posttoday

ชำนาญ เมธปรีชากุล วันว่างเพื่อครอบครัว และการตลาดในวันว่าง

07 ตุลาคม 2560

หากพูดถึงนักการตลาดตัวยงในวงการธุรกิจค้าปลีก ชื่อของ ชำนาญ เมธปรีชากุล

โดย จะเรียม สำรวจ 

 หากพูดถึงนักการตลาดตัวยงในวงการธุรกิจค้าปลีก ชื่อของ ชำนาญ เมธปรีชากุล ต้องเป็นหนึ่งที่ติดโผอย่างแน่นอน เนื่องจากชำนาญทำงานด้านการตลาดร่วมกับเดอะมอลล์มาหลายสิบปี จนเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างถ่องแท้ และจากการที่ทำงานด้านการตลาดมานาน จึงทำให้การใช้ชีวิตในช่วงนอกเวลาทำงาน ชำนาญจะยังคงนำวิชาการตลาดไปใช้กับเวลาของการพักผ่อน

 เห็นได้จากการใช้เวลาส่วนตัวที่ได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การทำกิจกรรมนอกบ้าน กินข้าว ดูหนัง เดินช็อปปิ้งกับศรีภรรยา ซึ่งถือว่าสำคัญอย่างมากสำหรับเวลาในช่วงวันหยุด

ชำนาญ เมธปรีชากุล วันว่างเพื่อครอบครัว และการตลาดในวันว่าง

 เนื่องจากตลอด 5 วัน จันทร์-ศุกร์ ชำนาญจะใช้เวลาไปกับการทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนภรรยาก็อยู่บ้านดูแลลูกแฝด และดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน

 แต่เมื่อลูกๆ เติบโต และตอนนี้ก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศภรรยาของชำนาญเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้น เมื่อมีเวลาว่างในช่วงวันหยุด ชำนาญจึงจะให้เวลาส่วนใหญ่ไปกับภรรยา

 ด้วยการพาภรรยาไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ไปหาอะไรอร่อยๆ รับประทาน ไปผ่อนคลายด้วยการดูหนังและช็อปปิ้งตามความเหมาะสม แต่ก็ยังสามารถทำประโยชน์จากการพักผ่อนในช่วงวันหยุดได้เช่นกัน

ชำนาญ เมธปรีชากุล วันว่างเพื่อครอบครัว และการตลาดในวันว่าง

 “จากประสบการณ์การทำงานที่ดูในด้านของการตลาดมาโดยตลอด เมื่อได้ไปพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ผมเลยถือโอกาสสำรวจตลาดไปในตัว ซึ่งทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มงานจนถึงปัจจุบัน ส่วนเหตุผลที่ผมต้องให้เวลาวันหยุดกับครอบครัวอย่างเต็มที่ เนื่องจากครอบครัวของผมเป็นครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก และภรรยาก็อยู่บ้านมาตลอด 5 วัน

 "พอถึงวันหยุดผมก็เลยอยากให้เขาได้ออกไปข้างนอกบ้าง โดยส่วนใหญ่ก็จะไปกันทั้งครอบครัว ส่วนเวลาไปเดินห้างก็มีแยกกันเดินบ้าง เพื่อไปดูของที่แต่ละคนสนใจ” ชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวถึงช่วงเวลาพักผ่อน

 สำหรับสถานที่ที่ชอบพาครอบครัวไปเที่ยวในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนใหญ่จะหาสถานที่ใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดให้บริการ เพราะนอกจากจะได้ไปดูความแปลกของสถานที่แล้ว ยังได้ไปดูสินค้าและบริการที่สถานที่นั้นๆ นำมาให้บริการลูกค้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นการสำรวจตลาดไปในตัว

ชำนาญ เมธปรีชากุล วันว่างเพื่อครอบครัว และการตลาดในวันว่าง

 นอกจากจะให้ความสนใจไปดูสถานที่ใหม่ๆ เพื่อกิน เพื่อช็อปปิ้งแล้ว การเดินห้างหรือตลาดก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชำนาญบอกว่าทำเป็นประจำ ซึ่งในส่วนของห้างที่ไปเดินก็จะมีทั้งห้างที่ตัวเองดูแล และห้างของคู่แข่ง ว่ามีอะไรที่เขามีแต่เราไม่มี หรือมีอะไรที่เรามีแต่เขาไม่มี และอีกกิจกรรมที่ชำนาญให้ความสนใจคือ การดูหนัง

 "เพราะการดูหนังจะทำให้เราสามารถตามเทรนด์ของโลกทัน และทราบถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคอีกมุมหนึ่งว่าต้องการอะไร"  

 ชำนาญ เล่าต่อว่า  อีกหนึ่งกิจกรรมที่ชอบมากๆ คือการเข้าไปทดลองอาหารในร้านอาหารใหม่ๆ ซึ่งในส่วนของร้านอาหารที่ไปหาชิม ก็จะทราบจากสื่อไม่ว่าจะเป็นในโซเชียลมีเดียหรือรายการทีวี

 "เช่น เห็นจากรายการเปรี้ยวปาก เราก็ไปกินกันในวันนั้นเลย นอกจากจะได้ชิมอาหารที่อยากรับประทานแล้ว ยังได้เห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการว่าเป็นอย่างไร"

 จากความต้องการอยากรับประทานอาหารในร้านที่เห็นในสื่อโซเชียลมีเดีย และทีวีในปัจจุบัน ชำนาญ บอกว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเห็นอิทธิพลของเรื่องเล่าหรือตำนานของเรื่องนั้นๆ เพราะเรื่องราวที่มีการนำเสนอส่วนใหญ่จะได้ผลการตอบรับจากผู้บริโภค

ชำนาญ เมธปรีชากุล วันว่างเพื่อครอบครัว และการตลาดในวันว่าง

 “เวลาผมไปไหนมา ผมมักจะเอาสิ่งที่พบเห็นในช่วงวันหยุดมาเล่าในกลุ่มการตลาด เช่น ไปดูหนังมาเรื่องหนึ่ง นอกจากจะได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของหนังเรื่องนั้นๆ แล้วยังได้แนวคิดการจัดกิจกรรม โดยนำสิ่งใหม่ๆ ที่พบเห็นทุกเรื่องมาปรับใช้หรือต่อยอดการทำการตลาดปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทำให้เราไม่ตกยุค และยังสามารถสร้างเวิร์ก-ไลฟ์ บาลานซ์ ได้อีกทางหนึ่ง”

 ชำนาญ เล่าอีกว่า การตลาดสำหรับตัวเขาก็คือการดำเนินชีวิต เพราะทุกอย่างที่ได้เห็นได้ยินได้สัมผัส สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตและการทำงานได้

 "อย่างเช่นไปนั่งกินข้าวในร้านอาหาร เราก็ไปนั่งสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าและการบริการของร้านค้านั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร ถ้ามันเวิร์กเราก็นำมาปรับใช้กับการทำธุรกิจของเรา"

 สำหรับสิ่งที่ชำนาญได้เห็นจากการใช้เวลานอกบ้านอยู่กับครอบครัว และนำมาปรับใช้กับการทำงาน ล่าสุดก็การทรานส์ฟอร์มทีมการตลาด 4.0 ด้วยการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยทำงานด้านการตลาด ซึ่งแต่ละคนที่เข้ามาร่วมทีมตอนนี้ค่อนข้างมีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย

 สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ชำนาญต้องการ สำหรับการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน เพราะหากมัวแต่ทำการตลาดแบบเดิม โดยไม่รู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นองค์กรที่ล้าหลัง ซึ่งจะส่งผลไปถึงการดำเนินธุรกิจที่อาจจะตามคู่แข่งไม่ทัน

 "ยิ่งปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และหันมาให้ความสนใจเทคโนโลยีมากขึ้น หากทีมการตลาดไม่มีการผสมผสานในด้านของคนในองค์กรทั้งยุคเก่าและยุคใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และไม่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามช่วยเสริมในการทำตลาด ความสำเร็จของธุรกิจจากเดินหน้าก็อาจจะเป็นเดินถอยหลังก็เป็นได้" ชำนาญ ขยายความทิ้งไว้อย่างน่าคิด