นักปั่นไทย เท่ เฟี้ยว หล่อสตรอง ยกทีม!
นับเป็นโอกาสดีที่ได้เจอนักปั่นจักรยานทางไกลระดับอาชีพทีมไทย ที่บอกได้เลยว่าหนุ่มๆ นักปั่นจากทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง
เรื่อง ภาดนุ ภาพ เอเอฟพี
นับเป็นโอกาสดีที่ได้เจอนักปั่นจักรยานทางไกลระดับอาชีพทีมไทย ที่บอกได้เลยว่าหนุ่มๆ นักปั่นจากทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง (Thailand Continental Cycling Team) นี้ นอกจากจะเก่งจนสามารถคว้าแชมป์ทั้งประเภทเดี่ยวและประเภททีมจากการแข่งขันตูร์ เดอ อินโดนีเซีย 2018 (Tour de Indonesia 2018) มาได้แล้ว แต่ละคนยังแสนจะเท่ เฟี้ยว หล่อสตรองกันแบบยกทีมเลยล่ะ
ลองไปพูดคุยกับโค้ชและสองนักปั่นหนุ่ม เล่าถึงที่มาของความสำเร็จในครั้งนี้กัน
จากอดีตที่เคยเป็นนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยมา 14 ปี ปัจจุบัน โค้ชตั้ม-วิสุทธิ์ กสิยะพัท ได้ผันมาเป็นผู้ฝึกสอนจักรยานทีมชาติไทยและทีมระดับอาชีพได้ 10 ปีแล้ว โดยนำประสบการณ์ของตัวเองมาใช้ในการสอน จัดโปรแกรมฝึกฝน รวมทั้งเฟ้นหานักกีฬาที่มีฝีเท้าดีเยี่ยม เพื่อคัดเลือกเข้ามาเก็บตัวฝึกซ้อมและส่งเข้าร่วมทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ซึ่งเป็นทีมจักรยานทางไกลระดับอาชีพของไทยที่ถือว่ามาแรงในขณะนี้
“หน้าที่หลักของผมนอกจากการฝึกสอนแล้ว ผมยังมีหน้าที่ในการนำทีมนักปั่นไปแข่งขันในสนามต่างๆ ทั่วเอเชีย พร้อมทั้งเป็นโค้ชคอยช่วยวางแผนการแข่งขันให้ด้วย ปกติแล้วผมจะมองหานักกีฬาจากการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งจัดโดยสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ทั้งประเภทถนนและประเภทลู่
ในหนึ่งปีจะมีการแข่งเป็นสิบสนาม ผมก็จะติดตามดูจากผลการจัดอันดับในการแข่งขันเป็นหลัก ถ้านักกีฬาคนไหนทำเวลาดี มีผลงานดี ได้ขึ้นรับรางวัลบนโพเดียม ทางเราก็จะเรียกมาคัดเลือกอีกทีเพื่อให้พวกเขาเข้ามาฝึกซ้อมจนสามารถเดินทางไปแข่งขันในแต่ละทัวร์นาเมนต์กับเราได้
สำหรับการฝึกซ้อมนักกีฬานั้นจะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ เพราะการปั่นจักรยานมีทั้งประเภทถนน ขึ้นเขา และทางไกล นอกจากนี้ยังมีประเภทลู่ระยะกลาง ระยะสั้น รุ่นเยาวชนชาย-หญิง และรุ่นโอเพ่นชาย-หญิง ฉะนั้นนักกีฬาแต่ละประเภทจะมีการซ้อมที่แตกต่างกัน จึงต้องดูสภาพร่างกาย สภาพเส้นทาง และองค์ประกอบอื่นๆ ก่อน แล้วค่อยมาออกแบบการฝึกซ้อมให้นักกีฬาอีกที”
โค้ชตั้ม บอกว่า ตารางการฝึกซ้อมที่ออกแบบจะแบ่งเป็นการซ้อมสำหรับเยาวชนและผู้ใหญ่อย่างชัดเจน แต่จะขอยกตัวอย่างการซ้อมของทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ซึ่งเป็นทีมระดับอาชีพที่จะลงแข่งในรายการจักรยานทางไกลประเภทเอเชียทัวร์เท่านั้น
“อย่างที่บอกว่าการซ้อมมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ แต่สรุปแล้วก็คือ นักกีฬาอาชีพเหล่านี้ ใน 1 สัปดาห์ จะต้องฝึกปั่นเป็นระยะทาง 1,000 กม.เลยล่ะ ส่วนใหญ่แล้วสนามที่ใช้ฝึกซ้อมจะอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ พูดง่ายๆ ว่าปั่นไปตามท้องถนนรอบๆ เชียงใหม่นั่นแหละ ทั้งทางเรียบและทางขึ้นเขา-ลงเขา บางครั้งก็ปั่นไปพะเยาและน่านบ้าง นักกีฬาอาชีพจะอยู่ในช่วงอายุ 20-30 กว่าปี ซึ่งผมจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองฝึกฝนและแนะนำพวกเขาอย่างดีที่สุด
ปีที่ผ่านมา ผมได้พาทีมไปแข่งที่ประเทศมาเลเซีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย เรียกว่าในหนึ่งปีต้องพาทีมไปแข่งขันเกือบ 15 รายการขึ้นไป ล่าสุดเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ซึ่งมีสมาชิก 6 คนของเรา ก็เพิ่งคว้าแชมป์รายการแรกของเอเชียทัวร์ ทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวจากตูร์ เดอ อินโดนีเซีย 2018 มาได้
และอีกไม่กี่วันนี้ทีมก็กำลังจะเดินทางไปแข่งในรายการตูร์ เดอ ลังกาวี 2018 (Tour de Langkawi 2018) ที่มาเลเซียด้วย ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ค่อนข้างท้าทาย เพราะทั้งนักกีฬาทีมชาติ ทีมอาชีพ และทีมสโมสร สามารถลงแข่งในรายการนี้ได้ จึงมีทีมคู่แข่งจากหลายประเทศที่เก่งๆ ทั้งนั้น เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และคาซัคสถาน ดังนั้นการจัดอันดับ (Ranging) จึงสูงตามไปด้วย แถมยังแข่งกันยาวนาน 9 สเตจ (9 วัน) พูดง่ายๆ ว่าต้องปั่นเกือบรอบประเทศมาเลเซีย บนระยะทาง 1,000 กว่า กม. สิ่งที่ผมคาดหวังก็คืออยากให้ทีมทำอันดับให้สูงยิ่งขึ้นอีก”
โค้ชตั้ม ทิ้งท้ายว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นโค้ชก็คือ ต้องพาลูกทีมไปแข่งขันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้นักกีฬาได้รับประสบการณ์จากการแข่งขันในสนามอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าการทำให้นักกีฬาแข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ประสบการณ์และความจัดเจนในการแข่งนั้นสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้ทีมสามารถคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด ติดตามที่เพจเฟซบุ๊ก : Thailand Continental Cycling Team
ด้าน มะตูม-พีระพล ชาวเชียงขวาง หนุ่มนักปั่นวัย 31 ปี จากทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ถือเป็นนักกีฬาความสามารถสูงที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่งของทีม
“ผมเริ่มปั่นจักรยานมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ด้วยความที่ตัวเองเป็นชาวเชียงใหม่ ผมจึงเริ่มจากการปั่นจักรยานเสือภูเขาไปตามถนนและทางขึ้นเขา-ลงเขาก่อน และเพิ่งมาขี่จักรยานเสือหมอบได้ 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมซ้อมหนักมากจนติดนักกีฬาทีมชาติตอนอายุ 19 ปี จากนั้นก็แข่งมา 8-9 ปี ได้แข่งแมตช์ใหญ่ๆ มาเยอะมาก ทำให้มีประสบการณ์และมีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ผมก็เข้าเป็นสมาชิกของทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ได้ 2 ปีแล้วครับ
เมื่อก่อนเมืองไทยยังไม่ค่อยมีนักกีฬาจักรยานอาชีพมากนัก เพราะกีฬานี้ยังไม่ค่อยแพร่หลาย แต่ปัจจุบันกลับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีทีมระดับอาชีพเกิดขึ้นมากมาย ในหนึ่งปีผมและเพื่อนๆ จึงต้องเดินทางไปแข่งขันในรายการต่างๆ กว่า 10 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งขันระดับเอเชียนทัวร์ ซึ่งประเทศที่ไปบ่อยที่สุดก็คือ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เนื่องจากจัดการแข่งขันบ่อย”
มะตูม บอกว่า สำหรับการคว้าแชมป์สเตจสุดท้าย (ระยะทางสุดท้าย) ทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวจากตูร์ เดอ อินโดนีเซีย 2018 ที่ทีมทำได้นั้น ถือเป็นรางวัลใหญ่ประเภทจักรยานทางไกล ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเขาเลยล่ะ
“ระยะทางในการปั่นของแต่ละวันที่แข่งขัน จะปั่น 160-170 กม.ขึ้นไป ทีมไหนหรือนักแข่งคนไหนทำเวลาได้ดีที่สุดก็จะถือเป็นผู้ชนะในแต่ละวัน จากนั้นก็จะนำคะแนนในแต่ละวันมารวมกันเพื่อหาคนหรือทีมที่ทำเวลาดีที่สุดอีกที สุดท้ายทีมเราก็คว้ารางวัลมาได้ทั้งสองประเภท ซึ่งผมรู้สึกดีใจมาก
สำหรับการแข่งขันตูร์ เดอ ลังกาวี 2018 ที่ทีมเราจะไปแข่งขันกลางเดือน มี.ค.นี้ ผมคาดหวังไว้ว่าจะทำอันดับได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ตอนนี้สิ่งที่ผมโฟกัสจริงๆ ก็คือการแข่งขันจักรยานทางไกลในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ซึ่งจะจัดขึ้นกลางเดือน ส.ค.นี้ ที่ประเทศอินโดนีเซีย จุดมุ่งหมายของผมคืออยากได้เหรียญสัก 1 เหรียญ จะเป็นเหรียญอะไรก็ได้ นี่ถือเป็นความฝันของผมเลยล่ะ และในอนาคตผมคิดไว้ว่าจะลงแข่งจักรยานอาชีพไปถึงอายุ 30 ปลายๆ เลยนะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกายด้วยครับ”
สำหรับ อเล็กซ์-อริยะ พูลสวัสดิ์ วัย 26 ปี หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส-ลาว ถือเป็นอีกหนึ่งนักปั่นทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ที่อนาคตสดใสในแวดวงนักกีฬาจักรยานอาชีพ
“ผมปั่นจักรยานมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ พออายุ 18 ปี ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาทีมชาติลาวเพื่อลงแข่งในกีฬาซีเกมส์ปี 2009 ตอนนั้นยังไม่ได้เหรียญอะไรเลยครับ กระทั่งผมมาได้เหรียญทองจากการแข่งขันจักรยานในกีฬาซีเกมส์ปี 2013 ที่ประเทศเมียนมาเป็นเจ้าภาพ และเริ่มเป็นนักปั่นอาชีพตอนอายุ 21 ปี โดยเข้าเป็นสมาชิกทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ เพราะคุณพ่อผมเป็นเพื่อนสนิทกับโค้ชตั้ม วิสุทธิ์ พูดง่ายๆ ว่าผมรู้จักกับโค้ชตั้มมาตั้งแต่ผมเด็กๆ โค้ชตั้มก็ทั้งสอนทั้งดูแลผมเหมือนลูกเลยล่ะ ดังนั้นแกก็เลยดึงตัวผมมาเข้าทีมนี้ด้วย
ล่าสุดจากการแข่งขันในรายการตูร์ เดอ อินโดนีเซีย 2018 ที่เพิ่งผ่านมา ผมทำเวลาได้ดีที่สุดในนักปั่นประเภทเดี่ยว แถมทีมเรายังทำเวลาได้ดีที่สุดตอนรวมคะแนนในวันสุดท้าย ทีมเราจึงคว้าแชมป์ประเภททีมจากรายการนี้มาได้ด้วย ก็รู้สึกภาคภูมิใจมากๆ เลยครับ
ช่วงที่ผ่านมาผมต้องเดินทางไปแข่งขันกับทีมปีละ 10 กว่าครั้งได้ แล้วผมยังมีแยกไปแข่งเดี่ยวอีกหลายครั้ง โดยสนามส่วนใหญ่ที่แข่งจะอยู่ในทวีปเอเชีย ผมว่าทุกรายการที่ได้ไปแข่งมามันท้าทายหมดทุกสนาม แต่ปีนี้สนามที่ผมคิดว่าท้าทายที่สุดก็คือ ตูร์ เดอ ลังกาวี 2018 ที่เรากำลังจะไปแข่ง รวมทั้งกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ในเดือน ส.ค.นี้ ที่จะจัดขึ้นที่อินโดนีเซียด้วย”
อเล็กซ์ บอกว่า การซ้อมปั่นจักรยานของเขาโดยเฉลี่ยแล้วจะปั่น 5-6 ชั่วโมง/วัน ระยะทาง 150-200 กม. โดยซ้อมที่ จ.เชียงใหม่ เป็นหลัก บางวันก็ซ้อมคนเดียวโดยมีโค้ชอีกคนคอยแนะนำ แต่บางวันก็ซ้อมคู่กับมะตูม โดยมีโค้ชตั้มคอยแนะนำให้ นอกจากปั่นจักรยานแล้ว ก็มีการเล่นเวต และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อร่วมด้วย
“เป้าหมายในอนาคตของผมก็คือ อยากจะเป็นแชมป์ในกีฬาเอเชียนเกมส์ หรือแชมป์ในระดับเอเชียให้ได้อีกครั้ง ถ้าให้ผมวิเคราะห์แล้วหลายประเทศก็มีนักกีฬาที่เก่งเยอะนะ แต่ผมไม่รู้สึกกลัวใครสักคนเลย ผมคิดว่านักกีฬาชาติอื่นน่าจะกลัวผมมากกว่า (หัวเราะ) และเชื่อว่าหลายชาติน่าจะกำลังจับตามองทีมไทยแลนด์ คอนติเนนตัลฯ ของเราอยู่ครับ (ยิ้ม)
สำหรับแพลนในอนาคต ผมคงจะเป็นนักปั่นอาชีพต่อไปอีกนาน คิดไว้เล่นๆ ว่าอาจจะแข่งจนอายุ 30 ปลายๆ เลย และถ้าไม่ได้เป็นนักกีฬาแล้ว ก็อาจจะผันตัวเองมาเป็นโค้ชจักรยานเช่นกัน ทุกวันนี้ผมก็เป็นโค้ชสมัครเล่นให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจกีฬาจักรยานอยู่ด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรักและจะทำต่อไปให้ดี แล้วก่อนแข่งขันเอเชียนเกมส์ในปีนี้ ผมก็ได้ติดต่อไปแข่งขันในสนามที่ยุโรปไว้ด้วย เพราะอยากจะลองไปแข่งกับนักกีฬารุ่นใหญ่ๆ ดูสักหน่อย พูดง่ายๆ ว่าตั้งใจไปหาประสบการณ์ให้ตัวเอง และจะทำให้ดีที่สุดครับ” สนใจติดตามได้ที่ IG : Ariya_3291