posttoday

ธุวชิต วิไลโอฬาร สุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

12 พฤศจิกายน 2560

แอ๊ป-ธุวชิต วิไลโอฬาร (วัย 37 ปี) อดีตนักร้องนำวง The Positive

โดย ภาดนุ

แอ๊ป-ธุวชิต วิไลโอฬาร (วัย 37 ปี) อดีตนักร้องนำวง The Positive ของค่ายการ์เด้น มิวสิค ในเครืออาร์เอสฯ ปัจจุบันได้มาสังกัดค่าย 2 Degrees และได้ปล่อยซิงเกิ้ลเพลง “ขอตื่นแค่ในฝัน” ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันไปแล้ว ล่าสุดแอ๊ปกำลังมีผลงานซิงเกิ้ลใหม่ชื่อเพลงว่า “สุขใจที่ได้เหงา” ที่กำลังจะปล่อยให้แฟนๆ ได้ฟังกันในช่วงเดือน พ.ย.นี้ ทางยูทูบและจูคซ์ นอกจากการเป็นนักร้องแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีมุมที่รักธรรมชาติและรักต้นไม้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ารู้สึกสุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวรอบๆ ตัวเป็นอย่างยิ่ง

“โดยปกติแล้วผมชอบปลูกต้นไม้หรือดอกไม้มานานแล้ว แต่ก่อนผมอยู่ทาวน์เฮาส์ เลยไม่ค่อยมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้มากนัก แต่ตอนนี้ผมมาซื้อบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเองโดยอยู่มาได้ 8 ปีแล้ว บ้านหลังนี้อยู่ตรงถนนศรีนครินทร์ จึงมีพื้นที่พอจะปลูกต้นไม้ดอกไม้ได้บ้าง จริงๆ แล้วผมเป็นผู้ชายชอบดอกไม้ที่มีสีสันหรือมีกลิ่นหอมนะ (หัวเราะ) ที่ผ่านมาก็เคยปลูกดอกราชาวดี ดอกพุด พุดน้ำบุษย์ และบุหงาส่าหรี ผมจะเน้นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมๆ ที่ปลูกมาก็มีทั้งต้นที่ตายบ้างรอดบ้าง เนื่องจากพื้นที่ในบ้านมันมีจำกัด แถมแดดก็แรงด้วย

ธุวชิต วิไลโอฬาร สุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

ต่อมาผมก็ลองปลูกไม้ผลอย่างต้นทับทิมบ้าง เพราะมีความหลังฝังใจว่าบ้านเก่าของพ่อแม่ที่อยู่ จ.นครราชสีมา เคยปลูกต้นทับทิมไว้ ด้วยความที่ดินดี ต้นทับทิมก็เลยออกลูกดก ผมเลยได้กินทุกวัน ก็เลยรู้สึกชอบมาจนทุกวันนี้ แต่ด้วยความที่ผมปลูกต้นทับทิมในกระถางปูน แถมตอนนั้นยังไม่ค่อยมีความรู้ เน้นใส่แต่ปุ๋ยเคมี ต้นทับทิมก็ออกดอกออกผลนะ แต่ผมก็ไม่กล้ากิน (หัวเราะ) เพราะรู้ว่าเราใส่ปุ๋ยเคมีเยอะไป อ้อ! แล้วผมยังปลูกต้นเชอร์รี่ด้วย ซึ่งก็ปลูกในกระถางเหมือนกัน แต่พอดินแห้งต้นมันก็เริ่มจะตาย”

แอ๊ปบอกว่า จุดเปลี่ยนในการปลูกพืชของเขาก็คือ การที่เขาได้มีโอกาสไปเข้าคอร์สอบรมเกี่ยวกับ “ศาสตร์พระราชา” ที่อาจารย์ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) และโจน จันได จัดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ แรกๆ ก็รู้แค่ว่าอาจารย์ยักษ์ปลูกข้าว ส่วนโจน จันได ดูแลเรื่องเมล็ดพันธุ์พืช แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้วก็ได้พบว่าความรู้เกี่ยวกับกสิกรรมธรรมชาตินั้นช่วยตอบโจทย์คนเมืองที่ไม่มีความรู้เรื่องต้นไม้อย่างเขาได้ดีมากๆ

“อาจารย์ยักษ์บอกว่า ‘ศาสตร์พระราชา’ คือศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงสอนไว้ ว่าเราต้องเลี้ยงดินเพื่อให้ดินเลี้ยงพืช เพราะพืชเติบโตได้ด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์ นี่คือหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนนั้นผมไปอบรมที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในการเข้าอบรมครั้งนั้นเสียค่าอบรม 3,000 บาท ตอนนั้นผมไปกับเพื่อนๆ กลุ่มไบค์ ไฟน์เดอร์ ซึ่งผมว่าพวกเราได้ความรู้คุ้มค่ามากกว่าค่าอบรมที่จ่ายไปมากมายนัก

เมื่อกลับมาทำให้ผมรู้เรื่องการเลี้ยงดินเพื่อให้ดินเกิดความสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้ต้นไม้ที่เราปลูกนั้นสมบูรณ์ไปด้วย ที่สำคัญเราต้องมีการห่มดินทุกครั้งก่อนที่จะปลูกพืชอะไรก็ตาม โดยใช้ฟางมาห่มดินหรือวางคลุมดินเป็นอันดับแรก ซึ่งผมก็มานึกย้อนหลังถึงตอนที่ผมเคยปลูกต้นไม้ ซึ่งผมจะทิ้งให้ต้นไม้และดินโดนแดดตลอดทั้งวัน เลยทำให้ความชื้นในดินระเหยออกไปหมดเพราะความร้อน แต่ถ้ามีฟางคลุมหน้าดินอยู่ก็จะทำให้ความชื้นไม่ระเหยไป ดินจะยังคงชุ่มชื้นอยู่ แล้วฟางที่นำมาห่มดินก็ยังช่วยกรองแสงแดดไปในตัวด้วย จึงทำให้ดินอุดมสมบูรณ์อยู่ได้”

ธุวชิต วิไลโอฬาร สุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

แอ๊ปบอกว่า ความรู้ที่ได้มาอีกอย่างคือ การให้ปุ๋ยแบบแห้งชามน้ำชาม นั่นคือต้องเตรียมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแห้งใส่ลงไปในดินส่วนหนึ่งด้วย อีกส่วนหนึ่งจะเป็นปุ๋ยหมักน้ำ ซึ่งจะมีรูปแบบคล้ายๆ กับน้ำหมักชีวภาพที่สามารถนำมารดต้นไม้ได้ เมื่อสลับกันให้อาหารดินแบบแห้งชามน้ำชามก็จะทำให้ดินกลับมามีธาตุอาหารที่สมบูรณ์และกลายเป็นดินดี

“ต้นไม้บางชนิดที่ผมปลูกไว้ในกระถาง เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน แม้ผมจะไม่ได้ย้ายต้นไม้เหล่านั้นมาลงดินโดยตรงก็ตาม แต่ผมก็จะใช้วิธีห่มดินโดยใช้ฟางโรยไว้ทั่วกระถางและใส่ปุ๋ยธรรมชาติช่วย และเมื่อมีโอกาสได้ปลูกต้นไม้ในกระถางใบใหม่ ผมก็จะเริ่มต้นจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ตั้งแต่การผสมดิน ห่มดิน ใส่ปุ๋ยแห้ง รดปุ๋ยน้ำ ให้เกิดจุลินทรีย์ธรรมชาติ เกิดธาตุอาหารในดิน โดยทิ้งดินไว้ 1 สัปดาห์แล้วจึงค่อยปลูกต้นไม้ลงไป

ปัจจุบันนอกจากปลูกต้นไม้ในกระถางประเภทไม้ดอกไม้ประดับแล้ว ตอนนี้ผมก็เริ่มปลูกไม้กินได้อย่าง กะเพรา ใบหูเสือ ซึ่งเป็นสมุนไพรกินได้ ผมได้มาตอนไปกับกลุ่มไบค์ ไฟน์เดอร์ โดยค้นพบว่าคนในพื้นที่เขาใช้ใบหูเสือกินกับลาบ อีกอย่างมันเป็นไม้ล้มลุก แค่ใช้ก้านปักไว้ในดินก็สามารถแตกหน่อแตกใบโตขึ้นมาได้ แล้วยังมีต้นอ่อมแซ่บ ซึ่งเป็นพืชกินใบด้วยเช่นกัน ใบของมันสามารถคั้นเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ได้ด้วย ผมว่าการที่เราไปเข้าคอร์สเรียนมา ทำให้รู้ว่ามีพืชบางอย่างรอบๆ ตัวที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันนำมาทำเป็นอาหารได้มากมาย พูดง่ายๆ ว่าพืชหลายชนิดเป็นไม้ล้มลุกที่มีประโยชน์มากทีเดียว”

แอ๊ปบอกว่า ทุกวันนี้บ้านที่ตัวเองอยู่ไม่ค่อยเหลือพื้นที่ให้ปลูกพืชมากนัก เขาจึงใช้พื้นที่บางส่วนของโรงรถปลูกกะเพราขาวใบเล็ก ซึ่งเขาได้มาจากต่างจังหวัดเพื่อไว้กินเองตอนทำอาหาร ที่สำคัญยังนำไปแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ กินด้วย เรียกว่าไม่ต้องซื้อหากะเพราให้วุ่นวายอีกต่อไป

ธุวชิต วิไลโอฬาร สุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

“ผมว่าศาสตร์พระราชาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดขึ้นมานี้มีประโยชน์ต่อชาวไทยทุกคนมากๆ เพราะคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือ การที่คนเราสามารถปลูกพืช ปลูกข้าว เลี้ยงปลา ฯลฯ ไว้เพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างพอเพียง ไม่เดือดร้อน เมื่อเหลือแล้วจึงค่อยแบ่งปันให้
ผู้อื่นต่อไปนั่นเอง พืชชนิดไหนสามารถปลูกกินเองได้ก็ทำเลย ซึ่งข้อดีก็คือเราไม่ต้องไปเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างเหมือนพืชผักที่เราซื้อเขา เพราะเราปลูกเอง เราย่อมรู้ว่าเราใส่อะไรลงไป

เดิมทีผมเป็นคนโคราช บ้านของครอบครัวผมก็อยู่ต่างจังหวัดทั้งคู่เลย ตั้งแต่เรียนจบผมเคยคิดว่าอยากจะมีที่ทางของตัวเองอยู่ที่ต่างจังหวัด เพราะเวลาที่ว่างเว้นจากการทำงานในเมือง เราก็สามารถจะไปพักพิงกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติได้ แต่ตอนนี้เนื่องจากเราเป็นวัยที่ยังต้องทำงานอยู่ จึงต้องอยู่ในเมืองไปก่อน ตอนนี้ผมก็เริ่มเก็บหอมรอมริบเพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวที่ต่างจังหวัด มีบ้าน มีสวน ให้อยู่อาศัยได้สบายๆ ซึ่งมันเป็นความฝันที่ผมตั้งใจจะทำให้เป็นจริงให้ได้”

แอ๊ปเสริมว่า ในอนาคตถ้ามีที่ดินของตัวเอง พืชชนิดแรกที่จะปลูกก็คือ ต้นตีนเป็ด หรือต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งมันจะออกดอกในช่วงหน้าหนาว เมื่อเดินผ่านก็จะได้กลิ่นหอมๆ ของมันฟุ้งเข้าจมูกเลยล่ะ

“ถ้ามีสวนของตัวเองจริงๆ ผมคิดว่าคงปลูกไม้กินได้เป็นหลัก เช่น ส้มโอ ขนุน และอื่นๆ ที่สามารถเดินไปเก็บมากินได้เลย จริงๆ พ่อผมก็พอมีที่ที่ต่างจังหวัดอยู่บ้าง เมื่อก่อนท่านยังยุให้ผมไปเรียนด้านเกษตรเลย แต่ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญสักเท่าไหร่ ในใจยังคิดว่าจะไปปลูกพืชทำไม เรามีเงินเราก็สามารถหาซื้อได้นี่นา แต่ทุกวันนี้พอมีความรู้บ้างแล้ว ก็ทำให้รู้ว่าการปลูกพืชไว้กินเองมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในอนาคตถ้าเรามีพืชผักผลไม้เป็นของตัวเอง เราก็จะไม่อดแน่นอน พูดได้ว่ามันคือความยั่งยืนที่คนไทยทุกคนควรจะคิดไว้ เพราะเราจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อ

ธุวชิต วิไลโอฬาร สุขใจที่ได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียว

ตอนนี้ผมยังทดลองปลูกข้าวด้วยนะ แต่ว่าผมทดลองปลูกในกระบะเก่าๆ โดยนำเมล็ดข้าวมาปลูกดู เพราะอยากเห็นรวงข้าวที่กำลังเติบโต แรกๆ ก็หว่านซะเยอะเลย เพราะคิดว่าอยากเห็นรวงข้าวเยอะๆ ปรากฏว่าต้นอ่อนของข้าวมันขึ้นมานะ แต่พอโตเป็นต้นใหญ่แล้วมันไม่ออกรวง เพราะมันแย่งอาหารกันกิน คือหว่านเมล็ดข้าวมากไป ต่อมาผมก็ปลูกให้น้อยลงโดยหย่อนเมล็ดข้าวลงไปในอีกกระถางแบบไม่ตั้งใจ ปรากฏว่าเมล็ดข้าวที่เราหย่อนไว้ไม่กี่เมล็ด ตอนนี้ก็ได้อย่างใจเลย เพราะมันออกรวงหนาสวยงามมาก จนทำให้ผมคิดว่าอยากจะปลูกข้าวในที่ดินจริงสัก 2-3 ไร่ ซึ่งคุณพ่อก็บอกว่า ถ้าจะปลูกจริงๆ ท่านก็มีที่ดินที่ต่างจังหวัดให้นะ ซึ่งในอนาคตผมคิดว่าจะลองไปปลูกข้าวดูแน่นอน”

เอาละ ใครที่เป็นแฟนของแอ๊ปสามารถติดตามซิงเกิ้ลใหม่ของเขาได้ทาง YouTube, JOOX และคลิปวิดีโอสั้นเป็นตอนๆ กับการเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของเพจเฟซบุ๊ก : Bike Finder Thailand