posttoday

สิรยา ชุมนุมพร 'โยคะ' เปิดโลกใบใหม่

18 กุมภาพันธ์ 2561

สาวนักแปลฟรีแลนซ์ เวลาในหนึ่งวันใช้ไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ พูดไม่เก่ง ไม่มีสังคม สู่การเปิดโลกใบใหม่ด้วยศาสตร์โยคะ

โดย จีรวัฒน์/กองทรัพย์ ภาพ : ทวีชัย ธวัชปกรณ์

สาวนักแปลฟรีแลนซ์ เวลาในหนึ่งวันใช้ไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ พูดไม่เก่ง ไม่มีสังคม และเป็นสาวอวบที่มีอาการปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดหลัง โมโหง่าย รู้สึกแก่ทั้งที่เพิ่งผ่านเบญจเพสมาปีเดียว เมื่อเธอค้นพบโยคะ ชีวิตในแบบเดิมๆ ของเธอก็เปลี่ยนไป ใบเฟิร์น-สิรยา ชุมนุมพร วันนี้เธอเป็นครูสอนโยคะ ที่เริ่มสนใจศาสตร์ของโยคะหลังจากที่รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองพังเร็วกว่าที่ควรเป็น ว่าพอมาเล่นที่นี่เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้น เริ่มเข้าสังคมได้

“เฟิร์นเรียนจบวรรณคดีอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มทำงานก็เป็นนักแปลเลย เป็นคนพูดน้อย และเดิมเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย พอเริ่มทำงานก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลยอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอด ขี้เกียจด้วย พอร่างกายเริ่มแสดงอาการปวดเมื่อย โดยเฉพาะช่วงหัวไหล่ลามไปถึงสันหลัง จากที่ไม่ออกกำลังกาย แต่โยคะก็ผุดขึ้นมาในหัว เพราะคิดว่าน่าจะทำได้ดี เพราะมีพื้นฐานจากบัลเล่ต์ที่เคยเรียนตอนเด็ก เราเริ่มจากหาที่เรียนใกล้บ้านที่วาย โยคะ (Y Yoga) ในซอยโชคชัย 4 ตอนแรกที่เริ่มเล่นวันละสามรอบได้ (หัวเราะ) เพราะรู้สึกสนุกและทำได้ดี จัดสรรเวลาได้เพราะเราเป็นฟรีแลนซ์ ฝึกฝนมาเรื่อยๆ น้ำหนักลดไปประมาณ 7 กก. ภายใน 4 เดือน

สิรยา ชุมนุมพร 'โยคะ' เปิดโลกใบใหม่

 

พอฝึกประมาณปีกว่า พี่ๆ แนะนำให้ลองไปเรียนเพื่อเป็นครูโยคะ บวกกับตัวเองก็สนใจอยู่แล้ว เพื่อที่จะรู้ว่าฝึกโยคะอย่างไรไม่ให้บาดเจ็บ เพราะก่อนหน้านี้เราอาจจะโฟกัสไม่ถูกจุด หรือตัวอ่อนอย่างเดียว แต่ไม่แข็งแรง เลยบาดเจ็บ ลองแก้ด้วยการเข้าฟิตเนส เพิ่มกล้ามเนื้อ บวกกับคุมอาหาร ผลก็คือโอเวอร์เทรนนิ่ง คือน้ำหนักไม่ลด ตัวล่ำกว่าเดิม คือตอนนั้นยังหาสมดุลให้ตัวเองไม่ได้ จึงตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเติมที่ โยคะ สเปซ แบงคอก (Yoga Space Bangkok) ของครูพิมพ์ (พิมพ์รัตน์ เสวตเวชากุล) และเริ่มต้นสอนที่แรกที่ วาย โยคะ โรงเรียนแห่งแรกที่เปิดโลกให้เฟิร์น และรับสอนฟรีแลนซ์อีกหลายแห่งทั้งไพรเวทและสตูดิโอต่างๆ”

นักรบย่อมมีบาดแผลเป็นธรรมดา ใบเฟิร์นเองลองผิดลองถูกอยู่นาน กว่าจะหาจุดที่พอดีให้ตัวเองได้ หลังผันตัวเองมาเป็นครูสอนยิ่งทำให้เธอค้นพบสิ่งที่ชอบ “มันเป็นความรู้สึกที่ดี มีคนยิ้มให้หลังจากที่เราสอนเสร็จ ในฐานะครูเราเห็นเขาสบายตัว สบายใจ ยิ่งทำให้สนใจในทักษะการสอนมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาคือพอเราโฟกัสเรื่องการสอนมากไป จนลืมที่จะดูแลตัวเองกลายเป็นว่าร่างกายเริ่มตึง เพราะเวลาสอนเราทำเดโมเพียงข้างเดียวให้นักเรียนดูจนอีกข้างที่เราไม่ได้ใช้งานพังไปเลย ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว เราหาเวลาพักให้ตัวเองมากขึ้น จากที่เคยสอนทุกวัน ก็ลดลงมาให้มีเวลาว่าง แต่ก็ยังมีไปเข้าคอร์สเรียน พิลาทิส รีฟอร์เมอร์เพื่อให้ไม่บาดเจ็บ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยให้เข้าใจนักเรียนมากขึ้น

สิรยา ชุมนุมพร 'โยคะ' เปิดโลกใบใหม่

 

เฟิร์นกำลังวางแผนจะไปเรียนเพิ่มอีกศาสตร์หนึ่งคือ “หยิน โยคะ” จะเป็นการฝึกค้างท่านาน เพื่อคลายกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายพังผืด เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจเพราะทุกส่วนยังคงทำงานในขณะที่ร่างกายอยู่นิ่ง เหมาะกับคนที่มีปัญหาสุขภาพ ผู้สูงอายุ เป็นต้น เราเป็นครูโยคะ ขณะเดียวกันเราก็เป็นนักเรียนด้วย เป็นสองบทบาทในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเราอยากช่วยคนอื่นเวลาที่ไปสอนก็ต้องเรียนรู้ตลอดเพราะนักเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย ต้องเคยใส่ใจและสังเกต ความคิดต้องทำงานตลอด เพราะเราต้องเรียนรู้ร่างกายเขาไปเรื่อยๆ อย่างกรณีที่เขาเป็นนักเรียนในคลาสประจำของเรา ก็ต้องกลับไปทำการบ้านไปคิดท่าต่างๆ เพื่อเขาโดยเฉพาะ จุดประสงค์ของเราคืออยากช่วยเหลือคนให้เขากลับไปแล้วใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่มองแค่ว่าเป็นการออกกำลังกายเท่านั้น” เฟิร์น กล่าว

สิรยา ชุมนุมพร 'โยคะ' เปิดโลกใบใหม่

 

จากอาชีพนักแปลที่ใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จนกลายเป็นคนไม่เข้าสังคม ทุกวันนี้โยคะทำให้เฟิร์นเรียนรู้วิธีการเข้าหาคนอื่น เปลี่ยนมุมมองและเปิดโลกใบใหม่ มีช่วงหนึ่งพูดติดอ่างเป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน เรียนเก่งแต่ไม่ชอบเข้าสังคม ซึ่งโยคะมันไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย ยังมีในส่วนของความคิดและเรื่องของจิตใจทำให้เรามีความสุข ความปีติ รับรู้ถึงพลังของคนที่มาฝึกด้วยกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เหมือนเป็นอีกสังคมหนึ่ง

สิรยา ชุมนุมพร 'โยคะ' เปิดโลกใบใหม่

 

อนาคตอยากทำให้คนชอบโยคะ และไม่กลัวที่จะฝึกอยากให้คนอื่นๆ เข้าใจว่าพื้นฐานร่างกายคนเราต่างกัน ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่ฝึกจะทำได้เหมือนกันหมด แต่อยากให้เขาพัฒนาได้ตามพื้นฐานของเขา และใช้โยคะในชีวิตประจำวันได้ดี ในขณะที่งานแปลก็ไม่ได้ทิ้ง มีรับอาสาเป็นล่ามให้กับงานโยคะนานาชาติ เป็นสิ่งที่เฟิร์นชอบทั้งสองอย่าง ทำให้สิ่งที่เรียนมาไม่สูญเปล่า ทุกวันนี้จากที่เคยอารมณ์ร้อนเหวี่ยงใส่คนง่ายๆ ก็ถูกปรับกลับมาให้อ่อนน้อมอ่อนโยนขึ้นด้วยโยคะ” เฟิร์นเล่าพร้อมยิ้มตาหยี