posttoday

โปล เซซาร์ เอลเลอ ภาพวาดของยุคแห่งความงดงาม

17 ธันวาคม 2560

โปล เซซาร์ เอลเลอ จิตรกรสีน้ำมันและพาสเทลชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคนที่วาดภาพสุภาพสตรีจากสังคมชั้นสูง

โดย ปณิฏา

โปล เซซาร์ เอลเลอ จิตรกรสีน้ำมันและพาสเทลชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคนที่วาดภาพสุภาพสตรีจากสังคมชั้นสูง ในยุคสมัยแห่งความสง่างามที่เรียกว่า Belle Epoque

โปลเกิดที่เมืองฟานส์ แคว้นเบรอตาญ (บริตตานี) ในฝรั่งเศส บิดานักศุลกากรของเขาเสียชีวิตตั้งแต่โปลยังวัยรุ่น และแม้ว่ามารดาของเขาจะไม่เห็นด้วย แต่โปลก็เดินทางมายังกรุงปารีส เพื่อศึกษาในโรงเรียนประถมชัปตัล กระทั่งอายุ 16 เขาก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ (Ecole des Beaux-Arts) และได้ศึกษากับอาจารย์ระดับจิตรกรชื่อดัง ชอง-เลอง เชโรม

โปล เซซาร์ เอลเลอ ภาพวาดของยุคแห่งความงดงาม

โปล เซซาร์ เอลเลอ ได้เข้าชมนิทรรศการศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ ครั้งที่ 2 ของซาลง เดอ ปารีส ซึ่งทำให้เขาได้คลุกคลีกับบรรดาศิลปิน อย่าง จอห์น ซิงเงอร์ ซาร์เจนต์, เจมส์ แมคนีล วิสต์เลอร์ และโคล้ด โมเนต์ โดยเฉพาะจิตรกรชาวอเมริกัน อย่างจอห์นได้กลายมาเป็นเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทของเขา

นิทรรศการอิมเพรสชันนิสม์ได้ใจอนาคตจิตรกรน้อยอย่างมาก โดยเฉพาะความล้ำสมัย เตะตาของศิลปะ รวมทั้งเทคนิคที่แตกต่างจากระบบที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนศิลปะโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม โปล คิดว่า การศึกษาให้จบจากสถาบันศิลปะ ยังเป็นสิ่งสำคัญ เขาหาเงินเรียนเองด้วยการไปช่วยงานในสตูดิโอทำเซรามิกของบริษัท เตโอดอร์ เดก เซรามิก ฟร็องแซส โดยรับหน้าที่เพนต์ลวดลายลงบนจานชามของบริษัทในช่วงเดียวกัน เขาได้รู้จักกับ โจวานนี โบลดินี จิตรกรที่โดดเด่นทางด้านภาพวาดพอร์เทรตในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครชาวอิตาเลียน และโจวานนีก็กลายเป็นทั้งอาจารย์และเพื่อนสนิท ผู้ส่งอิทธิพลอย่างสูงต่องานศิลปะของเขาในกาลต่อมา

โปล เซซาร์ เอลเลอ ภาพวาดของยุคแห่งความงดงาม

ในช่วงเริ่มแรกของการยึดอาชีพจิตรกรเต็มตัว ผลงานของโปล ไม่เป็นที่เตะตานัก จอห์น ซิงเงอร์ ซาร์เจนต์ ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยโปรโมทผลงานจิตรกรหนุ่ม จนเริ่มมีงานมีการมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รับงานวาดภาพสาวสวยไฮโซ อย่าง อลิศ เกแล็ง ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน และเธอก็กลายเป็นนางแบบขาประจำ แถมยังคอยเป็นเส้นสายให้โปล เข้าสู่สังคมชั้นสูงแห่งกรุงปารีสด้วย

ในปี 1885 โปล เซซาร์ เอลเลอ เดินทางไปยังกรุงลอนดอน และได้พบกับ เจมส์ ชักส์ ติสโซต์ จิตรกรฝรั่งเศสที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โปลได้เห็นเทคนิคภาพพิมพ์แบบดรายพอยต์ โดยอาศัยปากกาสไตลัสแบบหัวเพชรขูดขีดลงบนแผ่นทองแดง เขาเรียนรู้เทคนิคนี้อย่างรวดเร็ว และนำมาใช้สร้างสรรค์ภาพในสไตล์ของตัวเอง โดยภาพพิมพ์ดรายพอยต์ของเขาได้รับความนิยมอย่างสูง

โปล เริ่มมีผลงานแสดงในแกลเลอรี่ต่างๆ มากมาย และเอดการ์ เดอกาส์ ก็ผลักดันให้เขาเข้าร่วมในการแสดงผลงานนิทรรศการอิมเพรสชันนิสม์ ครั้งที่ 8 ในปี 1886 จัดขึ้น ณ อพาร์ตเมนต์หมายเลข 1 บนถนนลาฟิตต์ กรุงปารีส นิทรรศการดังกล่าวมีจิตรกรนีโอ-อิมเพรสชันนิสม์ 17 คนเข้าร่วม รวมทั้ง โปล โกแก็ง, โคลด โมเนต์, กามิลล์ ปิสซาโร ฯลฯ

โปล เซซาร์ เอลเลอ ภาพวาดของยุคแห่งความงดงาม

จิตรกรชาวเบรอตาญได้รู้จักกับคนในแวดวงวรรณกรรมหลายคน โดยมาร์กเซล พรูสต์ นำคาแรกเตอร์ของเขาไปใส่ไว้ในนิยายเรื่อง A la recherche du temps perdu (Remembrance of Things Past) เป็นจิตรกรชื่อ เอลสตีร์ ขณะที่ โรแบต์ เดอ มงเตสกิอู กวีที่กลายเป็นแฟนผลงานภาพพิมพ์ของเขา และในกาลต่อมาได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของโปล โดยรวบรวมผลงานภาพวาดและภาพพิมพ์นับร้อยรูปออกมาในปี 1913

เคาน์เตส เกรฟฟูเออ ลูกพี่ลูกน้องของโรแบต์ ยังแนะนำให้เขารู้จักกับบรรดาสาวไฮโซในยุคนั้นมากมาย ที่กลายมาเป็นลูกค้าของโปล กับภาพวาดพอร์เทรตสไตล์เริดหรูแห่งยุค Belle Epoque ไม่ว่าจะเป็น ดัชเชสแห่งมาร์ลเบอระห์, ลุยซา กาซาติ หรือ เดอะ มาร์เคซา กาซาติ, แบลล์ ดา กอสตา กรีน หลุยอิส เชรุยต์ และเฮเลน่า รูบินสไตน์ เจ้าแม่เครื่องสำอางชื่อดัง

ท่ามกลางเพื่อนฝูงมากมาย คนที่สำคัญอีกคนหนึ่งคือ โกโก้ ชาแนล ซึ่งต่างเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้กันและกัน โดยเขาเลือกโทนสีเบจให้เป็นสีประจำห้องเสื้อชาแนล จากสีสันของหาดทรายที่บิยาริตซ์ ชายหาดทางตอนใต้ของฝรั่งเศส อันเป็นที่โปรดของเธอ ในภายหลัง ทั้งลูกชาย (ชอง เอลเลอ) และหลานชาย (ชักส์ เอลเลอ) ต่างก็กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของชาแนลทั้งคู่ โดยเฉพาะหลานชาย กลายเป็นนักออกแบบน้ำหอมชื่อดังของชาแนล

โปล เซซาร์ เอลเลอ ภาพวาดของยุคแห่งความงดงาม

โปล เซซาร์ เอลเลอ ยังหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากภาพวาดทางศาสนาและกระจกสีในโบสถ์ นอกจากนี้ ยังไปศึกษาเรื่องการวาดภาพดอกไม้และแลนด์สเคปที่สวนของพระราชวังแวร์ซายส์ แล้วเมื่อเขาเกิดคลั่งไคล้การแล่นเรือขึ้นมา ภาพเรือยอชต์และท้องทะเล ก็มาปรากฏในภาพวาดและภาพพิมพ์ของเขาด้วย

ในปี 1912 เขาได้รับเชิญให้ไปออกแบบเพดานของสถานีรถไฟกลางของนิวยอร์ก ซึ่งเขาวาดเป็นรูปท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาว และมีภาพของจักรราศีกับทางช้างเผือกประดับอยู่บนนั้น

แม้ในบั้นปลาย โปล เซซาร์ เอลเลอ จะรู้สึกว่า ตัวเขาไม่ได้เป็นศูนย์กลางของแวดวงศิลปะอีกต่อไป ยุคสมัย Belle Epoque ได้จากไปอย่างถาวรแล้ว ทำให้เขาเกรี้ยวกราดจนทำลายแผ่นภาพพิมพ์ทองแดงจำนวนหนึ่งทิ้งไปบ้าง ทว่าความสำคัญในแวดวงศิลปะฝรั่งเศสของเขาไม่ได้หมดไปตามกาลเวลา โปลได้รับเครื่องราชฯ (Legion d’honneur) และกลายเป็นศิลปินที่ได้รับยกย่องทั้งในปารีสและลอนดอน

เขาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคมศิลปะฝรั่งเศสอย่างถาวร โดยเฉพาะการได้ชื่อในแวดวงศิลปะนานาชาติ ทั้งจากภาพวาดสีน้ำมัน และภาพพิมพ์ดรายพอยต์