายและให้รายได้กับเขา เราจะได้มั่นใจว่าปุ๋ยเราปลอดสารเคมีจริงๆ

วิถีเกษตรอินทรีย์ของโทนี่ซึมลึกมากขึ้น เมื่อเขาได้รู้จักกับไอคอนด้านเกษตรอินทรีย์ท่านหนึ่งคือ อาจารย์อธิศพัฒน์ วรรณสุทธิ์ เกษตรอินทรีย์ดีเด่นตัวอย่าง อ.ท่าลี่ ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว และโทนี่ได้เรียนรู้เกษตรอินทรีย์แบบครบวงจร รวมไปถึงการพัฒนาชุมชน ความคิด ทำเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านได้ดู ได้รู้ เกษตรอินทรีย์ดีอย่างไร

‘สโลว์ไลฟ์ คือ การได้เป็นนายตัวเอง’ ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์

“ผลมัลเบอร์รี่มีประโยชน์ตั้งแต่ลำต้นยันใบ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด สร้างเลือด ไฟเบอร์ช่วยถ่ายท้อง ช่วยให้ลำไส้เคลื่อน และเป็น Zero Waste ตอนนี้ที่ดินของผม ผมแบ่งปลูกมัลเบอร์รี่ 400 ต้น และแปรรูปเอง นอกจากนี้ผมยังปลูกต้นไม้พันธุ์ผลและพันธุ์ใบ และที่เหลือปลูกโกโก้และพัฒนาที่ดินที่เหลือทำเป็นขั้นบันได เพื่อเป็นแหล่งน้ำ เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร”

ชีวิต ‘สุขี’ ที่น้ำหนาว

ที่เลือก อ.น้ำหนาว เพราะจังหวัดที่เขาอยู่คือ นนทบุรีที่ดินมีราคาแพงมาก พื้นที่การเกษตรกลายเป็นคอนโดมิเนียมไปหมดแล้ว และสวนถูกผลักออกไปเรื่อยๆ แต่สภาพอากาศที่น้ำหนาวเย็นสบาย เขาได้อยู่บนดอย เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่เขาได้อยู่กับธรรมชาติและเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริงจึงจะอยู่ตรงนั้นได้

“ชีวิตประจำวันของผมที่น้ำหนาว ไปทุกครั้งไม่เหมือนไปทำงาน ขับรถไป 7 ชั่วโมง เพื่อไปดูแลสิ่งที่ผมกับผู้จัดการไร่กำลังสร้าง ได้อยู่กับชาวบ้านใช้วิถีชาวบ้าน ที่หมดหน้างานของชาวบ้าน ผมก็จ้างเขามาสร้างบ้านไม้ไผ่เล็กๆ ให้ผมที่เป็นแค่เรือนไม้ไผ่เล็กๆ ก่อนบ้านเสร็จผมนอนนอนเต็นท์ยกแคร่เล็กๆ แล้วกางมุงเอา ชีวิตผมสมรรถะมาก แตกต่างจากอยู่นนท์ที่เราอยู่ดีมีสุขมีพร้อมแล้ว ตอนนี้ผมมีโปรเจกต์จะทำที่ดินที่เหลือเป็นขั้นบันได เพื่อปลูกสมุนไพรไทยที่ผมเริ่มศึกษาจากภัทรเวชสยาม ผมอยากเรียนรู้รากของยาต่างๆ ซึ่งแพทย์แผนไทยของเราดี เพราะค่อนข้างปลอดภัยจากสารตกค้าง แต่เราต้องรู้วิธีผสมผสาน บางตัวมีผลต่อตับต้องใช้อีกตัวมาบำรุงตับ เป็นต้น”

ตารางที่เรียบง่ายของโทนี่คือ 7-10 วัน ใน 1 เดือน เขาจะขึ้นไปอยู่ที่น้ำหนาว เพื่อเพาะพันธุ์สมุนไพรไทย ดูแลตามงานกับฟาร์ม เมเนเจอร์ เวลามีปัญหาเรื่องการเกษตรก็ปรึกษากับจอห์นที่อยู่ไร่ข้างๆ อยู่กันแบบสังคมเกื้อกูลกัน แบ่งปันพืชผักผลไม้และไก่ไข่ออร์แกนิกให้กันกิน

‘สโลว์ไลฟ์ คือ การได้เป็นนายตัวเอง’ ชัยวุฒิ จึงเจริญพาณิชย์

“ตอนนี้ผมกำลังทำสวนโดยเพิ่มโปรตีนให้ไก่ด้วยการหมักสับปะรดไว้เพื่อมีหนอนให้ไก่กิน ปล่อยให้ไก่มีพื้นที่กระโดดได้ ไก่อารมณ์ดีเพราะได้กินอาหารดีๆ ชีวิตของผมที่น้ำหนาวคือ นอนเร็วด้วยไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงได้ตื่นเช้า ไม่มีโทรศัพท์ใช้ แต่มีโทรศัพท์มือถือ ใช้น้ำโอ่งเพื่ออาบ และใช้น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินสูบขึ้นมารดต้นพืช กินน้ำของเทศบาลที่นำมาส่ง ช่วงหน้าฝนเรากักเก็บน้ำฝนไว้ใช้เอง 4 ตุ่มใหญ่ น้ำหนาวดีตรงความชุ่มชื่น เพราะฝนตกหนักมากๆ ช่วงหน้าฝน ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ในหมู่บ้านมีร้านสะดวกซื้อเพียงร้านเดียว ผมอยู่แบบนั้นหิวก็กินกล้วย ดื่มชามัลเบอร์รี่ กินผักปลูกผักกินเอง เช่น ผักสลัด เวลานอนพระอาทิตย์ตกดินมืดจริงๆ ไม่มีไฟฟ้า ก็ต้องนอนเร็วๆ ตื่นตีห้า เรียกว่านอนอิ่ม อากาศดีบริสุทธิ์ มีความสุข ผมชอบชีวิตแบบนี้

สุดท้ายโทนี่ บอกว่า จะใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ได้ ต้องจัดสมดุลกับความเป็นจริงให้ได้ เช่น ชีวิตในแต่ละวันเป็นทำงาน 8 ชั่วโมง อีก 8 ชั่วโมง พักผ่อนและหาความรู้ใหม่ๆ อีก 8 ชั่วโมง ที่เหลือก็ต้องกินข้าวหลับนอน ชีวิตต้องมี 3 ส่วนนี้ แล้วสุขภาพจิตก็จะดี

“ผมคิดว่าความเป็นคนคือต้องนอน อย่านอนน้อย แล้วชีวิตเราจะลงตัวขึ้น ซึ่งตอนแรกๆ กว่าจะทำได้แบบนี้ยากมาก เพราะการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ทุกอย่างยากหมด เช่น เพื่อให้ได้สิ่งที่ลูกค้ายอมรับในคุณภาพ หรือเพื่อนยอมรับมันยากเสมอในช่วงเริ่มต้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทำให้ผมสบายขึ้นทำให้ผมมีเวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ชีวิตสโลว์ไลฟ์ต้องรู้จักบาลานซ์เรื่องการหาเงิน การใช้ชีวิตและความฝันได้ด้วย เราเพียงพอได้แต่ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราต้องอยู่อย่างมีแรงผลักดัน ถ้าหนักเกินไปก็ผ่อน สโลว์ไลฟ์ผมคิดว่าคือ การที่เราได้เป็นนายตัวเอง แต่เราต้องมีระเบียบวินัยที่มากพอ เพราะเราไม่ใช่พนักงานประจำ ที่ทำงานมีเงินเดือน ไม่มีใครมาเลี้ยงเรา เราต้องเลี้ยงตัวเอง ต้องดูสุขภาพตัวเองให้ดี ซึ่งบางคนอาจทำตรงนี้ไม่ได้ก็ได้”