posttoday

อารียา สิริโสดา อนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ

25 กุมภาพันธ์ 2561

เรื่องราวของคนสวยสุดสตรองอย่าง “ป๊อป-อารียา สิริโสดา” นางสาวไทยปี 2537

โดย สมแขก

เรื่องราวของคนสวยสุดสตรองอย่าง “ป๊อป-อารียา สิริโสดา” นางสาวไทยปี 2537 นอกจากความสวยไม่สร่างของเธอแล้ว สิ่งที่หลายคนพูดถึงและชื่นชมเธอคนนี้ในช่วงที่ผ่านมา ก็คือ การดูแลคุณแม่ ขณะเดียวกันก็เป็นครูสอนโยคะไปด้วย เธอสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ระหว่างนักเรียนโยคะและคุณแม่ ในช่วงเวลานี้อาจจะเรียกว่า นี่คือความสุขที่เธอพยายามค้นหามาโดยตลอดก่อนหน้านี้

“เมื่อก่อนไม่ได้เป็นคนที่ติดบ้าน ไม่ได้นอนหัวค่ำแล้วตื่นเช้า เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตมันดีขึ้นอ่ะ นอนหัวค่ำตื่นเช้า มีเป้าหมายชีวิต ป๊อปมองว่าไม่มีอะไรเจ๋งเท่าการตื่นเช้ามาแล้วไม่เจ็บตัว นอนอิ่ม ไม่ได้ปวดตา ไม่ได้เล่นมือถือทั้งคืน ตื่นมาแล้วสดใสแล้วมีพลัง ตีห้าออกไปเข้าห้องน้ำถ่ายทุกอย่างออกจากร่างกาย เสร็จล้างหน้าล้างตาไปตีเทนนิส เหงื่อออกเสร็จ ก็ไปทำสมูทตี้ให้ทุกคนในบ้านกิน เราเติมพลังให้ทุกคน ถ้าวันไหนมีสอนก็รอนักเรียนมาที่บ้าน เท่านี้”

อารียา สิริโสดา อนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ

ในวันที่ใครๆ เรียกเธอว่าครูป๊อป แต่สิ่งที่อดีตนางสาวไทยบอกเสมอก็คือ เธอเป็นนักเรียนอยู่ตลอดเวลา ด้วยการอนุญาตให้ตัวเองได้ทำสิ่งใหม่ๆ “เราไม่ใช่เป็นครูอย่างเดียว แต่ได้เป็นนักเรียนด้วย พาร์ตไทม์ครู ฟลูไทม์สติวเดนต์ (หัวเราะ) เราต้องเป็นนักเรียนตลอดชีวิต เพราะว่าถ้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเรียนรู้คนนั้นก็คือพร้อมตายแล้ว หลายครั้งที่เราเปิดโอกาสให้ตัวเอง เช่น เล่นเซิร์ฟครั้งแรกหลังเราอายุ 40 หรือทำอะไรหวาดเสียวที่ไม่เคยทำ กล้าที่จะล้ม กล้าที่จะลุก แบบว่ายังตื่นเต้นอะไรอยู่ อายุป่านนี้มันไม่ตื่นเต้นอะไรเท่าไรแล้วนะ เลยหากีฬาเล่นไป มันสนุกแล้วมันท้าทาย คนเรามันเติบโตด้วยความท้าทาย

ถ้าถามว่าเป็นครูกับนักเรียน เราชอบเป็นนักเรียนมากกว่านะ ถ้าเจอครูดีๆ มันคือสมาธิ อยู่กับลมหายใจของเราเอง อยู่กับท่าของเราเอง แต่การที่เราเป็นครูมันต้องมีเมตตา เราไม่ได้อยู่กับตัวเอง เราอยู่กับรอบตัว จะเติมให้เขาเต็มไม่ได้ถ้าเราเองไม่เต็ม เราจะให้เขาไม่ได้ถ้าเกิดเราไม่เคยผ่านมา โดยส่วนตัวป๊อปชอบสอนแบบเล็กๆ สอนแบบต่อเนื่องยาวๆ เพราะได้เห็นนักเรียนเติบโต บางคนอาการป่วยเรื้อรังก็ดีขึ้น เหมือนที่เราหายปวดหลังจากหลังคดที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก เราใช้ศาสตร์ที่เราชอบ อย่างเช่น นวดไทยแผนโบราณผสมกับโยคะ รักษาให้คนเขาหายเจ็บหลังที่เราเคยเป็น

อารียา สิริโสดา อนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ

ป๊อป บอกว่า มันเป็นบุญอย่างหนึ่ง เราเกิดมาโกยความรู้ โกยชื่อเสียง โกยเงินทองมาครึ่งชีวิต ในอีกครึ่งชีวิต ก็ถือคติปล่อย มองเรื่องการให้ ถ้าคุณ จิตกายกับลมหายใจอยู่ที่เดียวกัน ทำให้ดูสิ มันไม่จำเป็น แต่จริงๆ ในวงการของโลกปัจจุบันคือเราสนใจเรื่องเปลือก สนใจท่ายากๆ ถ่ายรูปสวยๆ แต่โยคะจริงๆ มันไม่ได้เน้นตรงนั้น

นักเรียนหลายคนที่มาหาเราก็กำลังดูแลพ่อดูแลแม่ตัวเองอยู่ บางคนดูแลสามี พ่อแม่สามี ดูแลลูก ป๊อปนับถือคนเหล่านี้ ผู้หญิงเป็นเพศที่ดูแลคนอื่นแต่น้อยครั้งที่จะดูแลตัวเอง โยคะมันเป็นโอกาสที่เขาดูแลตัวเอง มาเสร็จชีวิตเขาเปลี่ยนดีขึ้นหายเจ็บหลัง
ปั่นจักรยานก้มตัวเยอะหลังเจ็บข้างหลังต้องยืดเป็นแบล็กเบนมากขึ้น เราก็จะพยายามหาว่ายูเจ็บตรงนี้ใช่ไหมเดี๋ยวฉันไปหาเสิร์จทำยังไงดี เราก็เรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาให้นักเรียน

อารียา สิริโสดา อนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ

ป๊อป บอกว่า ถ้าจะบอกว่าทุกวันนี้ทำอาชีพอะไร สิ่งที่เธอบอกกับทุกคนก็คือ งานในวงการนานๆ ถึงจะทำ หน้าที่ประจำตอนนี้คือเป็นลูก เป็นครู เป็นนักเรียน “เราไม่เคยถือว่าครูโยคะเป็นอาชีพ อีกอย่างเราสอนที่บ้านเราที่หมู่บ้านสัมมากร พยายามคิดถูกที่สุด ครั้งละสองร้อยกว่าบาท คือทุกคนก็ตกใจทำไมคิดถูกขนาดนั้น 

จริงๆ เมื่อก่อนเราเปิดสอนแบบไม่คิดเงิน เพราะเราสอนอยู่หลังบ้าน แบบใครมาก็มาเถอะเราเป็นแชร์ลิตี้ ให้บริจาคเงิน คนก็ให้ห้าร้อยพันหนึ่ง แล้วก็บางคนคือรายได้น้อยบอกว่าสองร้อยห้าสิบบาทได้ไหม อะถ้างั้นก็เป็นสองร้อยห้าสิบบาทไปเลยละกัน สองร้อยห้าสิบบาทแล้วเราก็สอนไปเกือบสองชั่วโมง เล่นเสร็จนักเรียนก็ไปทำก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยกินด้วยกัน คนนั้นก็เอาเนื้อมา คนนั้นก็เอาก๋วยเตี๋ยวมา เสียบปลั๊กข้างหลังบ้าน เล่นโยคะเสร็จมีทำปาร์ตี้ทุกวันพุธ พอเสร็จก็ต้องพาแม่ไปดูหนัง มันเป็นชีวิตที่แบบจริงๆ เรามีความสุขกับการที่อยู่บ้าน

อารียา สิริโสดา อนุญาตให้ตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ

ป๊อปสอนเพราะอยากให้แม่มีเพื่อน มีคนแวะมาหาและพูดคุยกับท่าน ท่านก็ไม่เหงา แม่จะมีความสุขแล้วก็ยิ้มแป้นมากเลยนะ ถ้านักเรียนมาหาเขา แล้วเขาจะมีหน้าที่นะ จำหน้าทุกคนให้ได้ เป็นฝ่ายเช็กชื่อ เรียกทุกคนน้อง ไม่ว่าจะอายุ 50 60 70 ปี ก็เรียกน้องหมดเพราะเขาแก่สุด (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเขาไม่เหงา คนแก่ผู้สูงอายุเนี่ยนะ ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แล้วไม่อยากรู้สึกโดนทิ้ง เรากำลังทำบุญอยู่ ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าแล้ว แล้วคือทุกคนเข้ามาไหว้เขา หาอาหารให้เขากิน ทำให้เขายิ้ม

ทุกวันนี้มีความสุขมากๆ สิ่งที่เราทำ สอนโยคะที่บ้าน ดูแลแม่ เรารู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยวบนโลกนี้ เป็นมนุษย์สังคมอ่ะ ไม่ใช่สังคมเป็นปาร์ตี้นะ แต่เป็นสังคมแบบให้กำลังใจกัน ให้ความรู้กัน ให้แชร์กัน เมตตากัน มีปัญหาอะไรก็ช่วยกัน คือนักเรียนตอนนี้เป็นเพื่อนเราหมด แทบจะสัญญากันเลยว่าจะแก่ก็ดูแลกันไป ฉันจะไม่โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้อีกแล้ว” อดีตนางสาวไทยที่สดใสจากภายใน กล่าว