posttoday

เงียบ...ฟังเสียงจากภายในตัวเอง

19 พฤศจิกายน 2560

Back to Noiseless นิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 2 ของ พีระ โภคทวี ที่เป็นการก้าวข้ามความคาดหวังของคนอื่น

โดย มัลลิกา นามสง่า

Back to Noiseless นิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 2 ของ พีระ โภคทวี ที่เป็นการก้าวข้ามความคาดหวังของคนอื่น และหลุดพ้นจากกับดักความคิดของตัวเอง ซึ่งลุ่มหลงอยู่กับเสียงของสรรพสิ่งรอบข้าง

ยังคงใช้เทคนิคสีน้ำ ซึ่งเป็นทักษะที่ถนัดที่สุดในการสร้างงานจิตรกรรม แต่ในครั้งนี้ได้สร้างเรื่องราว รูปทรงขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่วาดแนวพอร์เทรตสีน้ำ และมีผู้คนชอบในผลงานจำนวนมาก หากเขาต้องการที่จะสื่อสารกับงานมากกว่าความสวย

เงียบ...ฟังเสียงจากภายในตัวเอง

“งานชุดนี้ผมเริ่มจากถ่ายทอดบรรยากาศของความเงียบ เพราะตั้งแต่ได้รับอนุมัติให้แสดงงาน ผมก็มาย้อนคิดว่าเมื่อ 3 ปีก่อน เราแสดงพอร์เทรตสีน้ำแล้วมีคนชื่นชอบยอมรับด้านนี้ มันเหมือนกับเราก็หลงไปกับคำชื่นชมในระดับหนึ่ง ก็สร้างแต่งานแบบนี้มา พอมาครั้งนี้รู้สึกเราทำเพราะเราอยากทำจากตัวเราจริงๆ ไม่ใช่ทำงานที่คนอื่นชอบ”

นั่นจึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ความเงียบและได้ทบทวนฟังเสียงจากภายในตัวเอง ที่มันค่อยๆ ดัง แสดงความต้องการออกมาเรื่อยๆ จนกลบเสียงจากภายนอก

“ภาพหุ่นนิ่ง พอร์เทรต วิว เราอาจจะวาดได้ดี แต่เนื้อหาไม่ได้ลึกซึ้ง ผมอยากสร้างอะไรที่มันสื่อความต้องการข้างในของเรา ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นแบบงานชุดนี้

เงียบ...ฟังเสียงจากภายในตัวเอง

เกิดจากการนั่งทบทวน อยู่เงียบๆ ก่อนหน้านี้ผมได้รับเสียงรอบข้างมาเยอะ และยอมรับว่าผมอ่อนไหวปล่อยให้เสียงจากภายนอกมามีอิทธิพลกับตัวเอง และบางทีก็เผลอทำตามเสียงพวกนั้น สุดท้ายมันมีข้อเสียกับเราเยอะนะ เราไม่ได้เป็นตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

การรับสื่อเยอะๆ ทำให้เราวุ่นวายใจ หรืออย่างดูงานคนอื่นก็เอาไปเปรียบเทียบ มันอาจทำให้เราพัฒนา แต่ในที่สุดศิลปะไม่ใช่การสร้างเพื่อแข่งขัน ผมเลิกเล่นเฟซบุ๊กมาปีกว่า เพราะเสียงเหล่านี้มันรบกวนใจเราหลายๆ ด้าน ทั้งวิธีการทำงานและเป้าหมายที่บิดเบือน

พอเรากลับมาเงียบๆ มาฟังเสียงตัวเองคนเดียว มาสำรวจว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไร เราเริ่มทำงานจากความรักทำงานศิลปะ ไม่ได้หวังชื่อเสียง เราอยากสร้างงานศิลปะให้มากกว่าภาพสวยๆ”

เงียบ...ฟังเสียงจากภายในตัวเอง

Back to Noiseless เป็นการพาตัวเองย้อนกลับไปสู่ภาวะจิตใจที่อยู่ท่ามกลางความเงียบและความว่างเปล่าอีกครั้ง “ความเงียบทำให้เราได้คิด เลยทำให้ประทับใจความเงียบ ทำให้ผมตัดตัวเองจากเสียงต่างๆ ทำให้เราตกผลึกในงานรอบนี้มากขึ้น งานมาจากตัวเราเองจริงๆ ไม่ได้มีอิทธิพลของคนอื่นมาครอบงำความคิด

เวลาเงียบเรานึกถึงอะไร มันไม่ใช่แค่ไหนว่างเปล่า แต่มันกลายเป็นภาพต่างๆ ผุดขึ้นมาแล้วผมนึกถึงทะเล อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกเราชอบทะเล พอเห็นภาพทะเลก็นึกว่ามันสัมพันธ์กับความเงียบ ยิ่งเวลาเราดำน้ำอาจจะมีเสียงของสัตว์ แต่มันก็เป็นเสียงในความเงียบ ซึ่งมันสะท้อนภาพความเงียบที่เราคิดไว้ออกมาได้ระดับหนึ่ง

เงียบ...ฟังเสียงจากภายในตัวเอง

ต่อมานึกภาพเด็กหาปลาดำน้ำในทะเลไปค้นหาโอปอล เหมือนเรามีสตอรี่ขึ้นมา ไม่ได้มีเหตุผลที่ชัดเจนแต่เป็นเหมือนคนเราเดินทางออกตามหาความฝัน เด็กคนนี้เหมือนตัวแทนของเราที่เราทำงานศิลปะแล้วเราค้นพบความฝันของเรา

งานชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นภาพแนวนอน เพื่อต้องการให้เห็นความราบเรียบ เส้นแนวนอนเป็นเส้นที่สื่อถึงความสงบได้มากกว่าแนวตั้ง และปล่อยให้พื้นที่ว่างเยอะเป็นความเงียบที่แผ่กว้าง ถ้าใส่รายละเอียดลงในงานเยอะภาพยิ่งดูวุ่นวาย งานชุดนี้ผมต้องการสร้างบรรยากาศของความเงียบขึ้นมา”

ความเงียบและความว่างเปล่าอาจเป็นจุดเริ่มต้น หากแต่เรื่องราวของเด็กหาปลายังเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการค้นหาและไล่ตามความฝันของคนเรา ที่แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะบรรลุผลหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งต่างๆ ที่ได้พบเจอในระหว่างทางนั้นก็ล้วนมีคุณค่าเสมอนิทรรศการ  Back to Noiseless จัดแสดงวันที่ 23 พ.ย.-12 ธ.ค. ณ ห้องนิทรรศการชั้น 1 ห้อง 1 หอศิลป์จามจุรี