posttoday

ยอดคุณพ่อ สองมือนี้ที่สร้างลูก

05 ธันวาคม 2560

ใต้ปีกแห่งความสำเร็จ มักมีคนที่ช่วยพยุงและผลักดันให้ปีกของคนเบื้องหน้าผงาดอย่างกล้าแกร่ง เช่น หนุ่มสาว คู่นี้ที่ใครๆ ก็ชื่นชมกับความสำเร็จของพวกเขา

เรื่อง อณุสรา-มัลลิกา ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ใต้ปีกแห่งความสำเร็จ มักมีคนที่ช่วยพยุงและผลักดันให้ปีกของคนเบื้องหน้าผงาดอย่างกล้าแกร่ง เช่น หนุ่มสาว คู่นี้ที่ใครๆ ก็ชื่นชมกับความสำเร็จของพวกเขา

ผู้สร้างพิมพ์เขียวโปรกอล์ฟมือหนึ่งของโลก

บิดาผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ 2 พี่น้องนักกอล์ฟสาวชาวไทย "โมรียา จุฑานุกาล" และ "เม-เอรียา จุฑานุกาล" มือหนึ่งของโลกจากการแข่งขันกอล์ฟ LPGA สร้างบันทึกหน้าใหม่ให้วงการกีฬาไทยและสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคน นั่นคือภาพเบื้องหน้าแห่งความสำเร็จ

เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โปรเมเริ่มต้นชีวิตนักกอล์ฟด้วยการพบกับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด หากสิ่งนั้นกลายเป็นแรงผลัก ให้ฮึดสู้ ตั้งใจซ้อม และพัฒนาทักษะการเล่นอย่างหนัก โดยมีโค้ชคนแรก คือ คุณพ่อ สมบูรณ์ จุฑานุกาล

คุณพ่อเล่าว่าถ้าลง 2 ต้องก้าวขึ้น 3 และเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ถ้าคิดเล่นกอล์ฟสบายๆ คงไม่มีวันนี้ เมมาจากที่โหล่และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนมีวันนี้ ทุกอย่างมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก รวมถึงการลงทุนที่อาจจะเรียกได้ว่า เดิมพันหมดหน้าตักของครอบครัวจุฑานุกาล เป็นสิ่งที่วางแผนและคาดการณ์เอาไว้แล้ว

"ผมทำเป็นพิมพ์เขียวไว้เลยตั้งแต่ลูกอายุ 5 ขวบ ว่าถ้าจะให้ลูกเป็นนักกอล์ฟต้องมีวิธีการอย่างไร 1 2 3 4 5 แล้วเดินตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด วินัยเป็นเรื่องสำคัญ

ยอดคุณพ่อ สองมือนี้ที่สร้างลูก

จากนั้นจึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับกอล์ฟ หาดูด้วยว่า ไทเกอร์ วูดส์ เริ่มแข่งตอนอายุเท่าไหร่เราต้องวางตารางฝึกอย่างไรบ้าง อาหารต้องกินอย่างไร อ่านหนังสือและหาความรู้เยอะ ตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้เขาก่อน เพราะมื้อเช้าเขาต้องได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพราะมื้อต่อไปต้องไปหาซื้อกินนอกบ้าน ไม่รู้จะได้กินอะไรบ้าง

ทุกเช้าเขาต้องกินผัก ไข่ต้มคนละฟอง ปลาทูทอดคนละตัว แอปเปิ้ลคนละหนึ่งผล กินแบบนี้ทุกวัน ไม่ให้กินอย่างอื่นเลย และต้องกินนมสดให้ครบวันละสองลิตรด้วย ต้องเริ่มตั้งแต่เด็กเหมือนเป็นการวางรากฐานที่สำคัญ ถ้าฐานไม่ดีตึกก็ไม่มั่นคง ถ้าไม่หัดให้ลูกมีเป้าหมายและมีวินัยตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่รู้หน้าที่และมางอแงตอนหลังได้ แต่ถ้าเราฝึกจนเขารู้ว่าต้องทำเป็นหน้าที่เพื่อให้ถึงเป้าหมาย เขาจะไม่งอแง"

วันไหนที่คิดว่าทำได้ไม่ดีมีข้อผิดพลาด คุณพ่อจะกลับมาทบทวนตัวเองว่า วางแผนอะไรผิดพลาดไปบ้าง นำมาแก้ไขปรับปรุง และที่สำคัญคือต้องรักลูกให้มากที่สุด อดทนกับลูก บางครั้งต้องใจแข็งถ้าลูกท้อหรือเหนื่อย อย่าตามใจลูกมากไป ต้องมองยาวๆ ให้เห็นอนาคต มองไปถึงเป้าหมายแห่งความสำเร็จ ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

"ผมล้อมรั้วลูกไว้ด้วยกีฬา เช้าๆ ชวนกันไปวิ่ง เสาร์อาทิตย์สลับไปว่ายน้ำบ้าง ตีแบดบ้าง เล่นเทนนิสบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเบื่อ

เปลี่ยนแวดวงกีฬาเพื่อให้ลูกได้เจอคนที่หลากหลายในแวดวงกีฬา เพื่อให้รู้ว่าคนในวงการกีฬาเขามีเป้าหมายกันอย่างไร

แล้วให้ลูกไปเรียนตีกลองเพื่อเพิ่มทักษะแขนขามีสัมผัสที่ดี สร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแกร่ง ลูกจะได้ไม่เบื่อด้วยให้ลองหลายๆ อย่างแต่ก็มีความชัดเจนว่าโฟกัสไปที่กอล์ฟ เป็นหลัก"

พรสวรรค์ ไม่สำคัญเท่าพรแสวง ขอเพียงมีความอดทน มุ่งมั่น ยากแค่ไหนก็ต้องทำได้ ฝึกจริงจังอย่างมีวินัยสม่ำเสมอ

"จนได้คัดตัวไปแข่ง Junior World ที่อเมริกา ก็ได้ที่ 2 กลับมา ตอนนั้นก็รู้แล้วว่ามันไปต่อได้ ก็ตัดสินใจเรื่องเรียน ต้องบินไปอเมริกา เพื่อจะได้รู้ว่าผู้คนเขาตีกันยังไง เราเก่งจริงมั้ย เก่งจริงหรือยัง

ยอดคุณพ่อ สองมือนี้ที่สร้างลูก

 

 

เรื่องค่าใช้จ่ายก็เตรียมเงินไว้ก้อนนึง ขณะเดียวกันทุกอย่างก็ต้องประหยัดหมด เพราะเรารู้ว่าถ้าไปต่างประเทศต้องใช้เงินเยอะมาก แม้จะเตรียมไว้มากๆ แล้วก็ยังไม่พอ

ต้องขายบ้านไป 2 หลัง แต่เป้าหมายคือเพื่อลูกเราจะลงทุนเพื่อลูกเพื่อที่เขาจะได้โค้ชดีๆ หมดไป 20 กว่าล้าน แต่สิ่งที่ลูกได้มาคือความตั้งใจ ความสำเร็จก็คุ้มค่ากับการลงทุน"

ยอมรับว่าเป็นพ่อที่เข้มงวดกับลูกมาก เพื่อให้ลูกไปถึงเป้าหมายประสบความสำเร็จเพื่อตัวลูกเอง นโยบายของสมบูรณ์ คือ เด็กยังไงช่วงแรกต้องบังคับ แต่เมื่อโตเขาเริ่มมีเหตุผลตอนนั้นต้องถอยแล้ว เพราะถ้ามาฝึกตอนโตจะบังคับยาก เพราะเขาได้ฝึกให้มีวินัยมาแต่เด็ก ตรงตามสำนวน ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง

"ผมมีเป้าหมายชัดเจน ชีวิตทั้งชีวิตขอทุ่มให้ลูก 100% อยู่กับลูกตลอดเวลาไม่มีชีวิตส่วนตัวเลย ตั้งแต่ลูก 5 ขวบจนลูกอายุ 17 ปี ชีวิตตอนนั้นเพื่อลูกเพียงอย่างเดียว ระยะหลังที่เริ่มปล่อยลูกเพราะมีโค้ชที่เก่ง มีผู้จัดการที่ดี มีคนที่เก่งกว่ามาฝึกมาดูแลลูก พ่อจึงเป็นเพียงที่ปรึกษาให้กำลังใจ ให้ลูกเดินต่อด้วยตัวเอง

ตอนนี้ผมก็มาเป็นที่ปรึกษาให้กับครอบครัวที่อยากฝึกให้ลูกเป็นนักกอล์ฟ เป็นที่ปรึกษาให้ฟรี เพราะอยากให้มีเอรียาอีกเยอะๆ ในประเทศไทย"

ยอดคุณพ่อ สองมือนี้ที่สร้างลูก

ลมใต้ปีกแชมป์กีตาร์คลาสสิก

"เบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล" คือ คนไทยและคนเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศกีตาร์คลาสสิก Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition 2014 (GFA 2014) นับเป็นที่สุดของการแข่งขันกีตาร์คลาสสิกระดับโลก

ทุกวันนี้เขาเปิดโรงเรียนสอนกีตาร์ คลาสสิก ชื่อ เอกชัยกีตาร์เซ็นเตอร์ และมีโอกาสทัวร์คอนเสิร์ตในหลายประเทศ ในแวดวงดนตรีคลาสสิกชื่อชั้นของเขาเป็นที่รู้จัก

ความสำเร็จมักอยู่สูงเด่น ผู้คนมองเห็นได้ง่าย แต่กว่าเขาจะมาถึงยอด สะดุดหกล้มมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่ามีสองมือที่แข็งแกร่งช่วยพยุงประคับประคองให้ลุกขึ้นได้เสมอ และคอยอยู่เคียงข้างทุกก้าวจังหวะของชีวิต บุคคลผู้นั้นคือ คุณพ่อ "ยุทธชัย เจียรกุล"

เบิร์ดฉายแววรักทางสายดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งในครานั้นยุทธชัยเพียงแต่ยินดีที่ลูกมีกิจกรรมทำ และค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเองเจอตั้งแต่ยังเยาว์ โดยไม่ได้คาดการณ์ถึงอนาคตใดๆ เลย

"เบิร์ดเล่นดนตรีครั้งแรกน่าจะประมาณชั้น ป.4 เป็นเครื่องทรัมเป็ต ตอนนั้นเขาบอกทางบ้านว่า ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกวงดุริยางค์ของโรงเรียน ซึ่งพ่อและทางบ้านก็รู้สึกว่าดนตรีเป็นกิจกรรมที่ดีและอยากจะส่งเสริม

หลังจากเข้าวงได้ไม่นานเขาก็เริ่มยืมเครื่องดนตรีของโรงเรียนติดตัวกลับมาซ้อมที่บ้านเป็นประจำ เวลาเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างก็จะขอที่บ้านไปซ้อมกับเพื่อนที่ห้องดนตรี ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาชอบและมีความสุขกับดนตรีอย่างเห็นได้ชัด

พ่อและทางบ้านก็อยากสนับสนุนทางดนตรี แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะทำอาชีพดนตรีอย่างจริงจัง ความรู้สึกของเราตอนนั้นมองว่า ดนตรีเป็นกิจกรรมที่ดีเป็นสิ่งที่เขาชอบ แต่ถามถึงอาชีพ ด้วยประสบการณ์ที่พ่อและคนในครอบครัวคนอื่นๆ อาจจะไม่คุ้นเคยกับสายอาชีพนี้

เราเลยมีความรู้สึกกังวลว่า มันอาจจะยังไม่เป็นอาชีพที่ดีได้ในอนาคตของลูกเรา จึงไม่อยากสนุบสนุนให้เขาเรียนดนตรีอย่างจริงจังในตอนที่เขาตัดสินใจที่จะเรียนสายดนตรี"

(เบิร์ดศึกษาด้านการแสดงเดี่ยวกีตาร์ คลาสสิก ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของ รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ได้รับทุนการศึกษามาโดยตลอดในระยะเวลาเรียน และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัย Mozarteum University Salzburg ประเทศออสเตรีย)

ยอดคุณพ่อ สองมือนี้ที่สร้างลูก

เส้นทางนี้เบิร์ดเลือกเอง แม้ครอบครัวจะมีความกังวลในสายที่เรียน แต่ความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และการกระทำที่เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ลูกชายจะเอาดีทางดนตรีแน่ หน้าที่พ่อต้องสนับสนุนและส่งเสริม และคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา ท่าไม่ดีก็ดึงกลับมาเปลี่ยนสายเรียนได้ แต่ทุกๆ วันลูกชายก็ทำให้ประจักษ์ว่า กีตาร์คลาสสิกกับเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน

"เบิร์ดมีความเป็นผู้ใหญ่สูงตั้งแต่เด็ก และรู้ว่าทางบ้านเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลางที่ไม่มีทุนมากมายเพื่อสนับสนุน ซื้อเครื่องดนตรีซึ่งมีราคาแพงให้ได้ สิ่งที่เราสนับสนุนได้คงเป็นการคอยดูเขาห่างๆ ให้คำปรึกษาหรือคอยขับรถรับส่งในสถานที่ต่างๆ ที่เขาจะเดินทางไป บางทีก็มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศด้วยบ้าง

เขาทำให้เราไว้ใจ เราก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจว่าจะวางแผนการเรียนยังไง แล้วเราก็คอยสนับสนุนตามที่จะสามารถทำได้"

ในขณะเรียนเบิร์ดได้ตะลอนประกวดกีตาร์คลาสสิกหลายเวทีทั้งในไทยและต่างประเทศ ช่วงแรกค่าใช้จ่ายเป็นเงินส่วนตัวทั้งนั้น ไม่มีหน่วยงานไหนสนับสนุน และอย่างที่ทราบไปแล้วว่าฐานะทางการเงินครอบครัวมีแค่พอส่งเสียเล่าเรียน แต่เมื่อลูกเลือกหนทางนั้น พ่อก็ต้องช่วยถากถางสุดความสามารถเท่าที่ทำได้

"เมื่อก่อนพ่อมีธุรกิจที่ต้องเดินทางไปกลับ กรุงเทพฯ-อุบลฯ ตลอด เบิร์ดก็มีโอกาสมาด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตา ศึกษาดูงานคอนเสิร์ตของศิลปินต่างๆ และก็มีขับรถพาเดินทางไปแข่งที่จังหวัดต่างๆ ซึ่งใช้เงินไม่สูงมากทางบ้านไม่ค่อยเดือดร้อน

พอเบิร์ดมีความตั้งใจจะเดินทางไปแข่งต่างประเทศครั้งแรก เราก็คิดหนักเหมือนกันเพราะใช้เงินสูง จึงต้องใช้เงินเก็บส่วนตัวมา สนับสนุนเขา

มีครั้งหนึ่งที่เขาต้องซื้อกีตาร์ราคาเป็นแสนครั้งแรกตอน ม.5 ทางบ้านก็ต้องหาวิธีเพื่อระดมทุนมาซื้อให้เขา เพราะเราก็มองเห็นว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น เขาต้องใช้จริงๆ

ไม่เคยท้อที่ต้องทำเพื่อเขา เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่เขามีความสุข และเขาเป็นคนจริงจังมีความรับผิดชอบ

พ่อไม่ค่อยได้บอกอะไรกับเขามาก ส่วนใหญ่เบิร์ดจะทำได้อย่างที่เขาบอกกับเราเสมอ อย่างตอนที่เขาจะเรียนที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เราก็บอกเขาว่าไม่มีทุนเพื่อส่งเรียน เขาก็บอกไม่เป็นไรเบิร์ดจะหาทุนเรียนเอง จากนั้นไม่กี่เทอมเขาก็ทำได้ แถมยังทำงานส่งเงินมาช่วยทางบ้านอีก

ทุกวันนี้รู้สึกภูมิใจและดีใจที่เขาทำได้อย่างที่ตั้งใจ ที่ผ่านมาเราลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำ เขาสู้เองหลายอย่าง คุ้มค่ามากครับ เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่เขารักและสามารถทำดนตรีเป็นอาชีพได้ไม่เหมือนตอนที่พ่อกังวล"

นี่เป็นเพียงตัวอย่างคุณพ่อซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูก สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ร่วมกันของ 2 ครอบครัวนี้ก็คือ ความรัก และการดูแลใส่ใจลูก ให้กำลังใจ ไม่ว่าจะยามใดก็ตามเมื่อลูกเหลียวหลังมาจะเจอพ่อแลอยู่อย่าง ห่วงใยเสมอ