posttoday

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

02 ธันวาคม 2560

ประเทศอังกฤษเป็นชาติที่ได้ขึ้นชื่อว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างให้กับโลกนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าย้อนไปในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

โดย...ทีมงาน โลก 360 องศา

ประเทศอังกฤษเป็นชาติที่ได้ขึ้นชื่อว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างให้กับโลกนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าย้อนไปในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราจะค้นพบว่าอังกฤษเคยคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลกในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรไอน้ำ ระบบรางรถไฟ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ระบบการค้าเสรี เป็นต้น และหลายๆ อย่างก็ยังอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้ แถมพัฒนาไปไกลกว่าเดิมอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวการพัฒนาแบบอังกฤษในอดีตที่ประสบความสำเร็จได้ ก็เพราะเขามีนักคิดและนักประดิษฐ์เก่งๆ นั่นเอง ประกอบกับการมีแร่เหล็กและถ่านหินปริมาณมาก จึงสามารถพัฒนาเครื่องจักรใหม่ๆ โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงได้ ตัวอย่างเช่น รถจักรไอน้ำ เครื่องจักรไอน้ำในโรงงานทอผ้า เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาระบบรางมาตั้งแต่ปี 1800 เป็นต้นมา ทำให้ทุกวันนี้การเดินทางด้วยรถไฟทั้งในลอนดอน อังกฤษ หรือแม้แต่เดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ก็แสนจะสะดวกสบาย

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

 

หากเราเดินทางออกจากลอนดอนขึ้นมาทางเหนือสักประมาณ 250 กิโลเมตร จะพบเมืองเล็กๆ ชื่อว่า Selby เป็นเมืองเงียบๆ บรรยากาศดี ผู้คนใช้ชีวิตกันสบายๆ แต่เป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญคอยอยู่เบื้องหลังการพัฒนาของประเทศนี้มากมาย โดยย้อนไปในช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา Selby เคยเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ขนาดใหญ่ ซึ่งแร่ที่สำคัญที่สุดคือถ่านหินเพราะเป็นเชื้อเพลิงหลักในสมัยนั้น ดังนั้นถ่านหินที่ผลิตได้จากที่นี่จะถูกขนส่งผ่านระบบรางเพื่อส่งต่อไปยังโรงไฟฟ้าอีกหลายโรง แม้ว่าทุกวันนี้เหมืองถ่านหินใน Selby ปิดไปแล้ว แต่โรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังอยู่ โดยนำเข้าถ่านหินมาจากต่างประเทศ

ถึงแม้ว่า Selby จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีข้าวของขายทุกอย่าง รวมทั้งร้านอาหารไทยด้วย รายได้หลักของ Selby ในปัจจุบันมาจากเกษตรกรรมเป็นหลัก เพราะว่าดินดี อากาศดี และน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ หากเราสังเกตเศรษฐกิจจากคุณภาพชีวิตของผู้คนจากจำนวนร้านค้าและธนาคารที่มีอยู่แล้ว ก็พอจะเดาได้เลยว่าเศรษฐกิจของ Selby ดีพอสมควรเลยทีเดียว

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

 

ที่ Selby มีสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นเสมือนแลนมาร์คของเมืองนี้ ดังนั้นใครที่มาจะต้องไปแวะชมคือโบสถ์ Selby Abbey สำหรับคนที่นี่แล้ว Selby Abbey เป็นมากกว่าศาสนสถานและเป็นมากกว่าสิ่งปลูกสร้าง เพราะว่านี่คือส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนที่นี่ที่ผูกพันกันมารุ่นต่อรุ่นกว่า 900 ปีแล้ว สถาปัตยกรรมด้านในมีความงดงาม และให้ความรู้สึกสุขสงบเมื่อได้เข้ามาเยือน ประกอบกับการได้พบเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของคนพื้นเมืองผู้สูงวัยหลายๆ ท่าน ก็ทำให้เข้าใจได้เลยว่าทำไมคนที่นี่เขาถึงเข้าโบสถ์กันแทบทุกวัน

จากโบสถ์ Selby Abbey หากทอดสายตาออกไปไม่ไกลมากนัก จะมองเห็นแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งเคยเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญและทำให้เมืองนี้เคยมีอุตสาหกรรมต่อเรือ นอกจากการทำเหมืองแร่ในอดีตแล้ว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จึงเคยมีรายได้จากอุตสาหกรรมการต่อเรืออีกด้วย แม่น้ำสายนี้ เรียกว่า River Ouse ไหลตรงไปยังชุมชนเล็กๆ อีกแห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า Drax เป็นเมืองที่อยู่ร่วมกับประวัติศาสตร์การพัฒนาที่เกิดขึ้นในประเทศนี้มาโดยตลอด ปัจจุบันคือโฉมหน้าใหม่ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ประเทศ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่ มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 500 คน แต่คนที่นี่ก็มีคุณภาพชีวิตที่ค่อนข้างดี เพราะมีงาน มีรายได้จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนชื่อว่า Drax Power Station ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีบทบาท สำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของอังกฤษ

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

 

จากการค้นพบเหมืองถ่านหินที่ Selby ในปี 1967 นั่นเอง จึงทำให้รัฐบาลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นที่ Drax และบริเวณใกล้เคียงอีกหลายแห่ง โรงไฟฟ้าโรงแรกเริ่มส่งไฟฟ้าได้ในปี 1974 ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยที่สุดในประเทศเลยทีเดียว จากนั้นก็พัฒนาและเพิ่มจำนวนโรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในปี 1986 เมื่อเทคโนโลยีในยุคนั้นพัฒนามากขึ้น ทางโรงไฟฟ้าก็ติดตั้งระบบดักจับมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ในปี 1995 โรงไฟฟ้า Drax ได้ชื่อว่าเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่สะอาดที่สุดในอังกฤษ ยิ่งปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีก้าวไกลยิ่งกว่าเดิมมาก คนที่นี่จึงไม่ค่อยกังวลใจเรื่องมลภาวะกันเพราะภาพของท้องฟ้าใส ใบไม้เขียวชอุ่ม ภาพผู้คนทำการเกษตรและใช้ชีวิตอย่างสุขสงบในชุมชนที่ห่างจากรั้วของโรงไฟฟ้าเพียงไม่กี่สิบเมตร ก็บอกใบ้เรื่องราวได้เป็นอย่างดีแล้ว

ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นของคนในชุมชน อาจจะมาจากความรู้เท่าทันเทคโนโลยี หรืออาจมาจากความเชื่อถือในกลไกการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลก็ตามที แต่ที่แน่ๆ คือเราได้เห็นว่าคนที่นี่เขาอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าได้โดยปราศจากความขัดแย้ง ทุกวันนี้โรงไฟฟ้า Drax Power Station ไม่ได้ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แล้วหันไปสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ดังนั้น โรงไฟฟ้า Drax จึงต้องปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วย

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

 

อังกฤษมักแสดงบทบาทความเป็นผู้นำโลกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ยิ่งถ้าเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมประเทศนี้ให้ความสำคัญเรื่องของการลดโลกร้อนอย่างมาก โดยนโยบายที่ออกมาก็จะเป็นเรื่องของพลังงานเป็นส่วนใหญ่ พ.ร.บ.ลดโลกร้อนปี 2008 ของอังกฤษตั้งเป้าว่าต้องลดคาร์บอนให้ได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2020 เมื่อเทียบกับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดของอังกฤษเมื่อปี 1990 คือประมาณ 592 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือถ้าจะเปรียบเทียบขนาดของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบชัดๆ แล้วละก็ ขอให้นึกถึงรถเมล์ 2 ชั้นของอังกฤษวางเรียงกัน 592 คัน โดยรัฐบาลใช้มาตรการหลายๆ กลไกลควบคู่กันไป เช่น กำหนดให้บริษัทผู้บริการไฟฟ้าจะต้องใช้ไฟฟ้าโดยสัดส่วนหนึ่งต้องได้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งยังมีการการันตีรายได้ให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนต่ำ กลไกเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่อังกฤษไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มแต่กลับหันไปสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แทน

ผลจากนโยบายดังกล่าว ทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเดิมต้องปรับตัวรวมถึงโรงไฟฟ้า Drax ซึ่งมีแนวคิดจะนำเชื้อเพลิงชีวมวลมาใช้ผลิตไฟฟ้าแทน เพราะเชื้อเพลิงชีวมวลจัดอยู่ในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ แต่การที่จะทำให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องมีเชื้อเพลิงชีวมวลที่มากพอ ซึ่งไม่สามารถหาได้ในประเทศนี้ เขาจึงค้นหาแหล่งผลิตในต่างประเทศจนพบว่าในอเมริกาเหนือมีของเหลือจากอุตสาหกรรมป่าไม้มากพอที่จะใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งได้ บริษัทจึงไปตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งที่โน่น แล้วขนส่งกลับมายังโรงไฟฟ้าที่นี่ และกลายเป็นโรงไฟฟ้าแห่งเดียวที่มีการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลได้อย่างแท้จริง

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน

 

ทุกวันนี้แม้ว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินอื่นๆ จะพยายามปรับตัวให้ได้เหมือน Drax แต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะต้องใช้เงินทุนมหาศาลและที่สำคัญคือต้องมีแหล่งผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลปริมาณมหาศาลเป็นของตนเอง เรื่องของพลังงานนี้บางทีก็ซับซ้อนเหมือนกัน แต่ถ้าหากเราอยากมีการพัฒนาก็เป็นเรื่องที่เราควรรู้เพราะอังกฤษประสบความสำเร็จมาได้ถึงทุกวันนี้ก็เนื่องมาจากพลังงานตั้งแต่พลังงานจากไอน้ำในอดีตพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน สมดังคำที่ว่า "ไร้ซึ่งพลังงาน การพัฒนาไม่เกิด" หรือ "ไร้ซึ่งพลังงานที่มั่นคง การพัฒนาก็ไม่ราบรื่นเช่นกัน" นั่นเอง

สัปดาห์นี้ท่านสามารถติดตามชม เรื่องราวของเดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้านนี้ได้ผ่านรายการโลก 360 องศา คืนวันเสาร์นี้ เวลา 20.55 น. ทาง ททบ.5

เดินหน้าแบบอังกฤษ คิดแบบรอบด้าน