posttoday

เตรียมพร้อมออกกำลัง ฝ่าลมหนาว

05 พฤศจิกายน 2560

ลมหนาวย่างเข้ามาแล้วและดูเหมือนว่าฤดูหนาวของปีนี้จะเย็นจัดและยาวนาน

โดย  โยโมทาโร่ ภาพ : เอพี

ลมหนาวย่างเข้ามาแล้วและดูเหมือนว่าฤดูหนาวของปีนี้จะเย็นจัดและยาวนาน สำหรับคนที่นิยมออกกำลังกายตอนเช้าจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาว ดังนั้นการเลือกชุดออกกำลังกายสำหรับฤดูหนาวจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามตั้งแต่รองเท้าไปจนถึง
เสื้อกันหนาว

1.เปลี่ยนรองเท้าวิ่งในสภาพอากาศเย็น

เตรียมพร้อมออกกำลัง ฝ่าลมหนาว

 

สิ่งแรกที่เรามักจะมองข้ามในการออกกำลังกายในฤดูหนาวก็คือรองเท้า ใครๆ ก็มักจะคิดว่าใส่รองเท้าอะไรก็ได้ในช่วงฤดูหนาว แต่อันที่จริงแล้วรองเท้าออกกำลังกายก็มีขีดจำกัดในการใช้งานในสภาพอากาศเย็นเช่นเดียวกับเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ

พื้นรองเท้าวิ่งส่วนมากทำจากยางที่มีคุณสมบัติในการคืนตัวและรองรับแรงกระแทก แต่เมื่อเจอสภาพอากาศเย็นจะทำให้คุณสมบัติการคืนตัวและรับแรงกระแทกลดลง หรือเรียกง่ายๆ ว่าพื้นรองเท้าจะแข็งขึ้นนั่นเอง ทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งลดลง รูปแบบการวิ่งเปลี่ยนไป

อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องคุณสมบัติในการระบายอากาศรองเท้าวิ่ง ในสภาพอากาศร้อนจะมีคุณสมบัติในการระบายอากาศที่ดี แต่ในสภาพอากาศหนาวคุณสมบัตินี้จะเป็นตัวรับลมเย็นทำให้อุณหภูมิเท้าลดลง

ดังนั้น ลองมองหารองเท้าออกกำลังกายที่มีเทคโนโลยีพื้นรองเท้ารุ่นใหม่ เช่น พื้นรองเท้า ลูนาร์ไกลด์ ของไนกี้ และนวัตกรรมบูสต์ ของแบรนด์ อาดิดาส ที่มีคุณสมบัติในการคืนตัวและรองรับการกระแทกได้ดีแม้ในสภาพอากาศเย็นจัด

ส่วนตัวรองเท้าควรมองหารองเท้าที่มีรูระบายอากาศที่น้อยลงบ้าง แต่ช่วยให้รักษาอุณหภูมิของร่างกายได้ดีขึ้น

2.เสื้อออกกำลังกายสำหรับฤดูหนาว

เตรียมพร้อมออกกำลัง ฝ่าลมหนาว

 

หากคุณคิดว่าแค่เลือกใส่เสื้อออกกำลังกายกับเครื่องแจ็กเกตกันหนาว 1 ตัวก็เพียงพอแล้ว ลองเปลี่ยนมาใช้เสื้อออกกำลังกายแบบระบายเหงื่อได้ดี ร่วมกับแจ็กเกตสำหรับการวิ่งออกกำลังกายโดยเฉพาะ จะช่วยให้คุณไม่ต้องทรมานกับการวิ่งท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด

ปกติแล้วเรามักจะวิ่งได้ดีในช่วงอุณหภูมิระหว่าง 20-27 องศาเซลเซียส ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป เหมือนกับที่เราวิ่งในฟิตเนสทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่เราวิ่งในสภาพอากาศต่ำกว่า 20 องศา อุณหภูมิร่างกายจะลดลงอย่างรวดเร็ว หากคุณออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือปั่นจักรยาน ยิ่งทำให้เกิดลมพัดความร้อนออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น

แทนที่สุขภาพจะแข็งแรงคุณอาจจะต้องเผชิญกับโรคหวัดที่ตามมาในประเทศไทย ช่วงอุณหภูมิฤดูหนาวในภาคกลางและภาคใต้ อุณหภูมิช่วงเช้าเฉลี่ยอยู่ที่ 20-26 องศา อุณหภูมิระดับนี้คุณสามารถใส่เสื้อ 2 ชั้น หรือเสื้อแจ็กเกตสำหรับวิ่งและกางเกงขาสั้นวิ่งได้สบายๆ ส่วนภาคเหนือจะอยู่ตั้งแต่ 10-20 องศา ชุดที่ควรสวมใส่จึงควรเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว และเสื้อแจ็กเกตซ้อนทับอีกชั้น

เนื้อผ้าควรเลือกแบบที่สามารถระบายเหงื่อได้ดี สวมสบายไม่ระคายผิว ในขณะที่เสื้อแจ็กเกตนั้นควรเลือกแบบที่เป็นเนื้อผ้าบางเบาพอป้องกันลมหนาวและเก็บความร้อนในร่างกายได้ดี เพราะในขณะวิ่งหรือปั่นจักรยานเวลาเหงื่อออกจะค่อยๆ ระเหยจากสภาพอากาศแห้งในช่วงฤดูหนาวได้เอง หากคุณเลือกเสื้อผ้าที่หนาและหนักเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกเหนียวตัวระหว่างออกกำลังกาย และออกกำลังกายได้ไม่คล่องตัวเท่าไหร่นัก

3.รักษาความชุ่มชื้นผิว

ก่อนออกกำลังกาย

คนที่เคยวิ่งออกกำลังกายในสภาพอากาศหนาวเย็นจัดจะรู้ดีว่า สภาพอากาศแห้งจะดึงความชุ่มชื้นจากเซลล์ผิวได้ง่ายแม้จะมีเหงื่อออก แต่ก็กลับกลายเป็นการเร่งให้อากาศเย็นและแห้งดึงความชุ่มชื้นจากผิวได้ง่ายขึ้น คุณจะรู้สึกคันตามตัวจากผิวที่แห้งแตก รู้สึกแสบลำคอและโพรงจมูก

การทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณที่หน้าแขนและขาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้ามไปเมื่อเราวิ่งในสภาพอากาศที่เย็นจัด โลชั่นที่ใช้ควรเลือกสูตรที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและรักษาความชุ่มชื้นผิวได้ดี ระหว่างออกกำลังกายหากจิบน้ำเป็นระยะๆ ได้จะช่วยไม่ให้แสบโพรงจมูกระหว่างออกกำลังกาย หรือคุณอาจจะใช้วิธีการรับประทานวิตามินซีเสริมก่อนออกกำลังกายอีกทางหนึ่งก็ได้เช่นกัน

เตรียมพร้อมออกกำลัง ฝ่าลมหนาว

 

4.รับประทานอาหารให้พลังงานเพิ่มขึ้น

ในช่วงอากาศเย็นเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องเผาผลาญไขมันเพิ่มเพื่อรักษาความอบอุ่นในร่างกาย จึงทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่ถ้าคุณออกกำลังกายตอนเช้าคุณควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย เช่น จากเดิมรับประทานขนมปังกับกาแฟตอนเช้า 2 แผ่น ให้เพิ่มเป็น 3 แผ่น เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานมากพอในการออกกำลังกายจนจบโปรแกรม